จากซีรีส์ที่ตอนดูทีเซอร์นึกว่าเป็นเรื่องรักๆ แรงๆ ของเด็กวัยรุ่นเมืองกรุงทั่วไป กลับกลายเป็นมินิซีรีส์ซ่อนปริศนาฆาตกรรมเอาไว้ นี่คือตัวตนของซีรีส์ ‘I Hate You, I Love You’ ซีรีส์ใหม่จากนาดาวบางกอก ที่สร้างชื่อจาก ‘ฮอร์โมน’ คราวนี้ย้ายไปฉายใน Line TV ทำให้ในซีรีส์มีแอพพลิเคชั่นนี้เป็นปมสำคัญของเรื่องไปโดยปริยาย
สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ดูเรื่องนี้ เราสรุปย่อๆ แบบไม่สปอยล์ ว่า I Hate You, I Love You เล่าเรื่องราวในช่วงเวลาตั้งแต่คืนวันพุธจนถึงเช้าวันจันทร์ เกี่ยวข้องกับเหล่าวัยรุ่นตัวละครหลักห้าตัว ประกอบด้วย นานะ สาวมั่นชอบฉะกับคน ตรงไปตรงมาจนดูแรงๆ, ซอล เพื่อนของนานะ แลดูใสๆ มีหนุ่มหลายคนสนใจ, ไทเกอร์ เสือหนุ่ม แฟนของนานะที่การมีคู่แค่คนเดียวอาจไม่พอสำหรับเขา, ไอ่ หนุ่มท่าทางซื่อๆ ที่เหมือนจะหลงรักซอล, โจ เด็กขายตัวหน้าตาดีและเข้ามาเกี่ยวข้องกับอีก 4 คนด้วยเหตุการณ์บางอย่าง และเมื่อมีหนึ่งคนในนี้เสียชีวิตไป ใครจะเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม
เดิมทีหลายคนคาดว่าซีรีส์ใหม่นี้ ผู้กำกับอย่าง ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ น่าจะได้แรงบันดาลใจแรงๆ จาก Gossip Girl เล่าเรื่องแรดๆ แซ่บๆ ของนักศึกษามหาวิทยาลัย แต่เมื่อทิศทางเปลี่ยนไปในเชิงลึกลับสืบสวน กระแสของผู้ชมในโลกอินเทอร์เน็ตก็ตอบรับเป็นอย่างดีเพราะเกินความคาดหวัง
ละครแนวลึกลับสืบสวนก็ไม่ค่อยถูกสร้างในไทยนัก รวมทั้งการนำเสนอออกมาในรูปแบบซีรีส์ขนาดสั้น หรือ Miniseries ก็ไม่ค่อยได้เห็นกัน ปกติจะเป็นฝั่งฝรั่งเสียมากกว่าที่ทำสไตล์ประมาณนี้ หรือถ้าเอาใกล้เคียง ของบ้านเราก็เป็น บันทึกกรรม หรือ ฟ้ามีตา แต่ก็ไม่เร้าใจเท่าใดนัก (ยกเว้น มั่นใจว่าคนไทยเกินหนึ่งล้านคนเกลียดเมธาวี ซึ่ง ย้ง ทรงยศ ก็ทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์) แต่คราวนี้เรื่องราวกลับมาแนวขรึมๆ เท่ๆ เหมือนซีรีส์ Sherlock หรือ And Then There Were None ของช่อง BBC
แล้วการเปลี่ยนแปลงนี้มีนัยยะอะไรหรือเปล่า… คงไม่ใช่ว่าคนไทยอินกับโคนันจนชอบไขปริศนาฆาตกรรมมากขึ้นหรอกนะ
การมาถึงของช่องทางการรับรายได้รูปแบบใหม่สำหรับทีมผู้สร้าง
I Hate You, I Love You เลือกฉายเฉพาะทาง Line TV เท่านั้น แม้ว่าซีรีส์นี้จะไม่ใช่ซีรีส์ไทยเรื่องแรกของช่องทางนี้ก็ตามที (เรื่องแรกคือ ซากะ ฉันจะคิดถึงเธอ) แต่หากดูกระแสที่มาแรงมากในโลกไซเบอร์ ไม่ว่าจะในแง่คอมเม้นต์นักแสดง หรือ กระทู้วิเคราะห์หาตัวฆาตกร รวมไปถึงการคุยผ่าน Hashtag #hateloveseries ที่ Popular อย่างมาก ถือว่าทีมผู้สร้างได้รับโอกาสใหม่ที่ดีมากเลย
