(บทความนี้เปิดเผยข้อมูลของอสูรที่ปรากฏในการ์ตูนเรื่องดาบพิฆาตอสูร)
มังงะและอนิเมะเรื่อง ‘ดาบพิฆาตอสูร’ เป็นที่พูดถึงกันอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ด้วยเนื้อเรื่องที่กระชับไม่ยืดยาวและภาพอนิเมชั่นที่สวยงามน่าติดตามก็เป็นอะไรที่ทำให้ใครหลายๆ คนกดเข้าไปดูไม่ได้ยาก แต่อีกสิ่งหนึ่งที่คนที่ดูดาบพิฆาตอสูรต่างให้ความสนใจก็คือเรื่องราวปูมหลังของตัวละครที่น่าสนใจ น่าเศร้า และชวนให้น่าติดตามอยู่เสมอ
เพราะปูมหลังของตัวละครในเรื่องนั้นสะท้อนให้ได้เห็นถึงสิ่งที่ตัวละครได้พบเจอมา ทั้งเรื่องครอบครัว คนรอบข้าง และสภาพสังคมในช่วงที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ แถมยังพาให้เราได้ลงลึกไปถึงทางเลือกและการตัดสินใจที่ตัวละครเหล่านั้นเลือกอีกด้วย โดยตัวละครที่ว่าก็ไม่ได้มีแค่ในส่วนของฝั่งตัวเอกเท่านั้น เพราะปูมหลังของเหล่าอสูรที่นับเป็นตัวร้ายของเรื่องก็ถูกนำมาพูดถึงอยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน
และเมื่อทุกตัวละครมีเรื่องราวความเป็นมา มีทางเลือกที่บางครั้งก็ไม่ได้อยากจะเลือก แต่มันก็ยากที่จะไม่เลือก เราเลยอยากชวนทุกคนมาพูดคุยถึงเรื่องราวชีวิตก่อนกลายมาเป็นอสูรของเหล่านักขายในสังกัดมุซัน ที่ถูกคนรอบข้าง สภาพสังคมในสมัยนั้น รวมถึงความปรารถนาจากเบื้องลึกของจิตใจ ที่หล่อหลอมให้พวกเขาจำเป็นต้องเลือกเส้นทางสายนี้ และชวนให้จินตนาการต่อว่าหากพวกไม่เจอเรื่องราวที่โหดร้ายและการบีบบังคับจากสังคม พวกเขาน่าจะมีชีวิตที่ดีกว่าการเป็นอสูรหรือเปล่า
**บทความนี้อยากชวนทุกคนไปสำรวจถึงปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้มนุษย์คนหนึ่งเลือกเดินทางเข้าสู่ด้านมืด และสะท้อนถึงความจริงในสังคมนอกการ์ตูน เพื่อช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น
**หมายเหตุ : บทความนี้อ้างอิงประวัติของอสูรที่มีการเปิดเผยในมังงะดาบพิฆาตอสูร โดยจะยังไม่นับรวมถึงเรื่องราวที่ได้รับการเปิดเผยใน Kimetsu no Yaiba Fanbook**
เคียวไก อสูรกลองสึซึมิ
ต้องพยายามแค่ไหน คนรอบข้างถึงจะยอมรับในตัวเรา?
