ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับประเทศวาคานด้ากันมากขึ้น หลังจากที่กษัตริย์ทีชาล่า – พระราชาองค์ปัจจุบันได้ทรงขึ้นครองราชย์ และตอนนี้กษัตริย์ทีชาล่าก็ได้เสด็จพระราชดำเนินไปเยือนยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพื่อสร้างสัมพันธไมตรีในฐานะประมุของค์ใหม่ของประเทศ ซึ่งอันนี้เราจะไม่พูดถึงกัน เพราะตอนนี้มีภาพยนตร์ที่ลงรายละเอียดของภูมิศาสตร์และการปกครองประเทศวาคานด้าให้ชมกันแบบละเอียดๆ อยู่แล้ว
ดังนั้นวันนี้ The MATTER จะขอพูดถึงประเทศหรือสถานที่อื่นๆ ในการ์ตูน ที่ไม่ค่อยเปิดตัวเองเหมือนกับประเทศวาคานด้า และเล่าถึงวิธีการปกครองคร่าวๆ ของเมืองเหล่านี้ไว้ด้วย เผื่อว่าใคร(อาจ)จะโชคดีได้ไปเที่ยวในเมืองเหล่านี้ จะได้รู้วิธีการวางตัวตอนที่ไปเที่ยวกัน แต่ย้ำอีกรอบว่าเมืองที่จะพูดถึงอยู่ในการ์ตูนนะ รูปแบบเมืองและการปกครองก็อาจจะต่างจากที่เราเข้าใจกันในโลกจริง
Latveria
วิธีการปกครอง : เผด็จการ
ประเทศแรกที่จะพูดถึงกันวันนี้คือ ประเทศแลตเวเรีย ประเทศนี้ซ่อนตัวอยู่ในทวีปยุโรปคล้ายๆ กับที่วาคานด้าซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ของทวีปแอฟริกา แลตเวเรียเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการสูงสุดที่มี วิกเตอร์ วอน ดูม หรือที่หลายๆ คนเรียกเขาว่า ‘ด็อกเตอร์ดูม’ เป็นผู้นำของประเทศ เมืองหลวงของประเทศมีชื่อว่าดูมสแตท (Doomstadt) ที่แปลว่า ‘เมืองของดูม’
ทัศนียภาพโดยทั่วไปของแลตเวเรียเป็นเมืองยุโรปที่ค่อนข้างเงียบสงบด้วยบรรยากาศที่ผู้นำของประเทศต้องการสงวนบรรยากาศให้ใกล้เคียงกับสมัยยุคกลาง แต่ที่นี่ไม่ล้าสมัยนะ เพราะ ดร.ดูม ด้วยความที่นักประดิษฐ์ที่สร้างของทันสมัยมากมาย ระบบรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศก็มีกองกำลังหุ่นยนต์ออกมาทำงานร่วมกับกองกำลังทหาร และด้วยเทคโนโลยีเหนือชั้นนี่ล่ะที่ทำให้ประเทศเล็กๆ ประชากรจำนวนราวๆ ห้าแสนคน สามารถเป็นประเทศมหาอำนาจที่ต่อรองกับชาติอื่นๆ ได้
การเดินทางไปที่นี่ใช้เครื่องบินเดินทางไปได้แต่อาจจะต้องหาเที่ยวบินพิเศษ เพราะตัวประเทศไม่ได้เปิดรับนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ เท่าไหร่ ส่วนคนที่มีโอกาสไปก็คงได้ลองสนุกกับการอยู่ท่ามกลางบรรยากาศยุโรปโบราณแบบที่ประเทศอื่นมอบให้ไม่ได้
Soul Society
วิธีการปกครอง : ราชาธิปไตย (แต่การบริหารตกอยู่กับฝั่งขุนนาง)
