บ้านเช่า บูชายัญ กลับมาอีกครั้งในเน็ตฟลิกซ์ให้เราได้หลอนใจไปกับเพื่อนบ้านและคนแปลกหน้า คราวนี้มาในรูปแบบของผู้เช่าบ้านและเรื่องราวของลัทธิและบทสวดประหลาด
เรื่องนี้ยังถือเป็นอีกครั้งที่ GDH กลับมาเล่าเรื่องหลอกหลอนผ่านพื้นที่เมือง โดยมีเรื่องราวของคนเมืองแบบเราๆ และที่สำคัญคือเป็นอีกครั้งที่พื้นที่บ้านกลับมาเป็นสิ่งที่สร้างความหลอกหลอนแก่เราอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อพูดถึงบ้านผีสิงและชีวิตคนเมือง บ้านเช่า บูชายัญดูจะพาเราหวนย้อนไปนึกถึงเรื่องผีคลาสสิกว่าด้วยผีในบ้าน ซึ่งยุคก่อนหน้าสมัยที่ยังเป็นค่าย GTH คือหนังเรื่องลัดดาแลนด์ และแม้บางส่วนในบ้านเช่า บูชายัญ จะสืบทอดบางประเด็นที่น่าสนใจของความเป็น GDH ค่ายหนังดังที่ได้รับการนิยามว่า เป็นค่ายหนังรุ่นใหม่ที่เล่าเรื่องราวใกล้ตัว โดยเฉพาะเรื่องของคนในเมืองใหญ่ หนังผีของ GDH และ GTH ก็ยังได้รับคำวิจารณ์ว่าเป็นหนังที่สะท้อนภาพวิถีชีวิต รวมถึงสะท้อนความกลัวและบริบทแบบเมืองร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี
บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของบ้านเช่า บูชายัญ
‘บ้าน’ ที่กลายเป็นบ้านผีสิงและกลายเป็นแหล่งหลอกหลอน จึงเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญ โดยเฉพาะการเป็นพื้นที่ความฝันของชนชั้นกลางแบบเราๆ ที่ฝันอยากจะมีบ้าน มีชีวิตครอบครัวที่มั่นคง เป็นภาพฝันที่โลกสมัยใหม่และการอดทนทำงานไม่จบสิ้นนั้นวาดไว้ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวเหนือธรรมชาติอย่าง ‘ผี’ จะเป็นภาพความฝันที่ผุพังหรือล่มสลายลง เพราะหลายครั้งความฝันที่กลายเป็นฝันร้ายนั้น ก็เป็นผลผลิตของเรื่องราวอีกด้านของโลกสมัยใหม่ เป็นบาดแผล เป็นความทรงจำ หรือความรุนแรงที่แฝงและฝังอยู่ในอดีตของพื้นที่ที่เราควรจะรู้จักและคุ้นเคย จากพื้นที่ที่เคยแปลกหน้าสู่การค้นพบอดีตที่เราไม่รู้จัก จากพื้นที่หรือผู้คนที่เราคิดว่าเรารู้จักเป็นอย่างดี
เมืองและคนแปลกหน้า ความฝันและความกังวลใจ
บ้านเป็นพื้นที่ในฝันของเราเสมอ เป็นปลายทางสำคัญของชีวิตชนชั้นกลางแบบเรา ซึ่งเป็นความฝันที่ค่อนข้างมีภาพคล้ายๆ กัน หนังเรื่องลัดดาแลนด์ ให้ภาพความฝันของครอบครัวเล็กๆ ที่ทำงานจนซื้อบ้านในหมู่บ้านได้ แต่สุดท้าย พื้นที่บ้านที่เราเชื่อว่าเราครอบครองมันอย่างถูกต้องกลับมีความทรงจำบางอย่างซุกซ่อนอยู่ในบ้าน และความทรงจำเหล่านั้นก็เป็นเหมือนชั้นผิวของประวัติศาสตร์อันถูกฝังไว้ในตัวพื้นที่ที่เราคิดว่ามันแสนจะธรรมดา
