‘ในห้วงอวกาศ ไม่มีใครได้ยินเสียงกรีดร้อง’
แต่หากคุณเจออะไรที่น่าหวาดกลัวกว่าบนพื้นโลก คุณอาจจะร้องดังลั่นซอย
ชีวิตบนพื้นพิภพวิปลาสและสยองขวัญอยู่ไม่น้อย หนังสยองขวัญระดับตำนานอย่าง Alien พาคุณไปรู้จักกับอสูรกายชีวภาพที่ถูกออกแบบเพื่อการสังหารล้วนๆ ไม่ว่าจะกี่ภาคกี่ภาค ก็จะมีมนุษย์โง่ๆ (ที่ตัดสินใจอะไรโง่ๆ) ตกเป็นเหยื่อมันทุกที
สิ่งมีชีวิตมฤตยู Xenomorph มีวัฏจักรชีวิตแบบปรสิต (Parasitic life cycles) ที่อาศัยร่าง Host ในการเจริญเติบโตและแพร่ขยายพันธุ์ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหนังล้วนนำเสนอความสยดสยองผ่านวัฏจักรชีวิตอันดูเหนือจินตนาการ แต่แท้จริงแล้ว Dan O’Bannon ผู้เป็นมือเขียนบท Alien (1979) ภาคต้นตำหรับ ได้รับอิทธิพลจากชีวิตของแมลงในธรรมชาติมาเต็มๆ
“ผมสร้างเรื่องราวชีวิตของเอเลี่ยนจากชีวิตจริงๆ ของปรสิต โดยเฉพาะ ตัวต่อ (Wasp) ที่มันมีวิธีจัดการหนอนผีเสื้ออย่างสยดสยอง” Dan O’Bannon อธิบายแรงบันดาลใจในบทความชื่อ Something Perfectly Disgusting
ความเชื่อมโยงระหว่างวิถีชีวิตแมลงกับนิยายสยองขวัญวิทยาศาสตร์ เป็นกุญแจที่ทำให้หนังเรื่อง Alien กลายเป็นที่นิยม มันกระตุ้นความหวาดกลัวอย่างแน่นอนที่สุด คือ ‘ความหวาดกลัวในธรรมชาติ’ ที่แฝงในสัญชาตญาณของพวกเรา
“ผมส่องกล้องจุลทรรศน์เพื่อดูชีวิตของแมลงปรสิตเหล่านั้น แล้วขยายมันให้ใหญ่ขึ้นในภาพยนตร์ ผมคิดออกว่าพวกคุณจะรู้สึกอย่างไรเมื่อมีตัวอะไรสักอย่าง (Chestbuster) ทะลุอกคุณออกมา ซึ่งในธรรมชาติจริงๆ มันมีสิ่งมีชีวิตที่ต้องเผชิญชะตากรรมแบบนี้แทบทุกวัน เพียงแต่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง” Dan O’Bannon กล่าว
ธรรมชาติต่างหากที่สยองขวัญและน่าพิศวง มีสิ่งมีชีวิตอะไรบ้างในลิสต์ของเราที่เป็นแรงบันดาลใจของความสยองขวัญทั้งมวล ก็อดสงสัยไม่ได้ถึงความพิลึกเหนือจินตนาการที่อ่านแล้วชวนมวนท้องว่า โลกเบี้ยวใบนี้มันก็โหดได้ใจจริงๆ
ควบคุมจิตใจ แล้วย่อยอย่างช้าๆ
รา Ophiocordyceps unilateralis
การปั่นหัวให้ยุ่งเหยิงคือกลยุทธ์อันแยบคายของรา (Fungus) สายพันธุ์พิลึกชื่อ Ophiocordyceps unilateralis โดยเป้าหมายคือ ‘อาณาจักรของมด’ โดยสปอร์ของราจะไปควบคุมระบบประสาทของมด บังคับให้มดละถิ่นฐานจากรังบนต้นไม้ ลงมาเดินบนพื้นดินอันอุดมไปด้วยความชุ่มชื้นเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของรา
ราจะย่อยโปรตีนในตัวมดอย่างช้าๆ ราว 4 – 5 วัน (ขึ้นอยู่กับความชื้นด้วย) ขณะที่มดไม่สามารถหนีไปไหนได้ ราจะเริ่มเติบโตแล้วงอกแกนกลางขึ้นบริเวณหลังหรือหัวของมด เรียกว่าส่วน Stroma เมื่อราโตเต็มที่ (บนร่างผุๆ ของมด) ราจะปล่อยสปอร์ต่อไปเพื่อเกาะกับมดอื่นๆ ในอาณาจักรใกล้เคียง
การถูกย่อยอย่างช้าๆ โดยที่คุณไม่สามารถดิ้นรนได้ เป็นความทรมานอย่างสาหัส โชคดีที่ราพิฆาตนี้เล่นงานเพียงมดในป่าดิบชื้นเท่านั้น
หลอกให้ใจกล้า จะได้ฆ่าง่ายๆ
โปรโตซัว Toxoplasma gondii
ความซับซ้อนของโปรโตซัวทำให้นักวิทยาศาสตร์หัวหมุน Toxoplasma gondii เป็นปรสิตในคนที่พบการระบาดไปทั่วโลกโดยมีพาหะเป็นสัตว์ พบครั้งแรกในสัตว์ฟันแทะที่แอฟริกาเหนือ มันคืบคลานใกล้ตัวมากกว่าที่คิด เพราะจากสถิติมีคนเคยติดเชื้อนี้เกือบ 40% โดยที่ไม่รู้ตัว โดยมี ‘แมว’ สัตว์เลี้ยงแสนรักเป็นตัวกลางในการเพิ่มจำนวนของโปรโตซัวผ่านอึ
โปรโตซัว Toxoplasma มีข้อแม้ที่ต้องเจริญเติบโตในลำไส้เท่านั้น ดังนั้น Host หลักจึงต้องถูกกิน!
