แล้วฤดูฝนก็มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเสียที หลังจากก่อนหน้ามาแบบครึ่งๆ กลางๆ อยู่พักหนึ่ง ฤดูนี้เป็นฤดูที่หลายๆ คนรัก ในขณะเดียวกันหลายๆ คนก็ไม่ใคร่จะชอบมากนัก เพราะสิ่งที่ตามมาในฤดูนี้มีทั้งรถติด ความชุ่มฉ่ำ ความเฉอะแฉะ แมลงจำนวนมาก และอารมณ์ความรู้สึกอันหลากหลายที่มากับอากาศแบบนี้
ก่อนหน้านี้ The MATTER เคยบอกเล่าเรื่องราวของฤดูฝนไปแล้ว ทั้งในเหตุผลเชิงวิทยาศาสตร์ที่ทำให้คนเรามีอารมณ์เปลี่ยนไปตามลมฟ้าอากาศ หรือ สุนทรียะที่มาจากวัสสานฤดู แล้วก็ยังมีเพลงไทยเกี่ยวกับฝน ที่ผู้อ่านทุกท่านสามารถฟังให้อินกันได้ในช่วงนี้
ครั้งนี้จึงน่าจะเป็นโอกาสดีที่ The MATTER จะพาไปสำรวจอนิเมชั่นจากญี่ปุ่นที่สร้างเอกลักษณ์หรือตั้งใจเล่าเรื่องด้วยการใช้ลมฝนอย่างโดดเด่น
The Garden of Words
สายฝนกับความเปลี่ยนแปลง
หน้าฝนเป็นสัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลง – ไม่ว่าจะในแง่ดีหรือแง่ร้ายก็ตาม – อย่างในอนิเมชั่นเรื่องนี้ที่สายฝนยามเช้าได้นำพาให้ ทาคาโอะ เด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายตัดสินใจโดดเรียนคาบแรกเพื่อไปพักอารมณ์ออกแบบรองเท้าที่เขาอยากตัดเย็บเอง เขาได้เจอกับ ยูคาริ หญิงสาววัยทำงาน ที่มานั่งดื่มเบียร์อยู่ในศาลาของสวนสาธารณะใจกลางกรุงโตเกียว แรกเริ่มทั้งสองคนต่างเข้าใจว่าพวกเขาเพียงแค่บังเอิญมาหลบฝนในช่วงเดียวกันเท่านั้น แล้วก็เหมือนว่าทั้งสองคนจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันอีก จนกระทั่งทั้งสองตั้งใจเดินทางมาศาลาที่เคยพบกัน แล้วทั้งคู่จึงค่อยๆ สนิทสนมกัน จนถึงจุดที่ทั้งสองเผลอเปิดใจให้กันและกัน ก่อนสายฝนจะหยุดพัก ซึ่งทำให้พวกเขาได้รับรู้ว่าต่างฝ่ายต่างเป็นครูและนักเรียนในโรงเรียนเดียวกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงติดขัด ก่อนที่สายฝนสุดท้ายจะซัดสาดเข้ามาทำให้ทั้งสองได้เข้าใจกันมากขึ้น แล้วสุดท้ายทั้งสองคนก็ออกเดินทางออกจากปมปัญหาเดิมที่พวกเขาเคยมีในใจ
อนิเมชั่นเรื่องนี้ใช้ชื่อไทยว่า ยามสายฝนโปรยปราย ถือเป็นตัวแทนอนิเมชั่นที่เกี่ยวข้องกับหน้าฝนอย่างแท้จริง นับตั้งแต่เนื้อหาที่เล่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นและจบลงในช่วงฤดูฝน ความตั้งใจในงานภาพของผู้กำกับ ชินไค มาโคโตะ ที่นำเสนอรูปลักษณ์ของฝนในหลายๆ แบบ ทั้งฝนที่หยดลงจากก้อนเมฆ สายน้ำที่ไหลลงมาตามร่องกระเบื้อง ละอองน้ำที่ถูกพัดปลิวด้วยแรงลม พร้อมกลิ่นกรุ่นที่มาจากความเหงาของคนเมือง กับบทกลอนเล็กๆ เหมือนเม็ดฝนที่หยดลงบนดอกไม้ กับฉากจบที่ชวนเศร้าแต่ไม่ฟูมฟายในลักษณะเดียวกับที่เรารู้ว่าในช่วงหนึ่งของปีก็จะมีหน้าฝนวนมาหาเรา