จากระบบปกติที่จะต้องส่งโครงงานให้ถูกใจช่องก่อนถึงจะถ่ายทำได้ ซึ่งส่งผลให้แนวละครตามทีวีทั่วไปวนเวียนอยู่แค่แนวชิงรักหักสวาท ล่ามรดก กลับชาติมาเกิด พอมีนายทุนที่กล้าเปย์เงินให้ก่อนเพื่อฉายทีหลัง ซึ่งเป็นในลักษณะที่คล้ายๆ กับ Netflix เคยทำมา (แต่ในไทยยังไม่ใช้ระบบการฉาย จึงทำให้ผู้จัดหรือผู้สร้างสามารถทำอะไรแหวกแนว หรือเข้มข้นได้ตามที่พวกเขาอยากจะลองทำ)
คนดูก็ต้องการอะไรใหม่ๆ
ไม่ใช่แค่ผู้สร้างเท่านั้นหรอกที่แฮปปี้กับการเปลี่ยนแปลงนี้ กระแสผู้ชมในโลกไซเบอร์อันเป็นตลาดหลักของ Line TV ก็แฮปปี้ลัลล้ากับซีรีส์นี้เช่นกัน ทำไมน่ะเหรอ ส่วนหนึ่งก็เพราะกลุ่มคนดูก็เสพแต่อะไรอย่าง ดาวพระศุกร์ บ้านทรายทอง สายโลหิต ฯลฯ วนไปวนมาอยู่หลายสิบปี คนดูก็ต้องการอะไรแปลกใหม่กับเขาบ้างเหมือนกัน
แล้วการรับดูละครหรือซีรีส์ในอินเทอร์เน็ตก็มีข้อดีอย่างหนึ่งที่ชัดเจนคือ การดูบนจอคอม หรือ จอมือถือ ส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครมาแย่งรีโมทเปลี่ยนช่องให้เสียอารมณ์ แถมยังสามารถเลือกเวลาดูได้ (ถ้าคุณไม่แคร์การเมาท์มอยตอนชมสดๆ) และผลพวงจากการที่ซีรีส์มีสปอนเซอร์แต่เริ่ม ทำให้โฆษณาคั่นกลางเบรคที่คุณกำลังลุ้นจิกหมอนหายไป… แต่ย้ายไปเจอโฆษณาระหว่างดูคลิปกับโฆษณาแฝงในรายการแทน กระนั้นในกรณีของ I Hate You, I Love You ก็เดินเรื่องแยบคายพอจนทำให้เราไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจกับโฆษณาแฝงเท่าไหร่นัก
นักแสดงได้รับบทท้าทายขึ้น
จริงอยู่ว่าใน I Hate You, I Love You จะใช้นักแสดงจากซีรีส์ฮอร์โมนหลายคน จนคนดูคิดว่าหลายคนอาจจะกลับมารับบทสไตล์เดิมๆ เป็นนักเรียน นักศึกษาทั่วไป แต่นักแสดงหลายคนอย่าง ปันปัน หรือ สกาย ที่ถูกจดจำด้วยบทบาทเก่า ก็กลับมาแสดงให้เราเห็นอีกครั้งว่า พวกเขาสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองจากคาแรคเตอร์เก่า กลายมาเป็นนักแสดงที่มีเสน่ห์ ลึกลับ และน่าสนใจในแบบที่เราคาดไม่ถึง หรืออย่างเจเจ ที่เคยรับบทเป็นเกย์คิงในเรื่องไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ ก็พลิกมารับบทหนุ่มเสือร้ายที่เขาอาจไม่ได้สนใจแค่ผู้หญิงเท่านั้น
I Hate You, I Love You ถือเป็นมิติใหม่ของการทำละครไทย ละคร หรือ ซีรีส์ที่สนุกและน่าสนใจ ไม่ต้องแคร์รูปแบบเดิมก็ได้
แต่ I Hate You, I Love You จะเข้มข้นไปจนตอนสุดท้ายได้หรือไม่ หรือตอนจบจะเป็นอย่างไร กระทู้วิเคราะห์ตามอินเทอร์เน็ตจะสนุกกว่าละครหรือเปล่า เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม