ไม่ว่าจะเป็นแฟนเพลงเกาหลีหรือไม่ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ.2022 คุณก็น่าจะได้รับรู้ว่าวง Girls’ Generation วงเคป๊อปในตำนาน ฉายา ‘เกิร์ลกรุ๊ปแห่งชาติ’ ออกผลงานใหม่ (อย่างน้อยก็ต้องมีเพื่อนสักคนที่แชร์มิวสิกวิดีโอเพลงใหม่ของพวกเธอ) ซึ่งการกลับมาครั้งนี้มีความพิเศษตรงที่เป็นการคัมแบ็คครั้งแรกในรอบ 5 ปี แถมยังเป็นการฉลองการอยู่ในวงการเพลงมา 15 ปีด้วย ซึ่งบทความนี้ผู้เขียนคงไม่มานั่งไล่เรียงประวัติศาสตร์ของพวกเธอ แต่อยากจะมาแชร์ว่า การเป็นติ่งวงนี้มาชนิดข้ามทศวรรษนั้นมันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง
1. ความสำเร็จไม่ได้มาโดยง่าย
คนรุ่นใหม่อาจเข้าใจว่า Girls’ Generation เป็นวงประเภทที่ดังเปรี้ยงตั้งแต่เปิดตัววันแรก แต่ความจริงนั้นไม่ใช่เลย พวกเธอเดบิวต์ในปี ค.ศ.2007 ได้รับเสียงตอบรับแบบกลางๆ หรือจะเรียกว่าเย็นชาก็ยังได้ เนื่องจากค่าย SM Entertainment โปรโมตให้เป็นวง ‘น้องสาว’ ของ Super Junior ที่กำลังพีคสุดๆ ทำให้เกิดกระแสความหมั่นไส้ไม่พอใจ รวมถึงข่าวลือเรื่องการเดทต่างๆ นานา และนำไปสู่เหตุการณ์ Black Ocean ในคอนเสิร์ตงานหนึ่ง (Dream Concert 2008) เมื่อปี ค.ศ.2008 ที่ผู้ชมพร้อมใจกันปิดแท่งไฟและเงียบสนิทขณะพวกเธอขึ้นแสดง กลายเป็นเรื่องน่าเศร้าและโหดร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์เคป๊อป
อย่างไรก็ดี จุดเปลี่ยนชนิดพลิกผันมาถึงในปี ค.ศ.2009 เมื่อ Girls’ Generation ปล่อยซิงเกิ้ล Gee แล้วมันก็กลายเพลงดังระเบิด ด้วยทำนองที่ติดหู ภาพลักษณ์สดใส แฟชั่นกางเกงยีนส์สี ประกอบช่วงนั้นเริ่มเข้าสู่ยุคของยูทูบและโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ก/ทวิตเตอร์พอดี มันจึงกลายเป็นกระแสไวรัลที่แพร่สะพัดอย่างไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ (ผู้เขียนเองรู้จัก Girls’ Generation ครั้งแรกๆ จากการเห็นเพื่อนแชร์ในเฟซบุ๊ก)
หลังจากนั้น Girls’ Generation มีซิงเกิ้ลฮิตอีกมากมาย อาทิ Genie, Oh! หรือเพลงที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นอย่าง Run Devil Run, Hoot จากนั้นก็บุกตลาดเพลงญี่ปุ่นและประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ซึ่งนอกจากเพลงติดหูจากฝีมือของทีมแต่งเพลงแล้ว อีกปัจจัยที่ทำให้วงประสบความสำเร็จคือเมมเบอร์ทั้ง 9 คนมีคาแรกเตอร์ที่หลากหลายและชัดเจน ทั้งสวยหวาน สายตลก ใสซื่อ ฯลฯ พวกเธอจึงเป็นที่รักของผู้คนมากมาย ผู้คนนับพันนับหมื่นพร้อมใจกันโบกแท่งไฟสีชมพู (สีประจำวง) ในคอนเสิร์ต จาก Black Ocean จึงกลายเป็น Pink Ocean ในที่สุด
ทาง SM ได้พยายามส่ง Girls’ Generation ไปบุกตลาดสหรัฐอเมริกาในช่วงปี ค.ศ.2011-2012 ด้วยเพลง The Boys แต่มันไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะมันคือยุคก่อนที่กระแส Hallyu จะโด่งดังไปทั่วโลกด้วยเพลง Gangnam Style (2012) เป็นเรื่องดีที่ทาง SM ไม่ได้ทู่ซี้จะตีตลาดตะวันตกต่อ Girls’ Generation กลับมาโฟกัสที่กลุ่มคนฟังในเกาหลี ญี่ปุ่น เอเชีย และผลงานของพวกเธอก็ทำยอดขายในเกาหลีระดับหลักแสนได้ทุกชุด
