คอนโด คอนโด คอนโดฯ… เราเห็นคอนโดฯผุดขึ้นเต็มไปหมด ไม่ใกล้ไม่ไกลก็เห็นโครงการบ้านเดี่ยวเป็นทิวแถว จนแอบคิดว่าห้องเยอะขนาดนี้จะขนคนจากไหนมาอยู่กันหวาดไหว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสำหรับเหล่า developer ตลาดนี้ช่างหอมหวาน และการแข่งขันก็ยิ่งเข้มข้น
ดังนั้นถ้าใครสักคนจะสร้างคอนโดฯมาอีกสักแห่งให้ประสบความสำเร็จ เขาจะต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้—งานออกแบบ มาร์เก็ตติ้ง และชาวเน็ต ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายใหญ่สุดในช่วงเวลานี้ เพราะงานออกแบบที่จะประสบความสำเร็จไม่สามารถละทิ้งเรื่องมาร์เก็ตติ้ง และมาร์เก็ตติ้งที่ประสบความสำเร็จ ก็ไม่สามารถละทิ้งข้อมูลจากฝั่งอินเทอร์เน็ตหรือก็คือเหล่าผู้บริโภคหลักได้โดยสิ้นเชิงอีกเช่นกัน
แล้วอย่างนี้ คอนโดฯแบบไหนล่ะ ที่ชาวเน็ตจะไม่จวกยับ และรีบจับจอง?
1.ในห้องต้องเป๊ะ ส่วนกลางต้องปัง และต้องดีกว่าคอนโดฯ ข้างๆ!
จากมุมมองของนักออกแบบตกแต่งภายใน
เบิร์ด—ศรินรัตน์ กมลรัตนพิบูล
General Manager
บริษัท DWP | Design Worldwide Partnership
ในการออกแบบตกแต่งภายใน อะไรสำคัญสุด
อย่างแรกเลยคือมันต้องไปในทางเดียวกับตัวตึกและสิ่งที่อยู่โดยรอบค่ะ แต่มันก็จะมีเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกมาเกี่ยวข้องด้วย เพราะเวลาออกไปข้างนอกเราก็อยากกลับมาสู่บ้านหรือห้องที่เป็นพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งในการทำคอนโดฯ พื้นที่ส่วนกลางอย่างเช่นโถงทางเดินหรือล็อบบี้ เราอาจจะทำให้มีความตื่นเต้น เซอร์ไพรส์ หรือมีกิมมิกต่างๆ ได้ แต่พอเข้ามาในห้องแล้วเราควรจะออกแบบให้มันเป็น ‘บ้าน’ ที่สุด ต้องมีความสงบอยู่ในนั้น
โดยส่วนตัวแล้วคุณชอบให้บ้านตัวเองมีบรรยากาศแบบไหน
ชอบอะไรที่เรียบง่ายค่ะ ใช้สีโทนธรรมชาติ ไม่ต้องมีกิมมิกอะไรมาก แต่ต้องมีฟังก์ชั่นทุกอย่างให้ครบกับไลฟ์สไตล์ของเรา โดยทั่วไป การตกแต่งภายในห้องคอนโดฯ เราจะทำให้ห้องเป็นเหมือนผ้าใบสีขาว ให้ผู้อยู่อาศัยมาตกแต่งต่อ เอาของของเขาเข้ามาเติม แต่ผ้าใบของเราก็ต้องมีเนื้อที่ดีและคุณภาพที่ดีในตัวเองด้วย ซึ่งแบบไหนที่ว่าดี ก็ต้องขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้ใช้ของแต่ละโครงการ แต่ละโลเคชั่นค่ะ
การทำงานเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคนั้นยากแค่ไหน
ยากขึ้นทุกที เพราะผู้บริโภคปัจจุบันค่อนข้าง educated เขารู้ว่าตัวเองกำลังมองหาอะไร และต้องการอะไร ซึ่งในตลาดมีการแข่งขันสูงมาก ผู้บริโภคก็เลือกได้ว่าสิ่งที่เขาจ่ายไปมันคุ้มค่าหรือเปล่า ดังนั้นนักออกแบบต้องรับรู้ในข้อนี้ ไม่ใช่ว่าทำอะไรก็ได้แล้วจะขายออก