อสูรตัวแรกที่อยากจะชวนไปพูดถึงก็คือ เคียวไก อดีตอสูรข้างแรมที่ 6 ผู้หลบซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์กลองสึซึมิ คอยโจมตีคนที่หลงเข้ามาในคฤหาสน์นั้น เพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเอง จะได้แข็งแกร่งขึ้น และกลับไปสู่ตำแหน่งอสูรจันทราได้อีกครั้ง อสูรผู้จมอยู่กับความไม่เป็นที่ยอมรับ และใช้ชีวิตอยู่ในฐานะอสูรเพื่อรอคนที่ยอมรับในความสามารถของตัวเอง
เรื่องราวชีวิตก่อนมาเป็นอสูรของเคียวไกก็ไม่ได้ดีเด่นไปกว่าใครนัก เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์เคียวไกนั้นถึงจะเป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายอ่อนแอ แต่ก็เป็นคนที่มีใจรักในงานเขียน เขามักทุ่มเทแรงกายและแรงใจเพื่อให้งานเขียนของเขากลายเป็นที่ยอมรับ แต่ความพยายามของเขากลับถูกดูถูกโดยผู้คนรอบข้างและบิดาของเขาเอง
งานเขียนที่เคียวไกได้ใช้ความพยายามสร้างสรรค์ออกมานั้นมักถูกผู้คนรอบข้างกล่าวว่า น่าเบื่อ ไร้ความสร้างสรรค์ มันเป็นไม่ต่างอะไรจากขยะให้เลิกเขียนไปเถอะ รวมถึงเขายังโดนดูถูกเรื่องความสามารถในการตีกลองสึซึมิที่เป็นอีกหนึ่งความชอบของตัวเองด้วยว่า เขาตีไม่ได้ดีไปกว่าใครทั้งนั้น ไม่มีทางที่จะสอนใครได้หรอก
และเพราะความกดดัน ความเก็บกด รวมถึงความต้องการเป็นที่ยอมรับจากการผู้คนรอบข้างนี่เอง ที่ทำให้เขาเลือกละทิ้งความเป็นมนุษย์ของตัวเอง และลงมือปลิดชีพของคนที่กล่าวดูถูกเขา โดยมีชีวิตต่อไปในฐานะอสูรเพื่อที่ว่าวันหนึ่งจะมีสักคนที่ยอมรับในความสามารถและความพยายามของเขาไม่ว่าจะในฐานะไหนก็ตาม
รุย อสูรแมงมุม อสูรข้างแรมที่ 5
เขาว่ากันว่าสถาบันครอบครัวเป็นสถาบันที่แข็งแกร่ง แต่มันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ไหมนะ เมื่อบางทีสถาบันครอบครัวที่น่าจะต้องใกล้ชิดกับคนในครอบครัวที่สุดกลับผลัดไสคนคนหนึ่งให้ต้องอยู่กับการตั้งคำถามถึงความรักของครอบครัวเพียงลำพัง
อีกหนึ่งอสูรที่อยากชวนมาพูดถึงกัน ก็คืออสูรที่เป็นผลพวงมาจากการไม่เข้าใจของคนในครอบครัว และโหยหาสิ่งที่เรียกว่าสายสัมพันธ์ของครอบครัว เมื่อในยามเป็นมนุษย์ไม่มีใครสามารถให้เขาได้ เขาจึงกลายมาเป็นอสูรที่เปลี่ยนมนุษย์ที่ตัวเองพบเจอให้มาเป็นครอบครัวของตัวเอง นั่นก็คือ ‘รุย’ อสูรแมงมุม อสูรข้างแรมที่ 5 ผู้เป็นเหยื่อของความไม่รู้ และเป็นผลพวกมาจากความไม่เข้าใจ การไม่คุยกันในครอบครัว