2. วิชาเคป๊อปศึกษา
หากพิจารณาผลงานเพลงของ Girls’ Generation ช่วงแรกอาจเน้นไปทางเพลงป๊อปสดใสน่ารัก แต่ต่อมาเริ่มผสมผสานบีทที่หนักแน่นขึ้นด้วยทำนองแบบอิเล็กโทรป็อปหรือ EDM อันเป็นแนวพลงสมัยนิยมช่วงทศวรรษ 2010 ตามด้วยการทดลองใส่แนวเพลงฮิปฮอปหรืออาร์แอนด์บีลงไปในงานช่วงหลัง ก่อนจะมาถึงเพลงที่ ‘เหวอ’ ที่สุดอย่าง I Got a Boy (2013) อันประกอบด้วยเพลงหลายแนวในเพลงเดียวกัน อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นเพลงที่มาก่อนกาล เพราะช่วงที่ออกมาแฟนเพลงแบ่งเป็นฝั่งชอบ/ไม่ชอบอย่างชัดเจน แต่การทำเพลงแนว ‘เพลงซ้อนเพลง’ กลับกลายเป็นเทรนด์ของเคป็อปยุคนี้ (ให้นึกถึงเพลงของวง aespa หรือ NMIXX)
Girls’ Generation ยังมีส่วนวางรากฐานหลายอย่างของเคป็อป เช่นว่าไอดอลเกาหลีไม่ใช่แค่ร้องเพลงหรือเต้นได้เท่านั้น แต่จะต้องมี ‘เซนส์วาไรตี้’ หรือไหวพริบในการสร้างความสนุกสนานเวลาออกรายการโทรทัศน์ (หรือถ้ายุคนี้รวมถึงรายการทางยูทูบ) โดย Girls’ Generation เป็นวงที่ขึ้นชื่ออย่างมากเรื่องความตลกโปกฮา พวกเธอถ่ายทำรายการสารพัด ตั้งแต่เลี้ยงเด็กทารก, ตะลุยบ้านผีสิง, ฝึกงานกับนิตยสารแฟชั่น ไปจนถึงเป็นโค้ชฝึกสอนเต้นให้เหล่าเด็กผู้ชายที่เต้นไม่เป็นเลย
ส่วนปัญหาคลาสสิกอย่างการมีสมาชิกคนใดคนหนึ่งดังกว่าเพื่อนจนทำให้วงแตกในที่สุด ทางค่าย SM ก็จัดการกับเรื่องนี้ได้ดีระดับหนึ่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีเมมเบอร์บางคนเป็นที่นิยมมากกว่าคนอื่น แต่อย่างน้อยสมาชิก Girls’ Generation เกือบทุกคนก็ได้ออกงานเดี่ยวเป็นของตัวเอง นอกจากนั้นทางค่ายยังสนับสนุนให้ไปทำงานด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเล่นหนังเล่นละคร, แสดงละครมิวสิคัล, พิธีกรรายการทีวี หรือดีเจรายการวิทยุ ซึ่งเป็นผลดีต่อการขยายฐานแฟนและเส้นทางอาชีพการงานของพวกเธอ
3. ไม่มีอะไรคงอยู่ชั่วนิรันดร์
ผู้คนมักมีภาพจำของ Girls’ Generation ในฐานะเด็กสาว 9 คนที่มีมิตรภาพอันแน่นแฟ้น แต่แล้วกันยายน ค.ศ.2014 ก็มีข่าวช็อคว่า เจสสิก้าจะออกจากวง และหลังจากนี้วงจะทำกิจกรรมด้วยสมาชิก 8 คน มันเป็นราวกับเหตุการณ์ฟ้าถล่มของเหล่าแฟนคลับ เพราะไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าใดๆ ทั้งสิ้น อย่างตัวผู้เขียนเองก็สติหลุดไปหลายวัน แต่ข้อดีคือมันทำให้เราคิดได้ว่าไม่ควรยึดมั่นถือมั่นอะไรจนเกินไป หลังจากนั้นไม่ว่าจะเคสสมาชิกลาออกหรือยุบวงใดๆ ก็ทำใจได้โดยเร็ว
