นักอ่านหลายคนน่าจะมีหนังสือเป็นเพื่อนคลายเหงา เป็นเพื่อนที่ให้ความรู้ความบันเทิง หรือแม้กระทั่งเป็นเพื่อนที่ช่วยบรรเทาความโศกเศร้า
ในกรุงลอนดอน องค์กรชื่อว่า The School of Life ให้บริการ Bibliotherapy หรือการบำบัดด้วยหนังสือ ที่นี่มี Bibliotherapist ประจำการเพื่อรับฟังปัญหาหรือความทุกข์ใจของผู้ใช้บริการ (ซึ่งอาจเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล หรือแค่มีเรื่องไม่สบายใจเฉยๆ) แล้วแนะนำหนังสือที่เหมาะกับพวกเขาให้อ่านเป็นการบำบัด หรือเรียกง่ายๆ ว่า จัดหนังสือให้แทนยานั่นเอง
แม้เราเองจะเชื่อในประสิทธิภาพของการรักษาโรคทางจิตเวชด้วยยาและการพูดคุยกับนักจิตบำบัด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการบำบัดด้วยการอ่านนั้นช่วยได้จริงๆ เพราะมีผู้ใช้บริการที่เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น อีกทั้งมีงานวิจัยหลายชิ้นสนับสนุนด้วย (ตามไปอ่านได้ที่ The Huffington Post, The New Yorker)
ในเมื่อหนังสือช่วยปลอบประโลมจิตใจที่หม่นเศร้าของเราได้ ในช่วงเวลาแห่งการสูญเสียเช่นนี้ นักอ่านอย่างเราๆ ก็น่าจะหาหนังสือดีๆ มาอ่านกันเนอะ แถมตอนนี้เป็นช่วงสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเสียด้วย แต่เราดันเป็นคนที่ไม่ชอบการไปเบียดเสียดผู้คนเอาเสียมากๆ แถมไม่ยินดียินร้ายกับลายเซ็นนักเขียนเท่าไหร่ และที่สำคัญคือกระเป๋าแฟ่บ! เลยต้องสรรหาสถานที่ทางเลือกอื่นๆ ให้ตัวเองยังได้ไปหาหนังสือใหม่ๆ มาอ่านบ้าง ถ้าใครเป็นแบบเรา ก็ตามมา 7 สถานที่ต่อไปนี้ได้เลย
นักอ่านสายเช็กอิน
ถ้าคุณชอบเช็กอินร้านใหม่ๆ เราอยากแนะนำให้รู้จัก Fathom Bookspace ร้านหนังสืออิสระน้องใหม่ในซอยสวนพลู (สาทร 3) ซึ่งมาพร้อมกับคอนเซ็ปต์คูลๆ ว่าจะคัดสรรหนังสือทั้งเก่าทั้งใหม่มาแนะนำตามธีมต่างๆ โดยช่วง 2 เดือนแรกของการเปิดตัวขอประเดิมด้วยธีม ‘ออกเดินทางสู่บ้าน’ แน่นอนว่าต้องได้พบกับหนังสือบันทึกการเดินทางหลากหลายเล่ม แต่ถึงจะจัดเป็นธีม ที่ร้านก็ยังมีหนังสือประเภทอื่นๆ วางขายควบคู่กันไปด้วยอยู่ดีนะ
นอกจากจะไปเลือกซื้อหนังสือแล้ว นักอ่านยังสามารถไปนั่งเล่นนอนเล่นได้ชิลๆ พร้อมสั่งเครื่องดื่ม เช่น ชา โกโก้ มาจิบเพิ่มความรื่นรมย์ โดยในช่วงงานสัปดาห์หนังสือนี้ทางร้านจัดโปรฯ ดีๆ เอาใจนักอ่านที่ไม่อยากไปเบียดคน (หรือไปเบียดมาแล้วและอยากหาที่นั่งพัก) ซื้อเครื่องดื่ม 1 แก้ว ลดราคาหนังสือ 5% หรือซื้อเครื่องดื่ม 2 แก้วขึ้นไป ลดราคาหนังสือ 10% ลองไปเยี่ยมชมกันได้ ถ้าถูกใจก็วางแผนกลับไปอีกได้เลย เพราะในอนาคตจะมีนิทรรศการและเวิร์กช็อปต่างๆ ด้วย