นักออกแบบเองต้องคิดเรื่องการตลาดมากแค่ไหน
เยอะเลยค่ะ จริงๆ เรื่องนี้จะมาจากทาง developer เสียส่วนใหญ่ ก่อนที่เขาจะซื้อที่ดิน เขาก็ดูตลาดอยู่แล้วว่ากลุ่มผู้ซื้อเป็นกลุ่มไหน เราก็ต้องทำงานกับทีมมาร์เก็ตติ้งของโครงการ ว่าเราจะทำยังไงให้เหนือกว่าโครงการที่อยู่ใกล้ๆ ที่อยู่ถัดไปไม่กี่ร้อยเมตร ซึ่งคู่แข่งในพื้นที่เดียวกันมีผลต่อการออกแบบของเรามากๆ ยิ่งเรามาทีหลัง ก็ต้องทำให้ดีกว่า
เทรนด์ที่ขายได้อยู่แล้วคืออะไร
เราสังเกตว่าห้องจะเล็กลง แต่พื้นที่ส่วนกลางจะมากขึ้น เราไม่ได้กลับบ้านแล้วจะอยู่แต่ในห้องทั้งวันอีกต่อไป เพราะพอที่ดินแพงมาก ทำให้ห้องเล็กลง สิ่งที่จะทดแทนกันได้ก็คือพื้นที่ส่วนกลาง มันกลายเป็นจุดขาย เช่นห้องสมุด social club หรือ co-working space
2. ต้องให้สิ่งที่ดีที่สุด ในค่าใช้จ่ายที่คุ้มที่สุด ซึ่งต้องประชุมให้เข้ม!
จากมุมมองของสถาปนิก
ปอย—ไพทยา บัญชากิติคุณ
Partner
บริษัท A49 และ Atom Design
การออกแบบตึกสักตึกหนึ่ง คุณคำนึงถึงอะไรเป็นอันดับแรก
ผู้ใช้ก่อนเลยครับ คนอยู่ในแต่ละที่จะมีไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน ดังนั้นความต้องการของผู้ใช้สำหรับแต่ละโครงการเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญที่สุด
คุณทราบความต้องการเหล่านั้นได้ยังไงบ้าง
เราจะมีทีมมาร์เก็ตติ้งคอยช่วยครับ เขาเองจะมี database ว่าโลเคชั่นนั้น ราคาขายเท่านั้น ผู้ใช้จะต้องการอะไรบ้าง สิ่งที่สะท้อนออกมาค่อนข้างชัดก็จะเป็นขนาดห้อง จำนวนห้องนอน และมันก็จะสอดคล้องโดยตรงกับราคาขาย นั่นเป็นสิ่งที่ผู้ใช้มองเป็นอันดับแรก ถัดมาก็เป็นเรื่องของพื้นที่ส่วนกลางของอาคารนั่นล่ะครับ
คุณทำอย่างไร ให้งานตอบโจทย์ทั้งเรื่องของฟังก์ชั่น ดีไซน์ และการตลาด
เราจะ optional study เยอะๆ กว่าเราจะได้ผังห้องมาห้องหนึ่ง เราสกรีนมาจาก 30-40 ผังนะครับ แต่ละผังก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน แล้วเราก็หาจุดที่ลงตัวที่สุดในทุกๆ เรื่องมาสร้างโปรดักต์จริง นี่รวมถึงการวางระบบอาคารทั้งอาคาร ตั้งแต่โถทางเดิน ล็อบบี้ สระว่ายน้ำ ที่จอดรถ ว่าจะใช้ระบบจอดรถแบบไหน ยิ่งพอโครงการมีความซับซ้อนสูงและมีข้อจำกัดด้านกฎหมายมากนี้ นี่จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ทำให้เราและ developer มั่นใจว่า เราได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดจริงๆ
สถาปนิก จำเป็นต้องเข้าใจการตลาดไหม?