เรื่องของรุยอาจะแตกต่างจากอสูรหลายคนอยู่หน่อย เพราะในสมัยที่ยังเป็นมนุษย์รุยเป็นเด็กชายที่มีสุขภาพอ่อนแอไม่สามารถออกไปวิ่งเล่นข้างนอกได้ ทำให้ ‘คิบุตสึจิ มุซัน’ อาศัยความไม่รู้ของรุยเสนอวิธีที่จะทำให้เด็กชายมีสุขภาพแข็งแรง ซึ่งรุยก็ตกลงเพราะเขาก็อยากออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านได้บ้าง แต่ในการยื่นข้อเสนอนี้ มุซันไม่ได้บอกรุยไว้ว่าสิ่งที่จะตามมาจากการรักษานี้คือการที่กลายเป็นอสูรและจะกระหายเลือดมนุษย์
และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาก็คือการที่พ่อแม่รับไม่ได้กับสิ่งที่เขาได้รับมาจากมุซัน จึงต้องการจากฆ่าเขาเสีย ตอนนั้นเองสิ่งที่รุยทำก็คือการปกป้องตัวเองด้วยการฆ่าพ่อแม่ที่คิดจะฆ่าตัวของเขาไปทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น จัดการไปทั้งๆ ที่ไม่ได้สอบถามเรื่องราวทั้งหมด และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาก็ทำให้รุยเป็นอสูรที่โหยหาครอบครัว ต้องการคนที่จะอยู่เคียงข้างและเชื่อมั่นในตัวของเขา
ดากิ&กิวทาโร่ อสูรข้างขึ้นที่ 6
แม้อยู่ในเมืองที่ไม่เคยหลับไหลก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะได้รับการเป็นอยู่ที่ดี มีข้าวกินไม่ต้องปากกัดตีนถีบ ไม่ต้องทำงานตั้งแต่ยังเด็ก และมีสุขภาวะที่ดี เพราะท่ามกลางเมืองที่กำลังจะพัฒนานี่แหละที่ทำให้ช่องว่างระหว่างคนมีกินกับคนไม่มีจะกินยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ และความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นนี้ก็ทำให้คนกลุ่มหนึ่งต้องเอาชีวิตรอด และเลือกเดินออกจากเส้นทางของการเป็นมนุษย์ อย่างเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ ดากิและกิวทาโร่ 2 พี่น้องอสูรข้างขึ้นที่ 6
เรื่องราวของชีวิตของดากิและกิวทาโร่เริ่มขึ้นในย่านโยชิวาระ (ย่านเริงรมย์) เมื่อเด็กชาย ‘กิวทาโร่’ ได้เกิดมาพร้อมกับน่าตา รูปร่างอันอัปลักษณ์ท่ามกลางความสวยงามของย่านเริงรมย์ ทำให้เขาถูกรังเกียจจากทั้งมารดาและผู้คนรอบข้าง แถมสภาพการเป็นอยู่ก็ไม่ได้มีอันจะกิน ต้องหาของกินตามถังขยะ เพราะไม่ได้รับการดูแลจากภาครัฐ และในในชีวิตที่เอาตัวรอดของกิวทาโร่นั่นก็เหมือนจะเริ่มดีขึ้นเมื่อ ‘อุเมะ (ชื่อสมัยยังเป็นมนุษย์ของดากิ)’ ได้ลืมตาดูโลกพร้อมกับหน้าตาที่สวยงาม เมื่อโตขึ้น อุเมะได้เริ่มทำงานเป็นโจโร่ในย่านเริงรมย์ และกิวทาโร่ก็ได้ทำงานเป็นคนทวงหนี้ให้กับผู้มีอำนาจในย่านเริงรมย์นี้ โดยคิดว่าหลังจากนี้เป็นต้นไปชีวิตของพวกเขาพี่น้องก็คงจะดีขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายชีวิตที่เหมือนกำลังจะดีขึ้นของพวกเขาพี่น้องก็ต้องถึงคราวชะงัก เมื่ออุเมะได้พลั้งมือทำร้ายซามุไรที่เป็นแขกของตัวเองจนตาบอด