แม้ว่าเราจะไม่สามารถบอกชอบฤดูนี้ได้อย่างเต็มปาก แต่ก็ไม่คิดจะเกลียดฤดูนี้แต่อย่างใด และวันหนึ่งเราก็อาจจะพึงพอใจกับการไล่ตามความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากสายฝนเช่นกัน
After the Rain
วัสสานะที่นำพาความรัก
ปกติฤดูฝนจะถูกนำเสนอในฐานะช่วงเวลาแห่งการลาจาก แต่ทำไมความรักจะเกิดขึ้นจากสายฝนไม่ได้ เหมือนอย่างในอนิเมชั่นเรื่อง After the Rain หรือในชื่อญี่ปุ่นว่า Koi Wa Ameagari No You Ni ที่ไปโฟกัสกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในร้านอาหารสำหรับครอบครัวแห่งหนึ่ง ที่นั่นพนักงานสาวประจำร้าน ซึ่งดูแล้วอาจจะเป็นคนแสดงออกไม่มาก ทั้งยังไม่น่าสุงสิงกับใครในที่ทำงาน แต่ความจริงเธอกลับตกหลุมรักผู้จัดการร้านที่เป็นพ่อม่ายลูกติดผู้ผ่านการหย่าร้างมาแล้วครั้งหนึ่ง เหตุผลที่วัยรุ่นสาวหลงรักผู้ชายอายุมากกว่า ก็เพราะในช่วงหนึ่งที่ชีวิตเธอติดขัดเหมือนเจอพายุฝนซัดสาด ก็เป็นรอยยิ้มกับคำพูดเล็กน้อยของพ่อม่ายลูกติดที่เป็นเหมือนลมที่พัดพาบรรยากาศทุกข์เข็ญให้ผ่านพ้น จนฝนปรอยๆ ที่หลงเหลืออยู่บนฟากฟ้าแปรสภาพเป็นหยดหยาดของความรักให้กับคู่พระนางต่างวัยไปแทน
ว่ากันจริงๆ เรื่องนี้ก็มีบรรยากาศที่เหมาะไปจะสร้างเป็นละครอยู่ไม่น้อย และล่าสุดก็ถูกเอาไปทำเป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์แล้ว กระนั้นการบอกเล่าด้วยอนิเมชั่นก็ทำให้ฉากหลายฉากดูเกินจริงได้ง่ายขึ้น อย่างความคิดแรงกล้าที่สวนหน้านิ่งๆ ของนางเอก กับบรรยากาศตกอยู่ในภวังค์ท่ามกลางการรุกคืบของนางเอก รวมถึงการสร้างสถานการณ์ให้ฝนตกบ่อยๆ เพื่อสร้างบรรยากาศชวนให้หัวใจหวั่นไหว
My Neighbor Totoro
เม็ดฝนที่ทำให้เกิดการเติบโต
โทโทโร่เพื่อนรัก ไม่ได้มีเนื้อเรื่องในฤดูฝนตลอดทั้งเรื่อง แถมฉากทื่เกี่ยวข้องกับฝนก็ไม่ใช่ช่วงที่ยาวนานมากสำหรับภาพนยตร์เรื่องหนึ่ง กระนั้นฉากฝนตกในเรื่องนี้น่าจะเป็นฉากที่น่าจดจำมากที่สุดในเรื่องทีเดียว ฉากดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงกลางเรื่องหลังจากที่ซัตสึกิกับเมเดินทางไปรอคุณพ่อที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งตามท้องเรื่องบ้านใหม่ของสองพี่น้องเป็นเขตชนบทในช่วงปี 1960 บรรยากาศความเป็นป่ายังคงมีอยู่มาก แล้วเมื่อฝนตกลงมาก็ทำให้บรรยากาศดูครื้มกว่าปกติ ชวนให้คิดว่าจะมีอะไรออกมาหรือเปล่า แล้วจู่ๆ โทโทโร่ก็มายืนอยู่ข้างๆ สองพี่น้องในช่วงฝนตกหนัก พอดีว่าเมนอนหลับไปแล้ว ซัตสึกิจึงยื่นร่มที่เธอพกมาเผื่อพ่อให้กับภูตแห่งป่าตนใหญ่นี้ ยักษ์ขนปุยตัวนี้จึงแฮปปี้กับการมีร่มแถมยังให้ของขวัญกับซัตสึกิ ก่อนจะกระโดดสร้างฝนห่าใหญ่แล้วขึ้นรถบัสแมวที่จะมีบทบาทอีกครั้งในช่วงหลังของเรื่อง