หนูที่ติดเชื้อ Toxoplasma จะมีพฤติกรรมที่ไม่หวาดกลัวแมว ทักษะการดมกลิ่นของมันจะผิดพลาด ทำให้มันถูกกินง่ายขึ้น เพื่อต่อยอดให้วัฏจักรชีวิตของโปรโตซัวสมบูรณ์
ความน่ากลัวของ Toxoplasma คือ มนุษย์เองก็อยู่ในวงจรชีวิตมันเช่นกัน โดยเชื้อมีผลกระทบต่อจิตใจ หลอนประสาท และอาจก่อให้เกิดมะเร็งสมอง หากมีในร่างกายปริมาณมาก มันอาจเปลี่ยนพฤติกรรมการเข้าสังคมของมนุษย์ได้เลย
ฝังไข่ในร่าง แล้วทะลุออกมากลางวง
ตัวต่อ Glyptapanteles
แรงบันดาลใจต้นตำหรับของ Alien มาจากตัวต่อสยองขวัญหลายสายพันธุ์ อาทิ Glyptapanteles วงจรชีวิตของ Xenomorphs ถอดแบบมาทุกกระเบียดนิ้ว โดยต่อตัวเมียจะวางไข่ในร่างของหนอนผีเสื้อผู้โชคร้ายขณะที่มันยังมีชีวิตราว 80 ฟอง หนอนตัวอ่อนของต่อจะอาศัยความชื้นและของเหลวในร่างของหนอนผีเสื้อ โดยจะดูดกลืนอย่างช้าๆ และควบคุมประสาทของหนอนผีเสื้อให้ปกป้องคุ้มกันตัวเอง จากนั้นหนอนตัวต่อจะเริ่มสร้างใยดักแด้ปกคลุมร่างกายของหนอนผีเสื้อจนมันอดตาย เมื่อตัวต่อเจริญเติบโตเต็มที่ก็จะเจาะร่างของหนอนผีเสื้ออกมา แล้วบินหนีไปเพื่อสืบพันธุ์ต่อ
สิ่งที่เหมือนหนัง Alien เข้าไปอีก คือ มนุษย์พยายามพัฒนาตัวต่อเป็น ‘อาวุธชีวภาพ’ เช่นกัน (โชคดีที่ไม่ใช้กับมนุษย์ด้วยกัน) หนอนผีเสื้อเป็นศัตรูพืชประเภทกินใบที่สร้างความปวดหัวให้กับเกษตรกร นักชีววิทยาจึงเลี้ยงต่อ Glyptapanteles และพัฒนาสายพันธุ์ใกล้เคียงเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในแบบที่สยองขวัญหน่อย
ชักศึกเข้าบ้านโดยไม่รู้ตัว
ตัวต่อ Eucharitid
ตัวต่อที่มีผมสุดแนว มาพร้อมกับทักษะการป่วนรังแบบยกอาณาจักร! ต่อตัวเมียจะวางไข่บนใบไม้หรือกิ่งไม้ ราวนักโบกริมทาง ตัวอ่อนจะคืบคลานเพื่อหาจังหวะเกาะติดตัวมดไปด้วย และมดก็มักไม่รู้ตัวว่าเอาหายนะกลับบ้านด้วย จากนั้นตัวต่อที่แอบเข้ารังแบบเนียนๆ จะมุ่งหน้าไปยังห้องเลี้ยงตัวอ่อนมด
แล้วงานเฉลิมฉลองนองเลือดก็เริ่มขึ้น โดยตัวอ่อนของต่อจะเลือกกินไข่มดตามใจชอบ โดยที่มดทหารก็ไม่มีท่าที่จะต่อต้านใดๆ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นอิทธิพลของฟีโรโมนที่อำพรางอย่างแนบเนียน
ตัวต่อจะเจริญเติบโตในรังมด แล้วหาทางทลายรังออกมา เพื่อโบยบินสู่โลกกว้างโดยสร้างความพินาศไว้ข้างหลัง เนียนเว่อร์
ขอพื้นที่ในร่างกาย ให้ได้เติบโต
หอยเพรียง Sacculina Carcini