เมืองต่อไปที่จะพูดถึงอาจจะไม่ใช่สถานที่ที่ทุกคนอยากจะลองไป – โซลโซไซตี้ คือดินแดนสำหรับวิญญาณที่เสียชีวิตไปแล้วจะไปอาศัยอยู่ด้วยกัน อย่าเพิ่งตกใจ เพราะเมืองนี้มีการจัดการอะไรที่น่าสนใจดี สิ่งแวดล้อมของที่นี่เหมือนกับโลกของเราแต่บรรยากาศจะใกล้เคียงกับประเทศญี่ปุ่นยุคแบ่งพื้นที่ โดยคร่าวๆ แบ่งเป็นสองส่วนคือ เซย์เรย์เทย์ กับ รูคอนไก ตัวเซย์เรย์เทย์ทำหน้าที่เป็นเหมือนเมืองหลวงขนาดใหญ่และเป็นจุดศูนย์กลางของโซลโซไซตี้ ก่อนที่จะขยายตัวออกไปทั้งสี่ทิศจนถึงจุดสิ้นสุดจะมีกำแพงกั้นไว้ ซึ่งพื้นที่นอกกำแพงทั้งหมดจะถูกเรียกว่า รูคอนไก
ตัวรูคอนไกเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของวิญญาณมนุษย์ที่ตายแล้วเปลี่ยนสภาพพลังงานมาอาศัยในโซลโซไซตี้ ส่วนในเซย์เรย์เทย์จะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของกลุ่ม ‘ยมทูต’ หรือผู้มีพลังวิญญาณ ภายในพื้นที่เซย์เรย์ก็จะมีทั้งแหล่งที่อยู่ สถานบันเทิง สถาบันการศึกษา ที่ตั้งของ 13 หน่วยพิทักษ์ ที่ทำหน้าที่เหมือนกับทหารหรือตำรวจของโซลไซตี้ กลับไปตรงจุดศูนย์กลางของเซย์เรย์เทย์ก็จะมีพระราชวังทรงญี่ปุ่นตั้งอยู่ ซึ่งเป็นทั้งที่ตั้งของ วังกลาง 46 ห้อง หรือกลุ่มบุคคลที่ถูกเลือกมาจากนักปราชญ์นักวิชาการ 40 คน และมีผู้พิพากษาอีก 6 คน ทำหน้าที่ตัดสินคดีความรวมถึงออกกฎหมายแทนตัวราชันย์วิญญาณที่คนเขาว่าปกติไม่ออกมาปรากฎตัวต่อหน้าสาธารณชน
โซลโซไซตี้ไม่มีสนามบินให้เดินทางไป แต่สามารถเดินทางไปถึงได้แบบมีชีวิตด้วยช่องทางการเดินทางของยมทูตเท่านั้น
Amestris
วิธีการปกครอง : เผด็จการ (ทหาร)
ต่อไปเราจะพูดถึง ประเทศอเมสทริส ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่เป็นรัฐบาลทหาร ประเทศแห่งนี้มีลักษณะภูมิศาสตร์พื้นที่ของประเทศที่มีความแตกต่างมากในแต่ละภาค แถมความหลากหลายทางเชื้อชาติก็มีไม่น้อย อย่างด้านเหนือก็เป็นพื้นที่หนาวเย็นแบบทุ่งทุนดรา ทางตะวันออกก็มีทะเลทรายขนาดใหญ่ ทางใต้บางส่วนมีบรรยากาศเหมือนทุ่งสะวันนา ทางตะวันตกออกจะเหมือนประเทศในทวีปยุโรปที่อากาศกำลังสบายๆ ด้วยพื้นที่หลากหลาย ความเชื่อก็หลากหลาย เลยเกิดเหตุการศึกหลากหลายเช่นกัน ทำให้การปกครองแบบรัฐบาลทหารเป็นเรื่องเหมาะกับสถานการณ์ของประเทศไปแทน โดยอำนาจการควบคุมทั้งหมดจะตกอยู่ที่ Führer หรือจอมพล ซึ่งจะประจำการอยู่ที่ เซ็นทรัลซิตี้ (Central City) เมืองหลวงที่ตั้งอยู่ใจกลางของประเทศ และมีนายพลรับหน้าที่ดูแลพื้นที่ในแต่ละภาค ถึงอย่างนั้นเรื่องการค้าขายก็ค่อนข้างเสรีพอสมควร
การที่ประเทศอยู่ในภาวะสงครามทำให้เทคโนโลยีของอเมสทริสในบางประการก้าวหน้ากว่าชาติอื่นๆ อย่าง เทคโนโลยีอวัยวะเทียม ที่เรียกว่า ออโต้เมล เป็นของที่แพร่หลายไปทั่วประเทศ แถมยังมีให้ใช้งานหลายแบบตามแต่ความเหมาะสม อีกสิ่งหนึ่งที่ล้ำหน้าก็คือวิชาแปรธาตุ อ๊ะ อันนี้ไม่ใช่เรื่องงมงายเสียทีเดียวนะ เพราะชาวอเมสทริสเอาเรื่องวิทยาศาสตร์ผสมกับศาสตร์ในประเทศษทำให้การแปรสภาพเชิงวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นได้ง่ายด้วยลักษณะคล้ายๆ เวทมนต์เท่านั้นเอง แต่ส่วนใหญ่นักเล่นแร่แปรธาตุก็จะเลือกรับราชการทหารกัน ถ้าอยากไปเที่ยวกันก็พอจะได้นะ แต่การเดินทางไปดูยุ่งยากน่าดูเพราะต้องข้ามสนามรบหรือทะเลทรายไป ขอให้คิดดีๆ ก่อนแวะไปเที่ยวกัน
