เห็นงานแล้วจะเป็นลม จะเทก็ไม่ได้แม้อยากเทแทบตาย ด้วยพื้นฐานเป็นคนรับผิดชอบ ยังไง้ยังไงก็อดไม่ได้ ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้มันเสร็จทันเวลา หืมมมม สวยมากเว่อร์
หยุดเพ้อเจ้อแป๊บ เพราะจะสิ้นปีแล้ว ต้องรีบเคลียร์งานให้ไว เดี๋ยวปีใหม่ไม่ได้เที่ยวปั่นงานคนเดียวเปล่าเปลี่ยวหัวใจ แต่ถ้ายังไม่สามารถบิลด์ตัวเองให้ทำงานที่กองอยู่ท่วมหัวและเดดไลน์ใกล้มาถึงได้เสร็จเสียที The MATTER มีวิธีการทำงานให้เสร็จ ตั้ง 7 แบบ 7 แถบ 7 สี พอ! ไม่ใช่รุ้งกินน้ำเด้อ ลองเลือกไปใช้กันได้ มีตั้งแต่วิธีชิลๆ วิธีของคนมีวินัย ไปจนวิธีของคนที่ทำงานไม่ทันแล้วค่าาาา (ทึ้งผม)
1. ทู-สิราษฎร์ อินทรโชติ
อาชีพ : นิสิต, นักศึกษา
“ก็คิดเก็บไว้ก่อน ค่อยทำตอนจะส่ง ฮ่าๆๆ จะได้เห็นภาพชัดๆ การบ้านก็เหมือนไวน์ ต้องบ่มนานๆ ถึงจะอร่อย”
2. ภัทรภร วีระศักดิ์วงศ์
อาชีพ : ฟรีแลนซ์
“เราเป็นพวกที่ชอบทำทีเดียวเสร็จๆ ไปเลยนะ เพราะรู้ตัวว่าเป็นคนขี้เบื่อ (คือถ้าทิ้งไว้นานไป สุดท้ายจะเบื่อแล้วก็ไม่ได้ทำ) ถ้าในกรณีที่งานใหญ่ ก็จะเเบ่งเป็น schedule ทำงานที่ชัดเจนไปเลย เช่น วันนี้ต้องทำถึงเท่านี้ พรุ่งนี้ทำถึงเท่านี้ ซึ่งทำแบบนี้มันก็เครียดนะ แต่ชอบความสบายใจหลังงานเสร็จ ก็มักจะไปกินเนื้อย่างเพื่อให้รางวัลตัวเอง 555”
3. สิริกัญญา กาญจนประกร
อาชีพ : แม่บ้าน, รับทำหนังสือ บางทีก็ขายอาหาร
“เนื่องจากเป็นฟรีแลนซ์และแม่บ้านที่ธุระเยอะมากจริงๆ จึงต้องจัดสรรตารางการทำงานในแต่ละวันให้เรียบร้อยและได้คุณภาพมากที่สุด เช่น ทำต้นฉบับตีสี่ถึงเจ็ดโมงครึ่ง (ฟังเพลงด้วย) พาหมาไปเดินเล่น เอาผ้าใส่เครื่องไว้ ไปจ่ายตลาดแล้วกลับมาทำกับข้าว กินข้าวเสร็จไปตากผ้า อาบน้ำ กลับมาทำงานต่อถึงกี่โมงก็ช่าง แต่ก็เล่นกะหมาทุกสิบนาที กินข้าวกินขนม ดูตลกหกฉาก งีบหลับประมาณสองชั่วโมง (แถวบ้านเรียกงีบจริงๆ) ตื่นมาล้างจาน (อย่าลืมเปิดเพลง) หาเวลาไปเที่ยวเล่นใกล้บ้าน บางวันขยันก็ทำกับข้าวตอนเย็นอีก ดูหนัง นอน ตื่นมาทำงานเช้ามืด วนไป จะสังเกตว่าเวลาทำงานจะไม่ค่อยเยอะ เล่นกะหมาคืองานหลัก 55555
ในกรณีที่มีหนังสือให้ทำ 1 เล่ม เราทราบเดดไลน์ ก็จะสามารถแบ่งได้ว่าในหนึ่งวันต้องทำเท่าไหร่ แต่ถ้าช่วงไหนมีงานทับซ้อนและงานเร่ง ก็จะเหลือทำงานกับพักผ่อน ลดความถี่งานบ้านลง
เมื่อก่อนจะทำงานยันดึกยันเช้า แต่เดี๋ยวนี้ยอมรับว่าสังขารไม่ค่อยไหว รีบนอน (แม้จะนอนแบบหลับๆ ตื่นๆ) เช้าที่สดใสรอให้เราตื่นขึ้นมาใช้พลังงานอยู่ หึหึ”