และถูกลงโทษด้วยการเผาทั้งเป็น กิวทางโร่ที่กลับมาเจอน้องสาวในสภาพใกล้สิ้นใจจึงได้แก้แค้นซามุไรและแม้เล้าในที่สุด แต่แม้ว่าเขาจะจัดการกับคนทั้งสองคนได้สำเร็จ นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาได้น้องสาวสุดที่รักคืนมา กิวทาโร่ที่อุ้มน้องเดินตามหาคนช่วยในเวลานั้นก็ได้พบกับ ‘โดมะ’ หนึ่งในอสูรจันทราของมุซัน และเลือกที่จะละทิ้งความเป็นมนุษย์เปลี่ยนตัวเองและน้องสาวให้กลายเป็นอสูร เพื่อที่จะให้น้องสาวกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
อาคาสะ อสูรข้างขึ้นที่ 3
อาคาสะ อสูรข้างขึ้นที่ 3 ยอดนักสู้และเจ้าของมีมมาเป็นอสูรด้วยกันสิที่พยายามชวนเคียวจูโร่ เสาหลักเพลิงให้มาเป็นอสูร เพื่อจะได้ฝึกให้แข็งแกร่งกว่านี้ และได้ต่อสู้อย่างสนุกสนานไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ ผู้เป็นอีกหนึ่งเหยื่อของความเหลื่อมล้ำและความไร้ซึ่งรัฐสวัสดิการในสังคม
‘ฮาคุจิ’ เด็กยากจนที่อยู่คุณพ่อที่ล้มป่วย ต้องเลี้ยงชีพด้วยการเป็นโจรเพื่อหาเงินมาซื้อยารักษาพ่อ เพราะยาที่ใช้ในการรักษาพ่อนั้นมีราคาที่สูงจน การทำงานรับจ้างทั่วไปไม่สามารถทำให้เขามีเงินมาซื้อยานั้นได้ ทำให้ฮาคุจิในวัย 11 ปี ถูกจับและลงโทษอยู่บ่อยครั้ง จนในวันหนึ่งพ่อของฮาคุจิตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง เพราะไม่ต้องการให้ฮาคุจิไปปล้นคนอื่นเพื่อหาเงินมาซื้อยารักษาตนอีกต่อไป ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นก็ทำให้ฮาคุจิรู้สึกเคว้งคว้างไร้ซึ่งความหมายของการใช้ชีวิต
จนกระทั่งเขาได้มาเจอกับ ‘เคโซ’ เจ้าของโรงฝึกต้อสู้มือเปล่าโซริว และโดนพากลับโรงฝึก การกระทำของเคโซนั้นทำให้ฮาคุจิรู้สึกถึงความหมายของการใช้ชีวิตอีกครั้ง เมื่อเขาได้ช่วยดูแลโรงฝึกและปกป้อง‘โคยูกิ’ ลูกสาวของเคโซ จนเขาได้ตกหลุมรักเอ และกำลังจะได้เป็นผู้สืบทอดโรงฝึกแล้วรับโคยูกิเป็นเจ้าสาวในวัย 18 ปี แต่กลับกลายเป็นว่าวันที่รอคอยนั้นไม่มาถึง
เมื่อในวันที่ฮาคุจิกลับบ้านเดิมเพื่อไปสักการะหลุมศพพ่อ โรงฝึกดาบที่เป็นคู่แข่งได้เข้ามาวางยาพิษในบ่อน้ำโรงฝึกโซริว ทำให้ทั้งเคโซและโคยูกิเสียชีวิตไป ในตอนนั้นเองฮาคุจิที่ใจสลายจึงเข้าไปแก้แค้นลูกศิษย์ของโรงฝึกดาบทั้ง 67 คนด้วยวิชาการต่อสู้มือเปล่าของตัวเอง แล้วก็ได้เจอมุซันและถูกเปลี่ยนให้เป็นอสูรในที่สุด
โคคุชิโบ อสูรข้างขึ้นที่ 1
ลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นลูกที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด กลับต้องกลายมาเป็นคนที่ไม่ถูกเลือกเราจะรู้สึกยังไง?