ฉากฝนตกดังกล่าวนั้นเป็นฉากที่ถูกปรับเปลี่ยนมาใช้เป็นโปสเตอร์ของหนัง และฉากนี้ก็ยังบ่งบอกอะไรหลายอย่างได้ดี ไม่ว่าคุณจะมองหนังเรื่องนี้ในมุมมองว่าเป็นหนังที่บอกเล่าการผจญภัยของเด็กน้อยในชนบทที่เด็กๆ ที่มองโลกต่างจากผู้ใหญ่ หรือจะคิดมากว่าเป็นการเทียบเคียงเรื่องของธรรมชาติที่มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ที่คนอาจจะมองข้าม สายฝนและตัวโทโทโร่ที่ปรากฎมานั้นพอจะตีความได้ว่า การเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาอย่างกะทันหัน – การที่ต้นไม้งอกเงยขึ้นในชั่วข้ามคืน – มันอาจจะดูแปลกเกินไปบ้างในนาทีแรกที่พบเจอ พอเวลาผ่านไปแล้วฝนก็จะแห้งไปเหลือเป็นประสบการณ์ให้เรารับรู้ว่า เราจะเลือกทำตัวอย่างไรในยามที่ฝนตกครั้งหน้า
Soredemo Sekai wa Utsukushii
วรรษาที่หล่อเลี้ยงผืนดินและจิตใจ
ในโลกแฟนตาซีแห่งหนึ่ง นิเค องค์หญิงลำดับที่ 4 จาก ราชอาณาจักรแห่งฝน ได้ออกเดินทางไปยังมหาประเทศตะวันฉาย (หลังจากเป่ายิ้งฉุบแพ้พี่ๆ) เพื่อเป็นคู่สมรสของ ลีเวียสที่ 1 ราชาสุริยัน ที่มีอำนาจเกรียงไกรไปทั่วโลกแห่งนี้ แรกเริ่มดูเหมือนงานแต่งงานจะเป็นเพียงการต่อรองทางการเมืองธรรมดาๆ จนกระทั่ง นิเคได้พบว่าราชาสุริยันเป็นแค่เด็กชายวัยราวสิบต้นๆ เท่านั้น ความก๋ากั่นของเจ้าหญิงที่เข้มแข็งนั้นทำให้เธอเรียนรู้ว่าราชาองค์นี้ไม่ได้บ้าอำนาจหรือเป็นหุ่นเชิด เขาเป็นเพียงเด็กที่พยายามอย่างหนักเพราะเห็นความสูญเสียมากเกินไป เจ้าหญิงผู้เรียกฝนได้ด้วยเวทมนตร์จึงไม่ได้มาเพื่อสร้างความฉุ่มฉ่ำให้ผืนดินเท่านั้นแต่ยังเป็นการสร้างความชุ่มชื้่นให้แก่จิตใจของผู้คนอีกด้วย
เรื่องราวของ รักสองอาณาจักรที่ปลายฝน ในหนังสือการ์ตูนต้นฉบับนั้นจะติดเชิงตลกโปกฮาเยอะเสียหน่อย แต่ในฉบับอนิเมชั่นปรับโทนให้จริงจังมากขึ้น เราจึงได้เห็นการพัฒนาของตัวละครที่เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อนิเค ทำการเรียกฝนให้ตกลงมาในอาณาจักรที่แทบจะไม่มีฝนตกลงมา เราจะได้เห็นพัฒนาการพร้อมกับอดีตที่เคยสดชื่นของราชาลีเวียส ทั้งนี้แม้ว่าตัวเรื่องจะเรียกฝนอยู่บ่อยๆ ก็มีการพูดถึงความเหมาะสมของธรรมชาติที่ไม่ควรขาดฤดูกาลใดฤดูกาลหนึ่งไป เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ที่ไม่ควรเทอารมณ์ให้อยู่ในด้านหนึ่งนานไปนั่นเอง
Rain Town
เรื่องสั้นหน้าฝน
อนิเมชั่นเรื่องอื่นๆ ที่แนะนำไปอาจจะเป็นเรื่องยาวที่ต้องใช้เวลารับชมสักหน่อย แต่เรื่องนี้มาในแนวอนิเมชั่นขนาดสั้นแต่บอกเล่าเรื่องราวที่มากับหน้าฝนได้อย่างดีกับ Rain Town ผลงานการวาด เขียนบท และ กำกับของ อิชิดะ ฮิโรยาสุ เมื่อครั้งที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาเกียวโตเซย์กะเมื่อปี 2016 อนิเมชั่นความยาวราวสิบนาทีตั้งใจบอกเล่าเรื่องราวของเมืองที่ฝนไม่เคยหยุดตก จนทำให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งต้องโยกย้ายถิ่นฐานไปอาศัยในเมืองอื่นที่ปลอดภัยกว่า ท่ามกลางฝนที่เทลงมาแบบไม่ขาดสายนี้ไม่ได้มีแค่น้ำที่เจิ่งนองอยู่เท่านั้น มันยังมีความทรงจำและความสัมพันธ์ของมนุษย์กับหุ่นยนต์ที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้
