โลกร้อน น้ำแข็งละลาย สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป ที่ทำให้สัตว์ต่างๆ ได้รับผลกระทบจากไฟป่า หรือขั้วโลกที่ร้อนขึ้น ทำให้พวกมันต้องย้ายถิ่นฐาน ที่อยู่อาศัย แต่ไม่เพียงกับสัตว์ หรือธรรมชาติเท่านั้น เพราะล่าสุดก็มีรายงานที่เปิดเผยว่า แม้แต่มนุษย์เราก็จะได้รับผลกระทบ โดยในปี 2050 จะมีประชากรโลก 1.2 พันล้านคน ที่ต้องอพยพ และย้ายถิ่นฐานเช่นกัน
บันทึกภัยคุกคามทางนิเวศวิทยา ซึ่งจัดทำโดยสถาบันเศรษฐศาสตร์และสันติภาพ (IEP) ในซิดนีย์ ได้คาดการณ์ว่า จะไม่มีประเทศไหนที่รอดพ้นจากผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ แต่ประชากรที่ยากจน และเปราะบางจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยคาดว่า จะมีประชากรทั่วโลกถึง 1.2 พันล้านคนที่ต้องอพยพ และพลัดถิ่นฐานในปี 2050 จากสภาพอากาศ และความขัดแย้งที่มากขึ้น
รายงานระบุว่า “ภัยคุกคามทางนิเวศวิทยาและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความท้าทายที่ร้ายแรงต่อการพัฒนาและความสงบสุขของโลก” การศึกษาในครั้งนี้ ยังได้คำนวณภัยคุกคามที่สัมพันธ์กันของการเติบโตของประชากร, ความไม่มั่นคงทางอาหาร, ภัยแล้ง, น้ำท่วมพายุไซโคลนอุณหภูมิและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น พบว่ามีผู้คนมากกว่าพันล้านคนอาศัยอยู่ใน 31 ประเทศที่มีความยืดหยุ่นต่ำ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่มีความพร้อมที่จะทนต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศในทศวรรษต่อๆ ไป
ซึ่งประเทศที่เหล่านี้ “เมื่อเผชิญกับการล่มสลายของระบบนิเวศ มีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาความไม่สงบ และความไม่มั่นคงทางการเมือง การกระจัดกระจายทางสังคม และการล่มสลายทางเศรษฐกิจ” รายงานระบุ โดยภูมิภาคที่เผชิญกับภัยคุกคามจำนวนมากที่สุด ได้แก่ อนุภูมิภาคซาฮาราแอฟริกาเอเชียใต้ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ ซึ่งมีแนวโน้มว่าผู้คนจำนวนมากจะย้ายถิ่นฐาน
รายงานยังเตือนว่า ประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรที่ดีกว่าในหลายพื้นที่เช่น อเมริกาเหนือและยุโรปจะสามารถจัดการผลกระทบจากภัยพิบัติเหล่านี้ได้ แต่พวกเขาอาจต้องเผชิญกับผู้ลี้ภัยจากสภาพภูมิอากาศจำนวนมาก “สิ่งนี้จะส่งผลกระทบทางสังคมและการเมืองอย่างมาก ไม่เพียงแต่ในประเทศกำลังพัฒนาเท่านั้น แต่รวมถึงประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากการย้ายถิ่นฐานจำนวนมากจะนำไปสู่การไหลเวียนของผู้ลี้ภัยจำนวนมากไปยังประเทศที่พัฒนาแล้ว” สตีฟ คิลเลอา ผู้ก่อตั้ง สถาบัน IEP ระบุ
นอกจากเรื่องการย้ายถิ่นฐานแล้ว ทางสถาบันยังระบุว่า ภายในปี 2040 ประชากรทั้งหมด 5.4 พันล้านคนหรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลกที่คาดการณ์ไว้ จะอาศัยอยู่ในประเทศที่เผชิญกับความเครียดจากระดับน้ำที่สูงขึ้น รวมถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ คิลเลอามองว่าเป็น “ภัยคุกคามระดับโลกครั้งใหญ่ต่อไปสำหรับโลกของเรา”
#Brief #TheMATTER