สาทร 3 ตรงข้ามสน.ทุ่งมหาเมฆ / เปิดทุกวัน 10 โมงถึง 3 ทุ่ม / MRT ลุมพินี ต่อรถสองแถว
นักอ่านกระเป๋าแบน
ถ้าคุณกำลังช็อตหนัก แม้กระทั่งร้านหนังสือก็ไม่อยากเข้าให้กิเลสพลุ่งพล่าน งั้นก็เข้าห้องสมุดแทนก็แล้วกัน ที่โปรดของเราคือ The Reading Room ห้องสมุดศิลปะร่วมสมัยบนถนนสีลม นอกจากเท็กซ์บุ๊กและหนังสืออ้างอิงด้านศิลปะที่เรียงรายอยู่บนชั้น ที่นี่ยังมีหนังสือ non-fiction สาขาต่างๆ และ fiction จำพวกวรรณกรรมคลาสสิคปะปนอยู่ด้วย รวมทั้งมีดีวีดีหนัง บ้างเป็นหนังเก่า บ้างเป็นหนังอินดี้ ไม่ก็หนังสั้นจากงานฉายหนังที่จัดขึ้นเป็นประจำ ทุกอย่างยืมได้เลย ไม่ต้องสมัครสมาชิกหรือวางมัดจำ เรียกว่าทำงานบนความไว้เนื้อเชื่อใจล้วนๆ เพราะฉะนั้นก็เอามาคืนตามกำหนดด้วยเนอะ เราจะได้มีพื้นที่ดีๆ แบบนี้ไว้พักใจยามไม่มีเงินซื้อหนังสือไง
ถ้าไปแล้วชอบอย่าลืมไปกดไลก์ติดตามเพจ The Reading Room เพราะที่นี่จัดกิจกรรมดีๆ สม่ำเสมอ อย่างช่วงเดือนตุลาคมนี้มีงาน ‘Sleepover#6: เกษียนสโมสร’ ซึ่งจัดโดยเจ้ย-อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล และวันที่ 22 ตุลาคมก็จะเริ่มซีรีส์เสวนา ‘Right Here, Right Now: ทำความเข้าใจแนวคิดฝ่ายขวา’ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้าเพจเลย
สีลม 19 / พุธ-อาทิตย์ บ่ายโมงถึง 1 ทุ่ม / BTS สุรศักดิ์ ต่อวินมอ’ไซค์หรือเดิน
นักอ่านชอบคุ้ย
สำหรับคนที่ชอบอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ และมีความสุขกับการได้คุ้ยหาหนังสือที่ถูกใจ เราแนะนำให้ไป Dasa Book Cafe ร้านหนังสือมือสองใกล้ห้างดิเอ็มโพเรี่ยม ที่นี่มีหนังสือภาษาอังกฤษหลากหลายประเภท ทั้ง non-fiction และ fiction ประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรมคลาสสิค ชิคลิท YA ฯลฯ หนังสือส่วนใหญ่ยังอยู่ในสภาพดีมากๆ ที่สำคัญราคาเป็นมิตรสุดๆ ร้านมีตั้ง 3 ชั้น รับรองว่าเพลิดเพลินกับการขุดค้นขุมทรัพย์ทั้งวันแน่ พอเหนื่อยก็มานั่งพักจิบกาแฟที่ชั้นล่างได้ชิลๆ แต่ถ้าคุณไม่ได้มีจิตวิญญาณนักคุ้ยขนาดนั้น หรือถ้ามีหนังสือเล่มไหนที่กำลังตามหาเป็นพิเศษ ก็โทรไปถามที่เบอร์ 02-661-2993 ให้พนักงานเช็กให้ก่อนได้ จะได้ไม่เสียเที่ยว
ระหว่างซอยสุขุมวิท 26 และ 28 / ทุกวัน 10 โมงถึง 2 ทุ่ม / BTS พร้อมพงษ์ เดินต่อนิดหน่อย
นักอ่านสายติสท์