4. ธนวัฒน์ เกตุเพ็นวงศ์
อาชีพ : พนักงานบริษัทญี่ปุ่น
“ผมทำงานไปชอบฟังเพลงไปครับ แต่ชอบฟังเพลงไทยเดิม ฟังแล้วรู้สึกเย็นๆ สบายๆ บางคนนี่ถ้าฟังเเล้วอาจจะทำให้ตื่นกลัวก็ได้ แต่ผมฟังแล้วจะสมองเเล่น แล่นมาก อีกอย่างคือนั่งทำงานในห้องส้วมครับ นั่งทำในขณะที่ก้นกำลังสัมผัสฝารองนั่ง มือพิมพ์โน้ตบุ๊คไป เป็นบรรยากาศการทำงานที่ฟินสุดๆ ไปเลยครับ”
5. อทิตยา ประเสริฐสังข์
อาชีพ : อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัย และฟรีแลนซ์
“ชอบทำงานตอนหลังจากตื่นตอนเช้า หลังจากอาบน้ำทานข้าวเสร็จค่ะ เพราะเป็นช่วงเวลาที่สมองปลอดโปร่ง รู้สึกว่าทำงานตอนนั้นจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด ถ้าเหนื่อยก็จะพักฟังเพลง หรือถ้าเวลาทำงานที่ไม่เครียดมากก็จะเปิดเพลงฟังไปด้วย”
6. วรรษชล ศิริจันทนันท์
อาชีพ : นักศึกษาปริญญาโท
“ขั้นแรกคือลิสต์งานออกมาแล้วแบ่งไปเลยว่าวันไหนจะทำชิ้นไหน วิธีจัดแบ่งคือสมมติว่าต้องอ่านทั้งหมด 60 หน้า สถิติตัวเองคืออ่านได้มากสุดวันละ 25-30 เราจะให้เวลาตัวเอง 2 วัน แล้วบังคับให้ตัวเองทำได้ตามนั้นด้วยการนึกถึงวันที่เคยทำไม่ทัน เพลย์ภาพซ้ำไปเลยว่าฉิบหายขนาดไหน และเราจะต้องทำทุกทางเพื่อไม่ให้พังระดับนั้นอีก
ขั้นที่สองคือต้องมีตัวช่วย ขยักแรกคือเปิดด้วยกาแฟเช้า ต่อด้วยกาแฟบ่าย ตามด้วยเบียร์ตอนเย็นๆ ค่ำๆ และปิดด้วยชาสมุนไพรตอนดึกเพื่อให้นอนหลับ ไม่งั้นจะตื่นมาลุยต่อวันรุ่งขึ้นแบบไม่เฟรช แต่ถ้าดูเหมือนงานยังไม่ไปไหน ห้ามดื่มชา เพราะจะแบล็คเอาท์ แก้ได้ด้วยการแบกคอมออกไปทำต่อที่ผับ ลากยาวจนตีสองได้สวยๆ
ขั้นสามคือต้องยอมให้ตัวเองพัง ทำใจไว้เลยว่าน้ำไม่อาบ 2 วันก็ต้องยอม ผมเหม็นบุหรี่ก็ต้องอิกนอร์ เสื้อผ้าเหรอ เดี๋ยวงานเสร็จค่อยซักแล้วกัน ใต้ตาคล้ำเดี๋ยวเอาคอนซีลเลอร์โปะเอา สรุปคือยอมทุกอย่างและมีวินัยกับตารางที่วางไว้ให้ได้มากที่สุด เดี๋ยวงานเสร็จค่อยว่ากัน”
7. แมวดำรำพัน
อาชีพ : พนักงานออฟฟิศ
“จับตัวเองเป็นตัวประกัน บอกคนอื่นไว้เลยว่าจะทำงานนี้เสร็จวันนี้เท่านี้นะ พอเราบอกคนอื่นไว้แล้วว่าเราจะทำให้เสร็จ มันจะมีความฮึดสู้ว่าต้องทำให้เสร็จเพราะเราบอกคนอื่นไว้แล้ว งานยิ่งสำคัญ ยิ่งต้องบอกคนหลายๆ คน จะยิ่งมีแรงใจ แต่ระวังว่าเลือกคนบอกให้ดีๆ เลือกคนที่ให้กำลังใจกะเรา ไม่งั้นจะดาวน์เอาได้ 555
แค่นี้ได้มั้ย ขอทำงานก่อลลลล”