เรื่องของอสูรคนที่สุดท้ายที่อยากหยิบมาชวนคุยกันก็คือ ‘โคคุชิโบ’ อสูรข้างขึ้นที่ 1 ผู้ใช้ปรานจันทรา อดีตนักล่าอสูรคนแรกที่เลือกจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นอสูรและมารับใช้มุซัน ต้นตระกลูของโทคิโท มุอิจิโร่ เส้าหลักหมอก ผู้ที่โดนไฟอิจฉาในใจแผดเผาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเกิดจากการกล่อมเกลาโดยบิดา ที่เป็นผลมาจากค่านิยมที่บิดเบี้ยวในสังคม
เมื่อสังคมในสมัยนั้นการคลอดลูก 1 ครั้งแต่ได้ลูกออกมา 2 คนถือเป็นเรื่องอัปมงคลต้องกำจัดเด็กคนใดคนหนึ่งทิ้งไปเสีย และในเวลานั้น ‘สึกิคุนิ มิจิคัตสึ’ ก็ได้เกิดมาพร้อมกับน้องชายฝาแฝดอย่าง ‘สึกิคุนิ โยริอิจิ’ ทำให้พ่อของพวกเขาตัดสินใจจะกำจัดโยริอิจิผู้เป็นน้องชายเสีย แต่ถูกภรรยาห้ามเอาไว้จึงตัดสินใจแยกฝาแฝดออกจากการและกำหนดให้มิจิคัตสึผู้พี่ได้รับการศึกษาและเลี้ยงดูเพื่อเป็นผู้นำตระกลูในอนาคต ส่วนโยริอิจิ ผู้น้องถูกเลี้ยงดูในห้องเล็กๆ ไม่มีโอกาสได้ออกไปไหน และจะต้องถูกส่งตัวไปบวชเมื่ออายุครบ 10 ปี
วันเวลาผ่านไปมิจิคัตสึที่ถูกเลี้ยงดูเพื่อเป็นผู้นำตระกลูก็มีความรู้สึกสงสารน้องชายอยู่ลึกๆ จึงได้แอบเข้าไปพบบ้างเป็นครั้ง แต่ความสัมพันธ์ที่เหมือนจะดีนี้ก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิด เมื่อวันหนึ่งโยริอิจิที่แอบตามมาดูพี่ชายฝึกดาบ สามารถล้มครูฝึกดาบของมิจิคัตสึได้อย่างไม่ยากเย็นทั้งๆ ที่เป็นการต่อสู้ครั้งแรก ในขณะที่มิจิคัตสึไม่เคยล้มครูฝึกได้เลยสักครั้ง และในวันนั้นเองครูฝึกได้ไปแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับบิดาของทั้ง 2 ได้รู้ บิดาของพวกเขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนตัวผู้นำตระกลูโดยจะให้โยริอิจิ แฝดน้องมาเป็นว่าที่ผู้นำตระกลูแทน และมิจิคัตสึจะต้องออกบวชเมื่ออายุครบ 10 ปีแทน แต่เรื่องทั้งหมดก็ไม่เกิดขึ้นเพราะโยริอิจิตัดสินใจหนี้ออกจากบ้านไปในคืนนั้นเมื่อแม่ของพวกเขาได้สิ้นใจไป
ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั่นก็สร้างความอิจฉาและบาดแผลขึ้นในใจของมิจิคัตสึอย่างไม่จางหาย ทำให้ในวันที่พวกเขาโตขึ้นและได้กลับมาพบกันอีกครั้ง มิจิคัตสึพยายามที่จะเป็นนักดาบที่อยู่เหนือน้องชายให้ได้ แต่ก็ไม่สามารถข้ามผ่านน้องชายไปได้สักที จนในวันที่เขาตัดพ้อต่อโชคชะตาและพรสวรรค์ของตัวเอง มิจิคัตสึก็ได้พบกับมุซันที่มาเชิญชวนเขาให้ไปเป็นอสูร เพื่อที่จะได้ใช้เวลาเกือบนิรันดร์นี้ในการฝึกฝนตัวเองให้ตัวเองกลายเป็นอันดับ 1 ได้ในที่สุด