เราเชื่อว่านักอ่านทุกคนที่ไปเชียงใหม่มาต้องได้แวะเวียนไปร้าน The Booksmith บนถนนนิมมานเหมินท์มาแล้วแน่ๆ ถ้าใครติดใจอยากกลับไปอีกแต่ไม่มีแพลนไปเมืองเหนือเร็วๆ นี้ ก็ไปเดินเล่นที่ร้าน The Papersmith By The Booksmith ในเกษรพลาซ่าให้หายคิดถึงก่อนได้ ที่บอกว่าเหมาะกับนักอ่านสายติสท์ก็เพราะที่นี่อัดแน่นไปด้วยหนังสือด้านศิลปะและการออกแบบ รวมทั้งมีแม็กกาซีนต่างประเทศหลายหัว แม้ร้านจะเล็กหน่อยแต่ถ้าเข้าไปแล้วต้องโดนหนังสือสวยๆ ดูดให้อยู่นานหลายชั่วโมงแน่
ชั้น 2 เกษรพลาซ่า / ทุกวัน 10 โมงถึง 2 ทุ่มครึ่ง / BTS ชิดลม
นักอ่านขี้เมา
Zombie Books คือร้านหนังสือที่ซ่อนตัวอยู่ในสถานที่สุดเซอร์ไพรส์อย่าง RCA ภายในร้านขนาด 4 ชั้นเต็มไปด้วยหนังสือนานาชนิดทั้งเก่าและใหม่ และมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งชิลสั่งเครื่องดื่มมาละเลียดพลางพลิกหน้ากระดาษอ่านหนังสือไปด้วย ซึ่งจะนั่งนานแค่ไหนก็ได้ เจ้าของร้านใจดีไม่มีการไล่กลับ ความพิเศษคือบนชั้น 3 มีพื้นที่สำหรับจัดนิทรรศการ ซึ่งจะมีนู่นนี่หมุนวนมาจัดแสดงอยู่เรื่อยๆ และบนชั้น 4 คือ 1970’s Bar ไปร่ำสุราเมรัยพลางพูดคุยเรื่องหนังสือที่ชอบในบรรยากาศสบายๆ ได้เลย ทุกวันศุกร์และเสาร์มีดนตรีสดตอนดึกๆ ด้วยล่ะ
RCA Block D / อังคาร-อาทิตย์ 10 โมงครึ่งถึง 3 ทุ่ม / MRT เพชรบุรี, สุขุมวิท ต่อวินมอ’ไซค์
นักอ่านสายแข็ง
เราจั่วหัวว่าเหมาะกับนักอ่านสายแข็งเพราะว่าร้าน Books & Belongings เต็มไปด้วยหนังสือหายากและหนังสือรุ่นลิมิเต็ด ทั้ง non-fiction และ fiction อาจจะเน้นหนักไปที่ภาษาอังกฤษและภาษาต่างประเทศอื่นๆ เสียหน่อย แต่ก็มีภาษาไทยอยู่ประปราย นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นพื้นที่สำหรับจัดเวิร์กช็อป นิทรรศการ และเสวนาต่างๆ ด้วย เช่น ซีรีส์เสวนา Why Classic? ที่ชวนคนอ่านมาล้อมวงสนทนาเรื่องวรรณกรรมคลาสสิคเดือนละเล่มตลอด 1 ปี กดไลก์เพจไว้เลยจะได้ไม่พลาดทุกการอัพเดท
ช่วงสัปดาห์หนังสือทางร้านจัดโปรโมชั่นซื้อหนังสือครบ 1,500 บาท รับฟรีกระเป๋าผ้าหรือเครื่องดื่ม 1 แก้ว โปรฯ นี้อยู่ถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้เลยนะ ยาวกว่างานหนังสืออีก
สุขุมวิท 91 / ทุกวัน 9 โมงถึง 1 ทุ่ม / BTS บางจาก
นักอ่านติดบ้าน
ตามนั้นเลย ติดบ้านนักก็อยู่บ้านไป แล้วช้อปหนังสือออนไลน์รัวๆ อย่างที่ร้าน Readery ก็มีหนังสือที่ออกใหม่ในงานหนังสือคราวนี้ให้พรีออเดอร์ด้วยนะ แถมลดราคา 15-20% ประหนึ่งโปรฯ ในงานหนังสือ นอนอยู่บ้านตากแอร์ ไม่ต้องเดินให้เหนื่อยก็มีหนังสือใหม่อ่านได้ หรือถ้าไม่อยากซื้ออะไรเพิ่ม ก็จัดการอ่านหนังสือที่ซื้อมาจากงานหนังสือคราวก่อนๆ ให้หมดซักทีเนอะ ลองทำตามเทคนิค ‘7 วิธีหาเวลาอ่านหนังสือที่ดองไว้ยังไงให้จบเล่ม’ ดูได้เลย