โห เกือบจะ 100% เลยครับ เรามองว่ามันคือเสียงจากผู้บริโภคโดยตรง นักการตลาดเขาก็จะมีความเข้าใจเนื้องานอยู่ เขาต้องทำความรู้จักกับผู้บริโภค ดังนั้น ถ้าเราจะออกแบบอาคารให้ตอบรับกับผู้บริโภค มันก็ต้องฟังเสียงมาร์เก็ตติ้งอย่างมาก
เทรนด์ของผู้บริโภคในเมืองไทย เป็นอย่างไร สำหรับงานสถาปัตยกรรม
ต้องบอกว่ากรณีนี้มันคล้ายๆ ไก่กับไข่นะครับ หลายๆ ครั้งทั้ง developer และลูกค้าเองก็จะมีการบิลด์รสนิยมร่วมกัน ทั้งในแง่ของ demand และ supply เช่นบางทีฝั่งนักออกแบบเองมองว่าคอนโดฯที่ดีต้องมีฝ้าสูง โครงการหนึ่งฝ้าสูง 2.6 เมตร อีกโครงการก็ต้อง 2.7 หรือ 2.8 ก็จะอัพกันขึ้นไปเรื่อยๆ แข่งกันไปเรื่อยๆ พอผู้บริโภคมองเห็นก็จะรู้สึกว่า อ๋อเหรอ ฝ้าสูงคือสิ่งที่ดีกว่าใช่มั้ย? เขาก็จะรับรู้อย่างนั้น
แต่ในการแข่งขันนี้ ไม่ใช่แค่ทุ่มไม่อั้นก็ชนะ?
ครับ เพราะทุกๆ โครงการย่อมมีงบที่จำกัด มันยากนะครับ ในขณะที่เวลาเราสร้างไอเดีย เราก็ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด ส่วนประกอบที่เยอะที่สุดที่จะส่งเสริมการขาย ภายใต้งบประมาณก้อนนี้ เทคนิกก็คือ เราต้องมีทีมงานที่ครบถ้วน ในนักพัฒนารายใหญ่ๆ ก็จะมีทีมที่ดูเรื่องงบประมาณโดยเฉพาะ หรือดูเทคนิกการก่อสร้าง เรื่องมาร์เก็ตติ้งโดยเฉพาะ ทุกคนที่เกี่ยวข้องจะประชุมพร้อมกันหมด ดังนั้นเราจะได้ยินเสียงของฝั่งที่อยากได้ของดีเต็มไปหมด กับเสียงของฝั่งที่บอกว่า จ่ายให้ไม่ได้นะ พร้อมๆ กัน และมันจะถูกทำให้บาลานซ์ในที่ประชุมเองโดยอัตโนมัติ
3. ต้องเป็นตัวเรา และหันเข้าหาเขาให้ถูกด้าน ซึ่งทุกอย่างเริ่มต้นได้จากการเสิร์ช
จากมุมมองของผู้สังเกตความเป็นไปในอินเทอร์เน็ต
แชมป์—ทีปกร วุฒิพิทยามงคล
นักคิด นักเขียน บรรณาธิการบริหาร
The MATTER
พฤติกรรมในการเล่นอินเทอร์เน็ตบ่งบอกนิสัยผู้คนได้มากน้อยแค่ไหน
มันบอกทั้งหมดมั้ย ก็คงไม่ได้ทั้งหมด คือมันจะมีแนวคิดแบบ Dualism ที่เราไม่ค่อยเห็นด้วย เขาบอกว่า โลกอินเทอร์เน็ตกับโลกความจริง มันตัดขาดจากกัน ซึ่งเรารู้สึกว่าโลกทั้งสองมันผสานเข้าเป็นเนื้อเดียวกันมากขึ้นทุกที อย่างเราซื้อของผ่านอินเทอร์เน็ต มันก็คือซื้อของในความเป็นจริงไม่ใช่เหรอ
การรู้ insight ของคนในอินเทอร์เน็ต มีผลต่อการตลาดแค่ไหน
มีผลมาก เพราะตัวฐานข้อมูลในอินเทอร์เน็ต หรือ data mining บางทีมันบอกอะไรเกี่ยวกับเราได้มากกว่าที่พ่อแม่รู้จักเราซะอีก อย่างเช่นฐานข้อมูลของซูเปอร์มาเก็ตในอเมริกา รู้ว่าผู้หญิงคนหนึ่งท้องก่อนที่เขาจะบอกพ่อแม่ด้วยซ้ำ เพราะดูจากพฤติกรรมการซื้อของหรือการช้อปปิ้งออนไลน์ ซึ่งฐานข้อมูลเหล่านี้มันมีผลมาก เพราะเมื่อก่อนเราจะไม่รู้เลยว่า ลูกค้าซื้อของไปแล้วชอบหรือไม่ชอบ ดีหรือไม่ดี แต่ตอนนี้เมื่อเรามี social listening คุณก็สามารถรู้ได้ทั้งหมด ในไทยเองก็มีบริษัทที่ทำเรื่องนี้ชื่อ Zocial ที่จะไปช่วยฟังในโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Twitter หรือ Pantip ว่ามีใครพูดถึงเราบ้าง ไม่ว่าจะในทางดีหรือไม่ดี เราจะได้รับมือในข้อที่ไม่ดี และโปรโมตในข้อที่ดีต่อไป มันคล้ายๆ ว่าทำให้นักการตลาดรู้ใจผู้บริโภคมากขึ้น
