‘มายลิตเติ้ลโพนี่ มายลิตเติ้ลโพนี่’ พอได้ยินเสียงของเด็กสาวที่ร้องเพลงจังหวะสนุกสนานจนผู้เขียนร้องตามไม่ทัน ก็ทำให้รู้ตัวว่าบ้านเรากำลังจะได้ชมหนัง My Little Pony Friendship Is Magic ฉบับภาพยนตร์ซึ่งเสียงพากย์อังกฤษนั้นได้ดาราคนดังมาร่วมกันหลายคน และฉบับไทยก็สนุกน่ารักอยู่ไม่หยอก แถมก็เป็นช่วงปิดเทอมที่เด็กชายเด็กหญิงจะได้สนุกสนานกับหนังเรื่องนี้ได้อย่างสบายใจ
ท่านที่เคยดู My Little Pony Friendship Is Magic ฉบับใหม่แล้วคงพอจะเห็นได้ว่าเนื้อเรื่องของฉบับล่าสุดนั้นเป็นการ์ตูนที่เด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายสามารถดูด้วยกันได้อย่างสบายใจ เพราะเนื้อเรื่องเน้นการผจญภัยและมิตรภาพ แต่เอ๊ะ! สมัยที่เราเด็กๆ จำได้ว่าการ์ตูนออกจะมุ้งมิ้งคิกขุจะตายไปไม่ใช่เหรอ คิดได้ดังนี้แล้วเราก็ขอเสกเวทมนตร์หมุนเวลาไปดูกันว่า ก่อนจะมาเป็นอนิเมชั่นฉบับปัจจุบัน ม้าน้อยเหล่านั้นผ่านอะไรกันมาบ้าง
1. ก่อนจะมาเป็นม้าน้อยที่เรารู้จักกันดีนั้น เดิมทีเป็นไลน์อัพของเล่นสำหรับเด็กผู้หญิงจากบริษัท Hasbro (เจ้าเดียวกับที่ทำ Transformers และ G.I. Joe) ที่ใช้ชื่อว่า My Pretty Pony ตุ๊กตาม้าขนาดใหญ่พร้อมผม (ขน) และหางที่เงางามวิ้งวับ มี Bonnie Zackerle ร่วมกับนักปั้นอย่าง Charles Muenchinger เป็นผู้ออกแบบ
แต่ไลน์อัพดั้งเดิมไม่ปังมากนัก โดยหลักกล่าวว่าเพราะตัวใหญ่ไป (ความสูง 10 นิ้ว) แล้วหนาตาก็ยังไม่แบ๊วด้วย Hasbro ก็ทำการไมเนอร์เชนจ์เป็น My Pretty Pony and Beautiful Baby ม้าขนาดเล็ก แต่ก็ยังไม่ปังอีก
2. ต่อมาในปี 1983 Bonnie Zackerle ได้เข้ามาทำงานใน Hasbro แบบเต็มตัวและทำการรีบูตตุ๊กตาม้าใหม่มาเป็น ม้าน้อยผู้สดใส My Little Pony และกลายเป็นสินค้าเซต โดยเซตแรกประกอบด้วย COTTON CANDY, CLUE BELLE, BUTTERSCOTCH, MINTY, SNUZZLE, และ BLOSSOM
3. กลับมาคราวนี้ My Little Pony ตีตลาดสำเร็จกลายเป็นของเล่นยอดนิยมของกลุ่มเด็กหญิง และมีการแตกไลน์สร้างม้าตัวใหม่มากมาย ที่น่าพูดถึงก็คงเป็น Earth Ponies, Pegasus Ponies, Unicorn Ponies และมีการระบุว่าเหล่าม้าพวกนี้ อาศัยอยู่ในดินแดนแฟนตาซีชื่อ Dream Valley ซึ่งภายหลังสายพันธุ์ม้ากับโลกดังกล่าวกลายเป็นพื้นฐานของตัวละครในฉบับอนิเมชั่น