ทว่ากรณีของเจสสิก้าก็ยังเป็นดราม่ามาจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีการแถลงสาเหตุที่ชัดเจนจากทางค่าย บ้างว่าสมาชิกอีกแปดคนร่วมมือกันเทเจสสิก้า ส่วนอีกฝั่งก็ว่าเธอถูกให้ออกจากวงเพราะมัวไปสนใจแบรนด์แฟชั่นของตัวเอง ทำให้มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็น #ทีมแปดคน กับ #ทีมเจสสิก้า หรืออีกพวกที่ไม่ได้เลือกอยู่ทีมไหน แต่ยังตามล่าหาความจริงเรื่องนี้ต่อไป ถึงกระนั้นผู้เขียนเชื่อว่า แม้แต่สมาชิกของ Girls’ Generation เองก็น่าจะมีความทรงจำหรือการรับรู้ต่อกรณีนี้ในเวอร์ชั่นที่ต่างกันไป พูดอีกแบบว่า ‘ความจริงหนึ่งเดียว’ หรือ ‘ความจริงที่แท้’ ไม่มีจริงสำหรับบางเรื่องราว
หลังจากเจสสิก้าออกไป สมาชิกแปดคนก็ไม่เคยพูดถึงเธออีกเลย ไม่มีถ่ายภาพร่วมกัน ไม่มีปฏิสัมพันธ์ทางโซเชียล บางคนเข้าใจไปว่าเป็นความชิงชังต่อกัน แต่หลายคนก็เชื่อว่าน่าจะมีการทำข้อตกลงหรือกระทั่งเซ็นสัญญาสำหรับทั้งสองฝ่ายว่าจะไม่พูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ไปมาหาสู่หรือพูดคุยกันต่อหน้าสาธารณชน เราไม่อาจรู้ได้ว่าเมมเบอร์คนไหนใน Girls’ Generation ที่ยังติดต่อกับเจสสิก้าอยู่บ้าง แต่ที่รู้ได้แน่นอนคือวงการบันเทิงมันโหดร้ายจริงๆ
4. การอยู่กับปัจจุบัน
สถานะปัจจุบันของ Girls’ Generation ถือว่าพิเศษอยู่ไม่น้อย ในปี ค.ศ.2017 ทิฟฟานี่ ซูยอง และซอฮยอน ประกาศว่าจะไม่ต่อสัญญากับค่าย SM แต่สมาชิกทุกคนยืนยันว่าวงไม่ได้ยุบและยังมีสมาชิก 8 คนเช่นเดิม ซึ่งต่อมาสถานการณ์ประมาณ ‘อยู่คนละค่าย แต่วงยังอยู่ (ออกค่าย ไม่ออกวง)’ ก็แทบจะเป็นเรื่องปกติของวงการเคป็อปไปแล้ว อย่างวงอื่นๆ ก็เช่น 2PM, INFINITE, GOT7 หรือล่าสุดคือ MONSTA X
การกลับมาในรอบห้าปีของ Girls’ Generation ถือเป็นสิ่งพิเศษ เนื่องจากแต่ละคนมีตารางงานส่วนตัวที่แน่นขนัด ผู้เขียนถึงกับพูดกับเพื่อนว่า “เพลงจะดีจะแย่อย่างไรไม่ว่า เขากลับมารวมกันได้นี่ก็บุญแล้ว” (ฮา) แต่เมื่อได้ฟังเพลงไตเติ้ล FOREVER 1 ก็รู้สึกปลื้มใจอย่างยิ่ง อย่างน้อยที่สุดค่าย SM ก็ไม่ได้พยายามทำเพลงล้ำๆ ประหลาดๆ (แบบที่ทำในยุค 2020s) หรือยัดเนื้อหาเกี่ยวกับกวังยา (เรื่องราวจักรวาลของค่าย SM คล้ายๆ กับจักรวาล Marvel) และอาจเพราะคนแต่งเพลงนี้คือ Kenzie ที่แต่งเพลงให้กับ Girls’ Generation มาตั้งแต่เพลงเปิดตัว เธอจึงเข้าใจคาแรกเตอร์ของวงเป็นอย่างดี
ส่วนมิวสิกวิดีโอเพลง FOREVER 1 ก็เป็นอะไรที่น่าซาบซึ้งใจมาก เราจะเห็นภาพเมมเบอร์ในบทบาทปัจจุบันของพวกเธอ บางคนเป็นนักร้อง บางคนเป็นดีเจ บางคนเป็นนักแสดง มันคือการบอกว่าเธอไม่ใช่แค่ไอดอลเท่านั้น แต่ยังมีเส้นทางเป็นของตัวเอง เช่นเดียวกับเจสสิก้าที่เพิ่งไปแข่งขันในรายการ Sisters Who Make Waves ซีซั่นสาม และเตรียมเดบิวต์อีกครั้งที่จีนแผ่นดินใหญ่ (เชื่อกันว่าหลังออกจากวง เธอไม่สามารถออกสื่อเกาหลีได้เพราะอิทธิพลของ SM) เราอาจจะแซวว่าหลังๆ เธอผันตัวไปเป็นแม่ค้าบ้าง ยูทูบเบอร์บ้าง แต่พอเห็นเธอบนเวทีอีกครั้ง มันก็ยืนยันว่าเธอคือนักร้องที่ดีเสมอมา