สงครามระหว่างเหาและมนุษย์ต้องคิดใหม่ทำใหม่แล้ว
เหาเป็นมิตรสหายของมนุษยชาติมาตั้งแต่พวกเราลงมาจากต้นไม้เมื่อ 6-7 ล้านปีก่อน อย่างน้อยคุณก็เคยเลี้ยงมันบนหัวสมัยเรียนประถม
“เหา”มีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมนุษย์ยาวเหยียด หนึ่งในนั้นคือทรงผม “เกรียน” ที่กองทัพทั่วโลกบังคับใช้จนเป็นระเบียบ เพื่อป้องกันเหาเกาะหัวในค่าย
จวบจนมนุษย์ค้นพบสารเคมี “เพอร์เมทริน” (Permethrin) ที่ออกฤทธิ์ต่อ เหา โลน เห็บ หมัด โดยเข้าไปก่อกวนการทำงานของเซลล์ประสาทพวกมันกว่า 30 ปี แต่มีข่าวร้ายจะบอก…
เพอร์เมทรินชักใช้ไม่ได้ผลแล้ว
เหารุ่นใหม่ๆมีวิวัฒนาการต่อต้านสารดังกล่าวอย่างเหนือชั้น
งานวิจัยล่าสุดตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Pediatric Dermatology ทีมวิจัยพบว่า คุณสมบัติก่อกวนเซลล์ประสาทในเหา มีประสิทธิภาพลดลงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ปี 1985 เป็นต้นมา และเป็นไปได้ว่าเมื่อถึงเวลาช่วงหนึ่ง อาจใช้ไม่ได้ผลเลย
เหาเองก็ธรรมดาซะที่ไหน
พวกมันพัฒนาภูมิต้านทานเซลล์ประสาทต่อสารเคมี และถ่ายทอดคุณลักษณะพิเศษนี้ให้ลูกๆของพวกมันผ่านสารรหัสพันธุกรรม ซึ่งการกลายพันธุ์ของเหารุ่นอึดในอเมริกามีอัตราก้าวหน้าถึง 99.6 เปอร์เซ็นต์
หรือหมายความว่า เหาในปัจจุบันที่ทักษะในการทนฤทธิ์เพอร์เมทรินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สงครามครั้งนี้มนุษย์กำลังตกเป็นรองหรืออยู่เปล่า?
มีรายงานว่าสาร มาลาไทออน (Malathion) และ เบนซิล แอลกอฮอล์ (Benzyl alcohol) ยังยับยั้งเหาได้ดีอยู่ แต่ประเด็นคือสาร 2 ชนิดนี้มีความเป็นพิษสูง และก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายคุณมากกว่าเหาเสียอีก
นี้เป็นสัญญาณสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ เมื่อเกิดปรากฎการณ์ “Superbug” ทีไร มนุษย์ต้องรีบทำความเข้าใจและเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ทำใหม่ทุกครั้ง
ธรรมชาติเองยังชื่นชอบการแข่งขันทางวิวัฒนาการ
เหาตัวจิ๋วยัง Update firmware ไม่หยุดเลย
ที่มางานวิจัย – http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1111/pde.12982/full