4. อนิเมชั่นชุดแรก นั้นเริ่มต้นขึ้นในปี 1984 ใช้ชื่อตอนว่า Rescue At Midnight Castle เนื่องจากมีกระแสตอบรับดีจึงมีการผลิตตอนพิเศษอีกหนึ่งตอน ในปี 1985 ที่ใช้ชื่อว่า Escape from Catrina และถูกสร้างเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ใช้ชื่อตรงๆ ว่า My Little Pony: The Movie ในปี 1986 ก่อนที่สุดท้ายจะพัฒนาเป็นแบบฉายทางทีวี โดยใช้ชื่อว่า My Little Pony ‘n Friends
5. เนื้อหาหลักๆ ในช่วงนี้ยังเป็นการต่อสู้กับภัยร้าย หรือความชั่วร้ายบางอย่าง (แม่มด หรือ ปิศาจ หรือเรื่องอื่นๆ) สไตล์การเล่าเรื่องยังน่ารักสดใจเบาสบายจิตใจคนดู และยังมีตัวละครมนุษย์มาร่วมเป็นตัวละครหลักของการ์ตูนอยู่
6. เวลาล่วงเลยมาถึงปี 1992 ที่ทาง Hasbro ทำการฉลองเข้าสู่ขวบปีที่สิบของซีรีส์ My Little Pony ด้วยการปรับโฉมม้าน้อยทั้งหลายให้เติบโตกิ๊บเก๋ขึ้น พร้อมทั้งปล่อยการ์ตูนอนิเมชั่นชุด My Little Pony Tales ที่ปรับเปลี่ยนการเดินเรื่องให้เป็นกลุ่มตัวละครม้าน้อยเพศหญิง ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่น มีเครียดเรื่องเรียน เรื่องรัก และตัด Unicorn Ponies กับ Pegasus Ponies ไป
โชคดีสำหรับเด็กไทยยุค 90 ที่มีโอกาสได้รับชมการผจญภัยของม้าน้อยแทบจะทุกตอนผ่านระบบเคเบิลทีวีช่อง ไอบีซี …หือ อะไรนะ ไม่รู้จักกันเหรอ!
7. หลังจากนั้นซีรีส์ My Little Pony ค่อนข้างอยู่ตัว จนกระทั่งปี 1997 ได้มีการเปิดโลกของม้าน้อยกลุ่มใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “Friendship Gardens” ตัวม้าถูกออกแบบใหม่ให้ดวงตาวิ้งวับมากขึ้น หัวกับตัวผอมบางลง ทว่า My Little Pony ชุดนี้กลับไม่ได้รับความนิยม จึงไม่มีการทำอนิเมชั่นออกมา ตัวของเล่นก็เน้นไปจำหน่ายอยู่แค่ในโซนยุโรปที่พอจะรักม้าน้อยชุดนี้อยู่บ้าง
8. เวลาผ่านไปถึงปี 2003 มีการปรับปรุงเหล่าม้าน้อยอีกครั้ง โดยเป็นการปรับให้เข้ากับลูกค้าที่เด็กลงกว่าครั้งก่อนหน้านี้ สร้างดินแดนใหม่สำหรับม้ารุ่นนี้ที่ใช้ชื่อว่า Ponyvilles และเริ่มนำเอา Pegasus Ponies กับ Unicorn Ponies กลับมาอีกครั้ง กลับมาคราวนี้ถือว่าเป็นการคืนฟอร์ม สินค้าขายดี คนเริ่มสนใจแต่ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้วการทำอนิเมชั่นจึงเน้นหนักไปเป็นการทำแผ่น DVD ขายเสียมากกว่า ซึ่งก็ได้ผลดีเสียด้วย ถึงอย่างนั้นก็ยังมีการปรับดีไซน์อีกครั้งในปี 2008 และ 2009 เพื่อเป็นการลดตัวละครที่เริ่มจะเฟ้อเกินไป (…เพิ่งรู้ตัวรึว่าม้าที่มีจะหลักร้อยแล้ว!)
