ในช่วงที่ร่างกายป่วยระยะสุดท้าย กล้ามเนื้อ และอวัยวะต่างๆ อาจใช้งานไม่ได้ หลายคนอาจเลือกเตรียมใจ ใช้ช่วงเวลาสุดท้ายกับคนที่รัก แต่นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ที่ตั้งใจเปลี่ยนร่างกาย และสมองของเขาให้เป็นไซบอร์ก เพื่อที่จะทำให้ตัวเองยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ดร.ปีเตอร์ สกอตต์-มอร์แกน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ วัย 61 ปี ผู้เป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย หลังถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคเซลล์ประสาทสั่งการ (MND) ในปี ค.ศ.2017 ได้ตัดสินใจที่จะต่อเวลาการการมีชีวิตอยู่ โดยการใช้เทคโนโลยี ในการยกระดับทั้งร่างกายและสมองให้เป็น “สิ่งมีชีวิตไซเบอร์เนติกขั้นสูงสุดที่มนุษยสร้างขึ้นในรอบ 13.8 พันล้านปี”
สกอตต์-มอร์แกน อ้างว่าตอนนี้เขาคือ ‘Peter 2.0’ โดยกระบวนการในการเปลี่ยนร่าง และสมองเกิดขึ้นหลังจากกระบวนการแพทย์ได้ใส่ท่ออาหารลงไปในกระเพาะอาหารของเขาโดยตรง ทั้งยังใส่สายสวนเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ และศัลยกรรมตรงไปยังลำไส้ใหญ่ เพื่อให้เขาสามารถจัดการกับปัญหาเรื่องอาหาร และการเข้าห้องน้ำได้
ทั้งเขายังได้รับการผ่าตัดกล่องเสียง เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่น้ำลายจะเข้าไปในปอด ทำให้เขาไม่สามารถพูดคุยกับเสียงที่เป็นธรรมชาติของเขาได้อีกต่อไป แต่ใช้เสียงสังเคราะห์ ทั้งตอนนี้เขาหายใจด้วยเครื่องช่วยหายใจ รวมถึงใช้วีลแชร์แบบใหม่ ที่ช่วยให้เขายืน นอนราบและเคลื่อนที่ไปรอบๆ ได้ด้วย
เขามุ่งมั่นที่จะใช้ความเชี่ยวชาญของเขาในการบรรเทาโรคของตัวเอง ทั้งเว็บไซต์ของเขายังอ้างว่านี่คือ ‘การทดลองในชีวิตของเขา’ โดยการวางแผนที่จะใช้ความรู้นี้ไม่ใช่เพื่อให้เขาอยู่รอด แต่ยังหวังว่างานของเขาจะช่วยให้คนอื่นที่มีความพิการรุนแรงกว่า 2 แสนคนทั่วโลกอาศัยอยู่กับโรคนี้ได้ รวมถึงการที่เขาเปลี่ยนไปสู่ไซบอร์กจะเป็นโอกาสด้วย
สกอตต์ มอร์แกน ถูกผู้เชี่ยวชาญระบุในช่วงสิ้นเดือนที่แล้วว่า เขาอาจจะต้องสิ้นชีวิตภายในสิ้นปีนี้ แต่ภายหลังเขาออกมาบอกว่า “ขั้นตอนทางการแพทย์ทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์แล้ว และประสบความสำเร็จอย่างมาก” ทั้งยังเล่าว่าเครื่องช่วยหายใจขนาดเล็กทำให้เขาหายใจได้เสียงเบากว่า Darth Vader มาก “ผมไม่ตาย ผมกำลังจะเปลี่ยนแปลง และนี่ทำให้ผมรักวิทยาศาสตร์” เขากล่าว
อ้างอิงจาก
http://www.scott-morgan.com/blog/
พิสูจน์อักษร: จิรัชญา ชัยชุมขุน
#Brief #TheMATTER