เช้าตรู่ของวันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ.2544 คนร้าย 19 คนจี้เครื่องบินพาณิชย์ 4 ลำ และขับเข้าชนสถานที่สำคัญๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ลำหนึ่งพุ่งชนกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน ลำหนึ่งพุ่งตกลงในทุ่งหญ้าในรัฐเพนซิลเวเนีย ว่ากันว่าเป้าหมายอาจเป็นทำเนียบขาวหรืออาคารรัฐสภา อีก 2 ลำชนตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ณ เวลา 08.46 น. และ 09.03 น. จนถล่มลงมา ฝุ่นสีเทาปกคลุมท้องฟ้า พร้อมกับเสียงกรีดร้องดังทั่วเกาะแมนฮัตตัน
วินาศกรรมดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2,996 คน รวมคนร้าย 19 คนจากกลุ่มอัลกออิดะห์ (Al-Qaeda) บาดเจ็บอีกกว่า 2 หมื่นคน – ทั่วทั้งโลกตกใจและหม่นเศร้า ขณะรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งนำโดยประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งโกรธเกรี้ยว ตอบโต้ด้วยการทำ ‘สงครามต้านการก่อการร้าย’ (War on Terror) พร้อมยาตราทัพเข้าไปในประเทศอัฟกานิสถาน ด้วยข้ออ้างว่าให้ที่ซ่อนกับกลุ่มอัลกออิดะห์ และแกนนำคืออุซามะห์ บินลาดิน (Osama bin Laden)
แม้กองทัพสหรัฐฯ จะโค่นรัฐบาลอัฟกานิสถานของกลุ่มตาลีบันได้สำเร็จ และส่งกำลังพลพร้อมทรัพยากรไปในตะวันออกกลางมหาศาล แต่กว่าจะสังหารบินลาดินได้ ก็ต้องรอถึงปี พ.ศ.2554
ผลจากการทำสงครามต่อก่อการร้ายด้วยความรุนแรง ไม่เพียงทำให้เกิดองค์กรก่อการร้ายใหม่ๆ ขึ้นมากมาย ยังเกิดปรากฎการณ์กลัวอิสลาม (Islamophobia) ไปทั่วโลก กว่าที่ชุมชนต่างๆ จะเริ่มทำความเข้าใจกัน เพื่อลดความเกลียดชัง ก็ใช้เวลาอยู่นาน
อีกหนึ่งผลกระทบก็คือ มาตรการตรวจสอบก่อนขึ้นเครื่องบินที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งยังใช้กันอยู่จนถึงทุกวันนี้
ในปัจจุบัน ที่ตั้งของอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เดิมถูกปรับเป็นอนุสรณ์และพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 และจะมีการทำพิธีรำลึกเมื่อถึงวันที่ 11 กันยายนในทุกๆ ปี
#Brief #TheMATTER