9. เวลาผ่านเลยมาถึงปี 2010 แม้ของเล่นและอนิเมชั่นในชุด Ponyvilles จะได้รับความสนใจไม่น้อย แต่ก็ห่างหายจากฉบับอนิเมชั่นฉายทางทีวีไปเสียนาน และเป็นโชคดีที่ทาง Hasbro ได้ใช้บริการ Lauren Faust เป็นผู้วางรากฐานให้กับอนิเมชั่นโฉมใหม่ ที่ไม่ได้จับเอาม้าน้อยหลายตัวมาแสดงความน่ารักและพลังพิเศษประจำตัว ครั้งนี้พวกเธอมีลักษณะตัวละครของตัวเองรวมถึงการตั้งใจปั้นเส้นเรื่องให้ลึกขึ้นกว่าที่เคย เนื้อหาบางส่วนก็ไมได้ทำเพื่อขายเด็กอย่างเดียว และผลลัพธ์นั้นก็คือ My Little Pony: Friendship Is Magic
10. My Little Pony: Friendship Is Magic ย้ายมาเล่าเรื่องในดินแดนสมมติที่ชื่อ Equestria ดินแดนที่ม้าประเภทต่างๆ อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข และในเรื่องก็ได้นำเอา Pegasus Ponies กับ Unicorn Ponies กลับมาอีกครั้ง รวมถึงมีการแนะนำ Alicorn ม้าที่ปีกและมีเขาในตัวเดียวกันเพิ่มมาด้วย โดยมีตัวละครม้าน้อยหลักสำหรับเดินเรื่องอยู่ 6 ตัวก็คือ Twilight Sparkle, Rainbow Dash, Rarity, Fluttershy, Pinkie Pie และ Apple Jack
11. การตัดสินใจเปลี่ยนแปลงมหาศาลนี้ได้ผลตอบรับกลับมาอย่างดี คราวนี้ My Little Pony ไม่ได้เป็นแค่การ์ตูนสำหรับเด็กผู้หญิงแล้ว เพราะแม่แต่เด็กผู้ชาย ลามปามยาวไปถึงวัยรุ่น จนกระทั่งพ่อแม่ ก็ติดการ์ตูนเรื่องนี้กันงอมแงม (เหมือนกับเพื่อนของผู้เขียนที่ซื้อของเล่นแยกกับของลูก เป็นอาทิ)
12. ใช่ว่าการรีบูตฉบับนี้จะทิ้งคอนเซ็ปต์เก่าไปจนหมด ความจริงแล้วใน My Little Pony: Friendship Is Magic มีการนำเอา material เก่าๆ มาหมุนเวียน อย่างเช่นตัวละคร Rainbow Dash ความจริงเคยปรากฎตัวมาแล้วตั้งแต่อนิเมชั่นฉบับปี 2003, ตัวเมืองหลักของเรื่องนำชื่อ Ponyville ที่เป็นชื่อของซีรีส์ปี 2003 มาใช้, ตัวละครหลายๆ ตัวเป็นการจับเอาตัวละครรุ่นก่อนๆ มาดีไซน์ใหม่ให้เป็นเจ้าหญิงบ้าง หรือเป็นตัวละครสมทบบ้างอย่าง Sea Ponies ที่จะมาปรากฎตัวในฉบับหนังโรง ฯลฯ
13. นอกจากฉบับทีวีซีรีส์ที่ฉายมาถึงซีซั่นที่ 7 แล้ว Friendship Is Magic ก็มีภาคแยกของตัวเองที่เอาผลพวงจากการที่ตัวละครหลักอย่าง Twilight Sparkle ได้รับการอวยยศ (หรือจะบอกว่าผ่านเควสต์ก็พอได้) จนกลายเป็น Alicorn และเจ้าหญิงของ Equestria ก็มีเหตุร้ายเกิดขึ้นทำให้เธอต้องเดินทางไปอีกโลกหนึ่งที่เหล่าม้ากลายเป็นมนุษย์ (ที่มีสีผิวกับสีผมเหมือนตอนเป็นม้า) กับบรรยากาศเมืองที่มีกลิ่นอายเหมือนโลกปกติ และนั่นคือจุดเริ่มต้อนของของจักรวาล ‘Equestria Girls’