บ้านเช่า บูชายัญ ก็ดูจะเป็นอีกความฝันที่อัปเดตขึ้นมาหน่อย คือเราอยู่ในยุคของการอยากมีอิสรภาพทางการเงิน ว่าด้วยการลงทุนและมีรายได้เพื่อความมั่นคงในชีวิต เรื่องราวของการปล่อยบ้านให้คนอื่นเช่า และเงื่อนไขการดิ้นรนในการใช้ชีวิตเพื่อรายได้หรือการลงทุนของเรา ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา บ้านเช่า บูชายัญ จึงค่อนข้างให้ภาพความวิตกกังวลที่ค่อนข้างเป็นรูปธรรมอย่างการลงทุนและเปิดบ้านให้คนแปลกหน้าเช่า โดยหลายครั้งเราก็ไม่มีวันรู้ว่า คนที่เราเปิดพื้นที่ทรัพย์สินให้ใช้งานเป็นใคร และใช้พื้นของเราทำอะไร
ถ้าเราย้อนดูงานเขียนว่าด้วยพื้นที่เมือง งานแนวสยองขวัญยุคใหม่อย่างยุคหนังสือผีร่วมสมัย เรื่องสยองส่วนใหญ่สะท้อนภาพความเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยเฉพาะการเกิดพื้นที่เมืองขึ้น พื้นที่เมืองจึงมีลักษณะพิเศษ คือเป็นพื้นที่ของคนแปลกหน้าและความแปลกหน้า ดังนั้น เมืองที่เราอาจจะรู้จักในเชิงกายภาพ แท้จริงแล้ว ลึกๆ เราก็รู้ดีว่าตัวเราไม่ได้รู้จักพื้นที่อันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยซอกหลืบของเรื่องราวเมืองที่เราอยู่ ในมิติของผู้คนเอง เรื่องสยองอย่างเคาต์ แดรกคูลา ซึ่งพูดเรื่องแวมไพร์ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเรา โดยเป็นคนที่เราอาจจะรู้หน้าแต่ก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นใคร
อดีตที่แปลกหน้าในพื้นที่ที่คุ้นเคย
ในแง่ของพื้นที่บ้านก็เป็นพื้นที่สำคัญที่เราเองรู้สึกว่าเรารู้จัก แต่จริงๆ ในสภาวะเมือง เราเองกลับมีความรู้สึกลึกๆ เสมอว่า เราไม่รู้จักพื้นที่เมืองอย่างแท้จริง ซึ่งกับพื้นที่บ้านเองก็เป็นทำนองเดียวกัน ถ้าเราย้อนดูประวัติศาสตร์ของบ้านผีสิงในยุคก่อน คือการที่เราไปเจอบ้านโบราณ มีสถาปัตยกรรมแบบกอธิก เป็นพื้นที่ทิ้งร้างซึ่งอาจตกทอด โดยมีผู้ครอบครองหรือสิ่งลี้ลับติดอยู่ในพื้นที่บ้านที่เราบังเอิญไปละเมิดหรือหลงเข้าไป
ทว่าบ้านผีสิงในระยะหลังเช่น The Haunting of Hill House หนึ่งในงานเขียนเรื่องบ้านผีสิงระดับขึ้นหิ้ง ในปี 1959 ตัวเรื่องคล้ายๆ กับบ้านผีสิงในยุคสมัยใหม่ และคล้ายกับบ้านเช่าบูชายัญ เหมือนกัน คือเป็นบ้านผีสิงร่วมสมัยจากนักเขียนที่พานวนิยายผีขึ้นหิ้ง โดยเบื้องต้นมักเล่าถึงพื้นที่บ้านที่มีหน้าตาธรรมดา และเราอาจจะรับช่วงต่อหรือเดินทางเข้าหลงไป จนสุดท้ายในความธรรมดานั้นเรากลับพบว่า ตัวบ้านมีประวัติศาสตร์ของตัวเอง หรือมากไปกว่านั้นคือพื้นที่บ้านอาจจะเป็นแค่สิ่งสะท้อนถึงผู้คนที่เรารู้สึกว่าเรารู้จักดี นอกจาก The Haunting of Hill House แล้วเราอาจนึกถึงซีรีส์ เช่น American Horror Stories โดยเฉพาะในซีซั่นแรกสุดนั้นให้ภาพของบ้านชนชั้นกลางที่สุดท้ายแล้วเต็มไปด้วยอดีตอันน่าพรั่นพรึง