พูดได้มั้ยว่าการตลาดที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีข้อมูลก้อนนี้
การตลาดในปัจจุบันอาจจะแบ่งเป็นสองอย่างใหญ่ๆ แบบแรกคือรู้ว่าคนอยู่ที่ไหน แล้วก็วิ่งตามคนไป เช่นรู้ว่าคนฮิตเรื่องนี้ สีแบบนี้ สุนทรียะแบบนี้ เราก็พยายามทำโปรดักส์ของเราไปให้คนเหล่านั้น ที่ชอบแบบนั้น แต่แบบที่สองก็มีคนที่ทำการตลาดโดยที่คิดว่า ฉันไม่เชื่อรสนิยมกระแสหลัก ฉันจะทำของฉันเอง แล้วพวกแกคนไหนที่ชอบฉันก็มาหาฉัน มันก็มีเหมือนกัน กับคนที่ยึดมั่นในแบรนด์ของตัวเอง แล้วจะไม่ยอมเปลี่ยน หรือถ้าเปลี่ยนก็เปลี่ยนนิดเดียว เพื่อให้ไปแตะตลาดได้ และคนแบบหลังก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจโซเชียลเลย เขาสนใจนะ แต่สนใจในฐานะการประชาสัมพันธ์แบรนด์เขา มากกว่าที่จะไปหยิบเอาข้อมูลมาใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงแบรนด์
ผู้บริโภคเองรู้ตัวไหมว่ากำลังต้องการอะไร
จริงๆ ผู้บริโภครู้ตัวนะ ว่าเขาต้องการอะไร แต่แค่เหมือนว่าตอนนี้สิ่งต่างๆ ที่ล้อมรอบตัวเรา มันทำให้เราสร้างความเชื่อชุดใหม่ง่ายขึ้น มันทำให้เกิดการซื้อแบบที่ไม่ทันคิดว่าตัวเองต้องการรึเปล่าง่ายขึ้น สมมติเราเห็นเพื่อน 5 คนใน facebook เช็กอิน รีวิว หรือพูดถึงคอนโดฯนี้ เราจะรู้สึกว่ามันฮิตหรือมันดี สินค้าหรือกระแสบนอินเทอร์เน็ตสามารถสร้างได้ง่ายขึ้น แต่ขณะเดียวกันมันก็ตายได้เร็วขึ้นเช่นกัน
แล้วการออกแบบหรือการตลาดที่ประสบความสำเร็จสำหรับคุณคืออะไร
ตอนนี้ สำหรับนักการตลาด ถ้าต้องการจะเข้าถึงข้อมูลก็สามารถเข้าถึงได้เลย และปรับเปลี่ยนตามข้อมูลนั้นได้เลย แต่สิ่งที่จะทำให้ยังรักษาตัวตนได้ หรือมีน้ำเสียงได้ในโลกออนไลน์ หลักๆ ก็คือต้องมีคาแรกเตอร์ชัดเจน เราว่ามันคือการรักษาสมดุลระหว่างการเป็นตัวเรา เป็นแบรนด์เราจริงๆ กับการเป็นตัวเราในด้านที่หันเข้าหาคนอื่น ประเด็นคือเราต้องเป็นตัวเองนั่นแหละ แต่เราจะหันด้านไหนเข้าหาเขา ที่จะเข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุด
ใครที่สนใจข้อมูลและแง่มุมเจ๋งๆ แบบนี้เพิ่มเติม อาทิ การส่องเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ จากปากเจ้าของแพลตฟอร์มอย่าง Pantip.com และ Google หรือ Facebook, การใช้ data มาวิเคราะห์ ออกแบบ และทำการตลาดจากบริษัทเอเยนซี่ชื่อดัง Mindshare รวมถึงการนำทุกสิ่งทุกอย่างมาประกอบและใช้จริงจากมุมของ AP Thailand ก็ขอเชิญไปร่วมงาน MAD TALKS: [M]arketing [A]rchitecture [D]esign ในวันศุกร์ที่ 16 ธันวาคมนี้ ที่ Paragon Cineplex, Theater 12