14. ซึ่งคนดูบางส่วนคาดว่าซีรีส์ Equestria Girls มาจากกลุ่มแฟนด้อมของการ์ตูนภาคหลักที่ถูกเหล่านักคอสเพลย์เอาไปใช้คอสเพลย์บ่อยๆ โดยเอาธีมการแต่งตัวมาจากสีผิวกับสีขนของม้าน้อยในเรื่องมาแต่งตัวกันสวยๆ ส่วนคนที่แต่งเป็นม้าเต็มตัวก็มีบ้างเหมือนกันล่ะ แค่จำนวนน้อยกว่า
15. ถึงจะดูแปลกหูแปลกตา แต่ Equestria Girls ก็ได้รับความนิยมไม่น้อยจนมีหนังแผ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง แถมเส้นเรื่องของหนังแต่ละเรื่องยังต่อกัน แถมยังขนานกับภาคหลักด้วย แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะมาขนานกับหนัง My Little Pony: The Movie ที่กำลังจะเข้าฉายในไทยด้วยไหม ที่แน่ๆ ตัวหนัง My Little Pony: The Movie ที่กำลังจะฉายนี้ แม้เนื้อเรื่องจะเชื่อมโยงต่อมาจากซีรีส์หลักก็จริง แต่หนังสามารถดูแบบเดี่ยวๆ ได้นะ
16. นอกจากที่จะมีของเล่นและอนิเมชั่น แล้ว My Little Pony ยังมีสื่อบันเทิงแบบอื่นๆ ออกมาอีกด้วย อย่างเช่น วีดิโอเกม, หนังสือการ์ตูนแบบคอมมิก, หนังสือการ์ตูนแบบมังงะที่เขียนโดยชาวญี่ปุ่น, การ์ดเกมสำหรับสะสม หรือแม้แต่ละครเวทีแบบมิวสิคัล
17. เรื่องกลุ่มแฟนๆ ของ Friendship Is Magic ที่ถูกเรียกว่า ‘Bronies’ ก็เป็นกระแสสังคมอยู่มากจนมีคนเกาะติดชีวิตพวกเขาเพื่อทำสารคดี ซึ่งมีสารคดีเด่นๆ ที่น่าสนใจอย่าง Bronies: The Extremely Unexpected Adult Fans of My Little Pony ที่ได้ Lauren Faust ผู้สร้างซีรีส์ Friendship Is Magic กับ Tara Strong ผู้พากย์เสียงตัวละคร Twilight Sparkle ร่วมเป็น Executive Producer ประเด็นของสารคดีคือการตามดูว่าทำไมอนิเมชั่นที่จั้งใจเจาะตลาดเด็กถึงบูมในหมู่ผู้ใหญ่ได้ด้วย
18. สารคดีอีกเรื่องหนึ่งคือ A Brony Tale ที่จับประเด็นเดียวกันแถมยังเอา Ashleigh Ball หนึ่งในนักพากย์หลักมาเป็นคนเดินเรื่อง โดยจับเอาข้อเท็จจริงว่าตัวเธอเจอแฟนคลับของการ์ตูนส่งจดหมายมาเยอะ แถมส่วนมากดันเป็นผู้ชายจนเธออยากจะเรียนรู้ว่า กลุ่มแฟนๆ ของงานที่พากย์ตัวจริงเป็นอย่างไร และก็ได้เจออะไรที่เกินคาดไปแทน
19. เรื่องแปลกๆ ที่ชวนตลกอีก ก็คือชื่อของม้าน้อย ที่ทะลุร้อยตัว (นับรวมเวอร์ชั่นเก่าด้วย) ผลก็คือ ชื่อของม้าส่วนหนึ่งไปคล้ายกับชื่อของดาราหนังผู้ใหญ่เสียอย่างนั้น และอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องมีการลดตัวละครชื่อยากๆ ให้หายไปบ้างในช่วงหลัง
20. เกร็ดสุดท้ายที่น่าตลกอยู่เสียหน่อยก็คือ My Little Pony : Friendsip Is Magic อาจจะเกิดขึ้นมาจากไอเดียของ Lauren Faust แต่คนที่จุดเชื้อให้ทาง Hasbro ยอมทำอะไรใหม่ๆ แบบนี้ก็คือความสำเร็จของหนัง Transformers ของ Michael Bay ที่ดังระเบิดตูมตาม จน Hasbro ยอมเอาของเล่นในคลังมาทำเป็นหนังหรืออนิเมชั่นขายมากขึ้น
อ้างอิงข้อมูลจาก
shoutfactoryblog.wordpress.com