ส่วนการหลอกหลอนในพื้นที่บ้าน โดยทั่วไปความน่ากลัวของพื้นที่บ้าน คือการมาจากระบบในโลกสมัยใหม่อย่างการซื้อบ้าน การเปลี่ยนมือ การเข้าครอบครอง หรือบ้านเช่า บูชายัญ ที่ปล่อยเช่าให้คนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ และที่น่ากลัวขึ้นไปกว่านั้น คือความหลอกหลอนเหล่านี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่การสำรวจอดีต หรือบาดแผลบางอย่าง เช่น การถูกฆาตกรรม ความรุนแรงในครอบครัว หรือความสิ้นหวังต่างๆ เพราะเงื่อนไขการหลอกหลอนมักบีบให้คนเป็นหรือคนธรรมดาแบบเราๆ ก้าวไปสู่ตัวตนอื่นๆ หรือนำไปสู่การเปิดเผยแง่มุมบางอย่างของความเป็นมนุษย์ออกมา
สำหรับตัวบ้านในบ้านเช่า บูชายัญ อาจจะยังหยุดอยู่แค่การซุกซ่อนบาดแผลของผู้คน หรือโศกนาฏกรรมการสูญเสียลูกสาวของพ่อเอาไว้ ซึ่งในที่สุดความทรงจำก็ถูกฝังกลบและซุกซ่อนลงไปในซอกหลืบของตัวบ้าน ความทรงจำที่ไร้รูปร่างก็อาจถูกฝังหรือทิ้งร่องรอยที่เป็นกายภาพไว้ ความทรงจำกลายเป็นสิ่งของที่ถูกเก็บไว้บนฝ้า จนกลายเป็นถ้อยคำที่ล่องลอยและกลับมาย้ำเตือนเราอย่างไม่ตั้งใจ กลายเป็นห้อง เป็นช่องว่าง เป็นรอยแผล และเป็นสิ่งสามัญต่างๆ ที่อาจขุดคุ้ยสิ่งที่เราฝังกลบไว้ให้ฟุ้งกระจายขึ้นครั้ง
ความน่ากลัวเป็นพิเศษคือเราจะเริ่มตระหนักได้ว่า บางครั้งคนที่อยู่กับเรา ทั้งอยู่ในครอบครัวและในบ้านหลังเดียวกัน สุดท้ายแล้วอาจมีอดีตหรือมีเรื่องราวที่เราไม่เคยรู้จักซ่อนอยู่ จากคนรู้จักอาจกลายเป็นคนแปลกหน้าโดยสมบูรณ์ ความน่ากลัวของโลกสมัยใหม่หลายครั้ง จึงเป็นความกลัวที่เกิดจากภายใน และจากคนใน
สำหรับบ้านเช่า บูชายัญ การขุดคุ้ยอดีตและการหลอกหลอนก็อาจจะยังมีการประนีประนอมอยู่ ประวัติศาสตร์ครอบครัวหยุดอยู่แค่รอยแผลของผู้เป็นพ่อและโศกนาฏกรรม นอกจากอดีตที่เป็นอื่นหรือผู้คนที่กลายเป็นอื่น หลายครั้งหนังสยองขวัญหรือเรื่องเล่าผี อาจนำไปสู่การสำรวจอดีตหรือตัวตนของเราหรือตัวผู้เล่าเรื่องเอง เพราะไม่ใช่แค่คนหรือบ้านที่เรารู้สึกว่ารู้จัก แต่เป็นพื้นที่ความทรงจำหรือจิตใจของเรา
ในหลายครั้ง หนังสยองขวัญจึงพาเรากลับไปมองพื้นที่ที่เราเองอาจจะยังไม่เข้าใจ เป็นจิตใจและความทรงจำที่อาจซับซ้อน ยอกย้อน โดยบ้านหรือเรื่องราวต่างๆ ก็อาจเป็นเพียงพื้นที่หรือภาพสะท้อนจิตใจและความคิดของเราเอง
อ้างอิงจาก