ยังเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่หาข้อสรุปไม่ได้ แต่การเกยตื้นหมู่ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยในทะเล (Cetacean stranding) เช่น วาฬและโลมา ก็เกิดขึ้นเป็นประจำแทบทุกปี และส่วนใหญ่มักลงเอยด้วยการเสียชีวิต
สัปดาห์ก่อน เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลออสเตรเลียต้องเร่งกับช่วยเหลือ ‘วาฬนำร่อง(pilot whale)’ กว่า 500 ตัว ที่พากันมาเกยตื้นบริเวณแหลม Macquarie Heads ที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกของเกาะแทสมาเนีย เป็นการเกยตื้นหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ออสเตรเลีย
ด้วยการทำงานแข่งกับเวลา ทำให้วาฬนำร่อง 110 ตัวได้กลับคืนสู่ทะเลอีกครั้ง แต่วาฬนำร่องอีกราว 350-380 ตัว ต้องทิ้งชีวิตไว้บนฝั่ง
มีหลายๆ ทฤษฎีพยายามอธิบายว่า เหตุใดวาฬหรือโลมาถึงมาเกยตื้นหมู่ จนเป็นสาเหตุให้เสียชีวิต ทั้งจากภาวะร่างกายขาดน้ำ เพราะถูกน้ำหนักตัวเองกดทับ หรือจมน้ำตายเพราะน้ำท่วมรูที่ใช้หายใจ
มีทั้งทฤษฎีที่บอกว่า มันอาจหลงทางหลังจากไล่ล่าเหยื่อจนเกยตื้น, สภาพภูมิประเทศที่อาจทำให้การนำทางด้วยเสียงทำงานผิดพลาด, วาฬและโลมาเป็นสัตว์ที่ไปมาเป็นหมู๋คณะ หากตัวหนึ่งพลาดเกยตื้น ตัวอื่นๆ ก็อาจเกยตื้นด้วย ฯลฯ ไปจนกระทั่งการใช้โซนาร์ในทะเลของมนุษย์อาจไปรบกวนการใช้ชีวิตในทะเลของสัตว์เหล่านี้
การเกยตื้นหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดในโลก เกิดขึ้นที่หมู่เกาะ Chatham ของประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อปี ค.ศ.1918 ที่มีวาฬนำร่องมาเกยตื้นถึง 1,000 ตัว
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/world-australia-54307815
https://dpipwe.tas.gov.au/wildlife-management/marine-conservation-program/strahan-whale-stranding
https://www.nytimes.com/2020/09/22/world/australia/tasmania-whales-beached.html
https://www.nzherald.co.nz/world/news/article.cfm?c_id=2&objectid=12367529
#Brief #TheMATTER