( ยาวหน่อย แต่ค่อยๆ อ่านนะ เพราะข่าวนี้จะสนุกขึ้นเรื่อยๆ )
หลังจากมีการเปิด ‘ตัวละครใหม่’ ซึ่งว่ากันว่า มีบทบาทสำคัญในการทำให้ตัวเลขความเร็วรถยนต์ของ บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา เปลี่ยนไป นำไปสู่การสั่งไม่ฟ้องคดีในท้ายที่สุด
รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร นำเอกสารของ พ.ต.ท.ธนสิทธิ แตงจั่น ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน (ยศขณะนั้น ปัจจุบันเป็น พ.ต.อ.) ผู้ตรวจสอบความเร็วรถยนต์ของบอส อยู่วิทยา เมื่อปี พ.ศ.2555 ที่ระบุตัวเลขว่าประมาณ 177 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาเปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวเลขความเร็วรถยนต์ของบอส ‘เปลี่ยนไป’ เหลือไม่ถึง 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาโพสต์ไว้บนแฟนเพจส่วนตัว
โดยเอกสารที่ พ.ต.ท.ธนสิทธิมอบให้กับ กมธ. และรังสิมันต์นำมาเปิดเผย มีความยาว 5 หน้า อ้างว่า ในวันที่ 26 กุมภาพันธุ์ พ.ศ.2559 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ซึ่งขณะนั้นเป็น กมธ.การกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้นำตัว อ.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม มาพบกับ พ.ต.ท.ธนสิทธิ พร้อมกับสูตรคำนวณความเร็วใหม่ ที่ทำให้ความเร็วรถยนต์ของบอส อยู่วิทยา ลดเหลือ 79.22 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ซึ่งวันเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศยังได้นำพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนคดีของบอส อยู่วิทยามาด้วย และให้ พ.ต.ท.ธนสิทธิ ลงนามในเอกสารการให้ปากคำว่า ความเร็วของรถยนต์ของบอส อยู่วิทยา ไม่ใช่ 177 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่เป็น 79.22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามการคำนวณของ อ.สายประสิทธิ์
– ดูเอกสารดังกล่าวได้ที่: https://www.facebook.com/rangsimanrome/posts/532703357486316
The MATTER ยังพบเอกสารที่ให้ข้อมูล ‘สอดคล้อง’ กับข้อมูลที่ พ.ต.ท.ธนสิทธิอ้างข้างต้น เป็นเอกสารที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ นั่นคือ ‘บันทึกการประชุม กมธ.การกฎหมายฯ ของ สนช. ครั้งที่ 47/2559 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2559’ ซึ่งให้บันทึกการประชุม กมธ.ชุดนั้น ในการพิจารณาวาระสำคัญ คือ รายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีบอส อยู่วิทยา ร้องขอความเป็นธรรม !
โดยในบันทึกการประชุมดังกล่าว พล.ต.อ.สมยศ ซึ่งเป็น กมธ.อยู่ด้วย ให้ข้อมูลว่า เป็นผู้ไปทักท้วงการคำนวณความเร็วของ พ.ต.ท.ธนสิทธิ ว่าช่วงเกิดเหตุการจราจรแออัดมาก รวมถึงมีประชาชนมุงดูเป็นจำนวนมาก การตรวจสอบอาจทำด้วยความรีบร้อนไม่รอบคอบ ในช่วงเวลานั้นบนถนนสุขุมวิท รถยนต์ไม่น่าจะใช้ความเร็ว 177 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ ขอให้ทบทวนการคำนวณความเร็วอีกครั้ง
พล.ต.อ.สมยศยังบอกว่า ได้เชิญอาจารย์จากภาควิชาพลศาสตร์จาก ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ไม่มีการระบุถึง อ.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ซึ่งมาจาก ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ) มาให้ความเห็น กระทั่ง พ.ต.ท.ธนสิทธิยอมรับว่าการคำนวณความเร็วครั้งแรกผิดพลาด ให้ยึดตัวเลขการคำนวณความเร็วครั้งนั้นแทน
– เข้าไปอ่านกันเองได้ที่: https://drive.google.com/file/d/19ah6uxdLXFHShMpotx-N7emMjxq7pzNc อยู่ระหว่างหน้าที่ 12-13
นำไปสู่การเปลี่ยนตัวเลขความเร็ว กระทั่ง เนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องบอส อยู่วิทยา ในท้ายที่สุด ! โดยเนื้อหาในสรุปเหตุผลคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2563 มีการอ้างถึงการที่ พ.ต.ท.ธนสิทธิ กลับคำให้การอยู่ด้วย
จาก ‘ข้อมูลใหม่’ ที่ปรากฎ นำไปสู่คำถาม 3 ข้อ
1.) เหตุใด พล.ต.อ.สมยศถึงพานักวิชาการไปพบ พ.ต.ท.ธนสิทธิ เพื่อขอให้คำนวณความเร็วรถยนต์ของบอส อยู่วิทยาใหม่ (ซึ่งตามข้อมูลของ พ.ต.ท.ธนสิทธิคือ) ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2559 ทั้งที่กว่า บอส อยู่วิทยาจะไปร้องขอความเป็นธรรมผ่าน กมธ.กฎหมายฯ สนช. ที่ พล.ต.อ.สมยศทำงานอยู่ ก็คือกลางปี พ.ศ.2559 ?
2.) นักวิชาการที่ พล.ต.อ.สมยศพาไปแนะนำสูตรการคำนวณความเร็วใหม่กับ พ.ต.ท.ธนสิทธิ จนตัวเลขความเร็วรถยนต์ของบอส อยู่วิทยาเปลี่ยนไป ใช่ อ.สายประสิทธิ์หรือไม่ หรือถ้าเป็นบุคคลอื่น เขาคือใคร ?
3.) หากนักวิชาการที่ พล.ต.อ.สมยศพาไปแนะนำสูตรคำนวณความเร็วใหม่กับ พ.ต.ท.ธนสิทธิ คือ อ.สายประสิทธิ์จริง การที่ กมธ.กฎหมายฯ สนช.อ้างว่า ไม่ได้ระบุชื่อผู้เชี่ยวชาญที่จะมาให้ความเห็นในการพิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมของบอส อยู่วิทยา แค่สอบถามไปแล้วทางสถาบันการศึกษาก็ส่ง อ.สายประสิทธิ์มา เป็นแค่เรื่องบังเอิญ หรือปัจจัยอื่นอยู่เบื้องหลัง ?
เมื่อผู้เกี่ยวข้องเริ่มออกมา ‘พูด’ ทำให้ดูเหมือนว่าเราจะเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น ทุกที ทุกที และทุกที
อดใจรออีกไม่นาน ปริศนาใกล้จะกระจ่างแล้ว !
#Brief #TheMATTER