ตัวเรื่องเป็นอนิเมชั่นที่ไม่มีบทพูด และมีฝนตกเกือบจะตลอดความยาวของหนัง แต่เชื่อว่าถ้าได้รับชมจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เดินทางผ่านภาพที่สวยงาม และเผลอๆ สิ่งที่จะไหลตามมาอาจจะเป็นน้ำตาของผู้ชมก็เป็นได้ ซึ่งผู้กำกับคนนี้กำลงจะมีภาพยนตร์อนิเมชั่น Penguin Highway ออกฉายในช่วงปลายปีนี้ (ในญี่ปุ่น)
ดูอนิเมชั่น Rain Town ได้ที่ : www.youtube.com/watch?v=RLAfM1RXwRs
Rainbow: Nisha Rokubou no Shichinin (7 นช. แดน 2 ห้อง 6)
เมื่อฝนซาแล้วฟ้าสวยงามเสมอ
เรื่องราวเล่าย้อนไปในประเทศญี่ปุ่นช่วงหลังจากที่สงครามโลกครั้งที่สองจบลงไม่นานนัก แทบทุกคนในประเทศพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดจนบางคนยินยอมทำเรื่องผิดกฎหมายเพื่อช่วยเหลือคนในครอบครัว เช่นเดียวกับเด็กหนุ่ม 7 คนที่ถูกจับกุมตัวจากการก่อเหตุร้ายต่างๆ กัน ก่อนจะมาอาศัยร่วมกันในห้องขังที่ 6 ของแดน 2 ที่สถานพินิจโชนัน ชีวิตของพวกเขาได้เจอกับเรื่องเลวร้ายมาต่อเนื่อง ไม่ว่าจะภัยหลังยุคสงครามไปจนถึงความเห็นแก่ตัวของผู้ใหญ่ที่อยู่รอบตัว ไม่เว้นแม้แต่บุคลากรในสถานพินิจที่ใช้อำนาจกดขี่ ทำร้ายร่างกาย ล่วงละเมิดทางเพศ ริดรอนความเป็นมนุษย์ เหมือนกับพวกเขาได้เจอพายุฝนหลายลูกซัดสาดใส่ตัวตลอดเวลา
สิ่งที่ยังยึดเหนี่ยวจิตใจของเด็กวัยรุ่นที่แทบไม่มีอะไรเหลือในชีวิตก็คือความเป็นเพื่อนที่พวกเขาได้จากการคบหากันในสถานพินิจ ทั้งเจ็ดคนสนิทกันสนมมากกว่าเพื่อน รู้จักกันและกันยิ่งกว่าครอบครัว หลังจากรับโทษจนครบถ้วนแล้วพวกเขาก็ยังเกาะกลุ่มกัน ฝ่าวิกฤติในชีวิตอีกหลายครั้ง จนสุดท้ายพวกเขาก็ได้พบชีวิตที่ประสบความสำเร็จตามทักษะของแต่ละคน แม้ว่าจะใช้เวลาหลายปีก็ตาม
ถ้าจะระบุให้ชัดๆ อนิเมชั่น (รวมถึงมังงะต้นฉบับ) เรื่องนี้่น่าจะถือว่าเป็นการ์ตูนดราม่าชีวิตบัดซบเรื่องหนึ่งที่หลายๆ คนอาจจะขัดใจกับชะตากรรมอันแสนยากลำบากของตัวละครหลักในเรื่อง และหลายๆ ฉากในอนิเมชั่นก็เอาฝนตกมาขยี้อารมณ์ในทุกแง่มุม ทั้งความโกรธ ความเหงา ความหวัง ความตาย ความรักก็มีฝนเป็นฉากประกอบเกือบทั้งหมด หรือแม้กระทั่งฉากส่งท้ายของเรื่องก็ยังมีฝนตกมาเบาๆ ตอนฟ้าโปร่ง และเราก็ได้เห็นสายรุ้งพาดผ่านบ่งบอกถึงความสงบที่เข้ามาถึง แค่บางครั้งมันอาจจะใช้เวลายาวนานเหลือเกินกว่าจะถึงวันนั้น