ในช่วงตัวอ่อน หอยเพรียง Sacculina ตัวเมียจะมีเปลือกแข็งๆ หนาๆ แต่เมื่อมันพบ Host ที่เหมาะสมแล้ว (โดยเฉพาะปูสีฟ้าสายพันธุ์ Carcinus maenas) มันจะสลัดเปลือกหนาๆ ออกแล้วแทรกตัวไปยังใต้ท้องปู โดยยึดร่างอย่างแน่นหนา และยึดเอาระบบย่อยอาหารของปูมาอยู่ในการควบคุม ทำให้หอยเพรียงสามารถดูดอาหารจากร่างปูได้โดยไม่ต้องหาอาหารเอง
ภายในเวลา 1 สัปดาห์ หอยเพรียงจะสร้างถุงที่ยื่นออกมาจากท้องปูนูนๆ เพื่อดึงดูดให้หอยเพรียงเพศผู้จำนวนมากเข้ามาผสมกับไข่ เวลา 6 สัปดาห์หอยเพรียงจะโตเต็มที่โดยปูเองก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่อาจจะอุ้ยอ้ายและสูญเสียความสามารถในการสืบพันธุ์อย่างถาวร ก็ยังถือว่าปราณีอยู่มาก
ลากไปเชือดนิ่มๆ
ต่อแมลงสาบ Emerald cockroach wasp
ในหนังเรื่อง Aliens (1986) เป็นครั้งแรกที่คุณเห็นรังของ Xenomorphs อันมืดมิดและอับชื้น หากใครถูกลากหายไปในรังก็ยากจะกลับออกมาอย่างปกติสุข โดยเฉพาะ ‘แมลงสาบ’ ดวงกุดที่ต้องตายทั้งเป็นในรังต่อสายพันธุ์โหด
ต่อตัวเมียจะเลือกโจมตีแมลงสาบ โดยต่อยไปยังระบบประสาทส่วนกลางอย่างแม่นยำ และปล่อยพิษที่ทำให้แมลงสาบเป็นอัมพาตบริเวณขาหน้า จากนั้นจะต่อยซ้ำอีกครั้งเข้าตรงสมองเพื่อควบคุมปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ทั้งหมด
ต่อจะเลือกกินส่วนหนวดหรือหัวของแมลงสาบก่อน เพื่อเพิ่มของเหลวให้กับร่างกายหลังสูญเสียพิษในการสะกดเหยื่อ พิษที่มากไปอาจจะทำให้เหยื่อตายทันที แต่หากน้อยไปเหยื่ออาจฟื้นก่อนเวลาอันควร
แมลงสาบที่มึนงงจะถูกต่อลากจูงอย่างไร้การต่อต้านไปยังรังที่ขุดเป็นรู จากนั้นต่อจะเริ่มวางไข่ขนาด 2 มิลลิเมตรในตัวแมลงสาบ และปิดปากรูด้วยก้อนกรวดเล็กๆ เพื่อป้องกันแมลงสาบหนีสู่ภายนอก
ร่างแมลงสาบที่ไร้การตอบสนอง (แต่ยังรู้สึก) จะเป็นที่เกิดของตัวอ่อนต่อภายใน 4 – 5 วัน จากนั้นตัวอ่อนจะค่อยๆ ดูดกลืนสารอาหารจากร่างแมลงสาบต่ออีกราว 8 วัน ขณะที่แมลงสาบยังมีชีวิตอยู่ในถ้ำอันอับชื้น เมื่อต่อโตเต็มวัยมันจะทะลุออกมาจากร่างแมลงสาบ และเริ่มวิถีชีวิตนักล่าของมันต่อไป
อาณาจักรแมลง เห็ดรา และโปรโตซัว ยังคงเป็นแหล่งกระตุ้นแรงบันดาลใจชั้นดีสำหรับสายสยองขวัญ ความหวาดกลัวของมนุษย์อาจถูกแอบซ่อนในกลไกของธรรมชาติ
แต่ในอีกมุมหนึ่ง ชีวิตยังคงต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันเพื่อการดำรงชีวิต ผู้ล่าไม่ได้ชนะเสมอไป และเหยื่อยังมีวิวัฒนาการตอบโต้ในวัฏจักรแห่งการแข่งขันที่ไม่มันยุติ
อ้างอิงข้อมูลจาก
Rice University in the BioSciences Department.