Eldia
วิธีการปกครอง : ราชาธิปไตย (ที่มีการแบ่งชนชั้นชัดเจน)
* คำเตือน : มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนในเรื่อง
ประเทศต่อไปอาจจะซับซ้อนหน่อย – เอลเดีย เดิมทีเป็นประเทศที่เคยเรืองอำนาจด้วยการใช้สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ หรือที่เรียกว่า ไททัน ในการปกครองโลกนี้ จนกระทั่งมีปัญหาภายในกันเอง กษัตริย์ของเอลเดียจึงนำพาประชาชนส่วนหนึ่งย้ายไปอาศัยอยู่บนเกาะขนาดยักษ์ชื่อ พาราดิ (Paradis) หรือที่เรียกกันว่า ‘เกาะสวรรค์’
ตัวเกาะมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ กษัตริย์เอลเดียจึงสั่งให้ไททันขนาดมหึมาจำนวนมากสร้างกำแพงยักษ์สูง 50 เมตร ล้อมรอบเขตมาเรีย เขตโรส (หรือโรเซ่) และเขตชีน่า กินพื้นที่ราวๆ 723,822 ตารางกิโลเมตร อ้างอิงเส้นรอบวงจากระยะห่างกันของกำแพงแต่ละชั้น จากนั้นพระราชาก็ใช้ความสามารถพิเศษลบความจำของคนที่อยู่ในพื้นที่กำแพงทั้งหมดไป คนบนเกาะโดยส่วนใหญ่จึงเข้าใจว่าโลกภายนอกได้ล่มสลายไปแล้วและอยู่อาศัยกันภายใต้การปกครองของกษัตริย์ที่สืบราชบัลลังก์ ซึ่งกษัตริย์ก็จะทำการปกครองกองทัพที่แยกง่ายๆ เป็นสามส่วนคือ หน่วยรักษาการณ์ ทำหน้าที่ดูแลบ้านเมือง, หน่วยสำรวจ ทำหน้าที่ดูแลพื้นที่นอกกำแพง และหน่วยสารวัตรทหารซึ่งเป็นกองกำลังหัวกะทิ
กำแพงที่แบ่งเป็นสามชั้นก็เป็นการแบ่งแยกชนชั้น ประชาชนทั่วไปเดิมทีจะถูกให้อยุ่ในพื้นที่ประชิดติดกับ วอลล์มาเรีย คนที่มีความสำคัญมากในลำดับถัดมาก็จะถูกจัดให้อยู่ด้านหลังของวอลล์โรส และถ้าเป็นคนสำคัญของราชวงศ์ รวมไปถึงหน่วยสารวัตรทหารก็จะถูกเกณฑ์มาอยู่ภายในกำแพงชีน่า ทำหน้าที่คุ้มกันภายในพื้นที่ชั้นในสุด และตามวิสัยของเมืองที่แบ่งแยกชนชั้นก็มักจะมีกลุ่มคนที่ถูกผลักออกไปในฐานะผู้ไม่เหมาะสม อย่างในกรณีของเกาะนี้ก็จะมีเมืองใต้ดินภายในกำแพงชีน่าที่ออกจะเป็นดินแดนไร้กฎหมาย
ด้วยความที่ปิดกั้นจากโลกภายนอก ภายในจึงมีสภาพใกล้เคียงกับยุโรป อย่างเมืองนอร์ดลิงเกิน (Nördlingen) ของเยอรมัน แต่สภาพความเป็นอยู่นั้นคือยุคกลาง จะมีเทคโนโลยีที่แปลกตาหน่อยก็คงจะเป็นอุปกรณ์เคลื่อนย้าย 3 มิติ ที่ทำให้ผู้ใช้งานเดินทางในตัวเมืองที่อยู่ประชิดติดกันได้อย่างคล่องตัว สามารถเคลื่อนที่อย่างว่องไวได้ทุกองศาเพื่อกำจัดไททันที่บุกเข้ามาโจมตีเมืองได้ด้วย เพราะว่าประเทศในกำแพงแห่งนี้มีไททันจำนวนมาก เราจึงไม่แนะนำให้ทุกคนแวะไปเที่ยวที่นี่
Snowpiercer
วิธีการปกครอง : ศักดินา
อีกที่ที่ไม่อยากให้ใครไปเที่ยวแต่อยากแนะนำให้รู้จักก็คือ รถไฟสายด่วนขบวนสโนว์เพียร์เซอร์ (Snowpiercer) ถูกออกแบบโดย วิลฟอร์ด (Wilford) เป้าหมายของรถไฟขบวนนี้คือการวิ่งวนไปทั่วโลกฝ่าภูมิอากาศที่เลวร้ายระดับใกล้เคียงยุคน้ำแข็ง รถไฟมีความยาวราว 1.5 กิโลเมตร มีตู้รถไฟทั้งหมด 60 ตู้ แต่ละตู้มีพื้นที่ประมาณ 323.75 ตารางเมตร รวมแล้วก็คือรถไฟมีพื้นที่ประมาณ 19,425 ตารางเมตร ถือว่ามีขนาดเล็กที่สุดในสถานที่ที่เราพูดถึงกันในวันนี้
ถึงจะขนาดเล็กแต่รถไฟขบวนนี้ก็มีการปกครองในรูปแบบคล้ายเมืองหรือประเทศที่ค่อนข้างชัดเจน โดยที่ตัววิลฟอร์ดรับหน้าที่เป็นเทศมนตรีของรถไฟคันนี้เอง นอกจากที่เขาจะแบ่งแยกกลุ่มคนไว้ตามตู้รถไฟที่ถูกแยกง่ายๆ สองส่วนเป็นช่วงหัวขบวนกับช่วงท้ายขบวน กลุ่มคนชั้นสูงมีความรู้จะถูกจัดให้อยู่ที่หัวขบวน ส่วนคนที่มีความรู้ความสามารถน้อยกว่าก็จะถูกกันไว้อยู่ท้ายขบวนซึ่งมีสภาพคล้ายสลัม การแบ่งชนชั้นนี้ยังถูกควบคุมด้วยตัววิลฟอร์ดที่พร้อมจะชักใยสถานการณ์ต่างๆ จากหัวขบวนเพื่อรักษาเสถียรภาพ นอกจากการแบ่งสองส่วนหลักนี้ รถไฟก็มีระบบนิเวศที่สามารถอยู่ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพิงการเติมทรัพยากรจากภายอกนอกเลย
การอยู่ได้ด้วยตนเองแบบนี้ทำให้รถไฟขบวนนี้่อาจจะไม่จอดรับขึ้นไปในรถ จึงไม่อยากแนะนำให้ไปเที่ยวเท่าไหร่ เพราะคงไม่ได้ขึ้น
Midgar
วิธีการปกครอง : เผด็จการ (ภายใต้การบริหารในรูปแบบบริษัท)
ถึงแม้หลายคนจะรู้จักเมืองนี้จากตัวเกมเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็อย่าลืมว่าเรื่องนี้ถูกทำเป็นอนิเมชั่นด้วย และนี่คือเมืองอันเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่บริษัทพลังงานไฟฟ้าชินระ หรือที่มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Shin-Ra Company นั่นเอง ถึงจะเป็นแค่บริษัทพลังงานแต่บริษัทยังแตกไลน์อัพไปยังธุรกิจอื่นๆ ทั้งยานพาหนะ, สำนักข่าว, โรงแรม, สถานบันเทิงหลายรูปแบบ และธุรกิจอื่นๆ อีกมาก รวมถึงกิจการล้ำๆ อย่างการดัดแปลงพันธุกรรมหรือสำรวจอวกาศบริษัทนี้ก็ยังทำ
นอกจากจะมีธุรกิจหลายแขนง ภายในบริษัทก็มีแผนกแยกย่อยอยู่มาก นอกจากจะมีแผนกพัฒนาสินค้าแบบบริษัททั่วไป ก็มีฝ่ายวิจัยอาวุธ วิจัยสิ่งมีชีวิตทั้งในโลกและนอกโลก รวมถึงการวิจัยเทคโนโลยีจากสมัยอดีตมาบีบอัดเป็นวัตถุที่เรียกว่า ‘มาเทเรีย’ ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถดึงพลังจากธรรมชาติมาใช้งานได้เหมือนใช้เวทมนตร์ ซึ่งเป็นสินค้าขายดีของบริษัทเพราะกองทัพที่ไหนก็อยากใช้งาน รวมถึงว่าบริษัทก็เปิดแผนกต่อสู้ของตัวเองหลายหน่วย เช่น SOLDIER ทหารที่ผ่านการดัดแปลง และ Turks หน่วยข่าวกรองที่คอยเก็บข้อมูลหรือเก็บความลับของบริษัท
ด้วยระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม อำนาจต่อรองทางธุรกิจของบริษัทชินระจึงมีมาก และอย่าแปลกใจที่ประธานของบริษัทชินระจะถูกเรียกว่า President เพราะเคยถึงขั้นไปต่อรองให้นายกเทศมนตรีทั้งในเมืองมิดการ์หรือเมืองอื่นๆ เพื่อปรับโครงสร้างเมืองตามที่บริษัทต้องการ คล้ายกับว่าตัวบริษัทคือผู้มีอำนาจปกครองเมือง ถ้าไม่โดนเปรียบเป็นประธานาธิบดีก็น่าแปลกใจอยู่ ถึงอย่างนั้นเมืองมิดการ์และบริษัทชินระก็น่าสนใจแวะไปเที่ยวอยู่ดี แค่อาจจะมีพื้นที่หลายส่วนที่สงวนให้พนักงานบริษัทชินระเข้าใช้เท่านั้น
ประเทศ ‘เพื่อน’ (Tomodachi Land)
วิธีการปกครอง : คุณงามความดีและเสน่ห์ของผู้ปกครอง
* คำเตือน : มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนในเรื่อง
ที่สุดท้ายอาจจะฟังดูแปลกๆ หน่อย เพราะพื้นที่การปกครองนั้นก็ยังเป็นประเทศญี่ปุ่นอยู่ แต่จุดเด่นกลายเป็นเรื่องผู้ปกครองแทน – เพื่อน หรือ โทโมดาจิ เป็นบุคคลที่อยู่ในสังคมญี่ปุ่นในฐานะบุคคลและเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่ม ‘เพื่อน’ ที่มีบทบาทเด่นครั้งแรกในการคุ้มกันโลกนี้จากการโจมตีครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1999 จนทำให้มีการสร้างอนุสรณ์สถานขึ้นมาในประเทศญี่ปุ่น
จนกระทั่งปี 2015 ‘เพื่อน’ ได้ถูกยิงเสียชีวิตก่อนที่พระสันตะปาปาจะเดินทางมาเยือนประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้นจึงมีนัดหมายทำความเคารพศพ แต่จังหวะที่พระสันตะปาปากำลังน้อมตัวไปเคารพศพน้่นเอง เพื่อนก็ลุกขึ้นมา! แล้วไม่ได้ลุกขึ้นเฉยๆ เพื่อนลุกพุ่งตัวใส่พระสันตะปาปาเพื่อป้องกันกระสุนปืนที่พุ่งเข้ามา นับจากจุดนั้น เพื่อนก็ได้กลายเป็นบุคคลสำคัญของโลก จังหวะนั้นเขาได้เข้าปกครองพื้นที่ส่วนหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น สถาบันตัวเองเป็นประธานาธิบดีโลก และก่อตั้ง ‘เพื่อนศักราช’ สร้างกำแพงป้องกันแยกประชาชนที่ติดเชื้อออกจากผู้ได้รับวัคซีนแล้ว จนกลายเป็นพื้นที่สงบสุขไปในที่สุด
การจะเดินทางไปเยี่ยมดินแดนของเพื่อนอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่การปกครองของเขาเกิดขึ้นได้ด้วยความดีงามจากการช่วยเหลือผู้คน แต่ก็มีข้อน่าสงสัยเหมือนกัน เพราะแทบจะไม่มีใครมาตั้งคำถามถึงวิธีการปกครองของเพื่อนเลย แต่ด้วยภาวะที่ปิดแบบนี้เราคงไม่สามารถเข้าไปเพื่อตามหาคำตอบว่าจริงๆ แล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปกครองประเทศมาจากการวางแผนของตัวเพื่อนเองหรือเปล่า
อ้างอิงข้อมูลจาก
Film Review : Snowpiercer (Or Should I Say, SLAYPIERCER!)