ปีใหม่ก็ได้เวลาเป็นคนใหม่ ต้อนรับ 2017 แต่ไม่ขยับตัวไปไหน จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ยังไง
วันนี้ The MATTER จึงอยากชวนทุกคนออกไปสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตัวเองกับเป้าหมายปีใหม่ที่ทำได้จริง (เสียงจิงเกิลเปิดรัวมาก) ไปไหนดี?
ไปดูกันเลย ไม่แน่ว่าอาจมีเป้าหมายไหนที่ตรงกับที่คุณตั้งใจอยู่ก็ได้นะ
1. ฉันจะผอม ฉันจะฟิต และฉันจะไปออกกำลังข่ะ
คุณเป็นคนหนึ่งใช่ไหมที่ประสบปัญหาน้ำหนักเกิน! หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เกิดปัญหาเหนื่อยง่าย แค่เดินขึ้นบันไดวันลิฟท์เสียก็หอบแฮ่กจนแทบไปต่อไม่ไหว เป้าหมายปีใหม่ของคุณอาจต้องเป็นการทำให้สุขภาพชีวีตดีขึ้น ด้วยการกินดี และออกกำลังดี!
ไปยิมสิจ๊ะ หรือถ้าไม่ไปยิม จะไปวิ่งรอบสวนสาธารณะไรงิ ก็ชิลๆ ดีไปอีกแบบ *แถมได้ดูสิ่งสวยงามต่างๆ* *ธรรมชาติเหรอ* *คนที่มาออกกำลังด้วยสิจ๊ะ* (ทำเสียง)
สำหรับเรื่องการลดความอ้วน ผลงานวิจัยจำนวนมากก็บอกว่า “อย่าหวังลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว มันไม่พอ” เพราะการออกกำลังกายมีสัดส่วนต่อการใช้พลังงานแต่ละวันแค่ส่วนเล็กๆ เท่านั้น มันยากมากเลยที่จะทำให้แคลอรีหดหายอย่างเห็นได้ชัดจากการออกกำลังกาย
แล้วทำยังไงถึงจะลดน้ำหนักได้จริงล่ะ? นักวิจัยศึกษาพฤติกรรมของคนที่สามารถลดน้ำหนักได้เกิน 14 กิโลกรัม และรักษาน้ำหนักที่ลดลงไว้ได้เกินปี พบว่าคนเหล่านี้มักจะชั่งน้ำหนักตัวเองเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เข้มงวดกับปริมาณแคลอรีที่รับเข้าไป ไม่กินของที่มีไขมันสูง ควบคุมปริมาณอาหาร และออกกำลังกายเป็นประจำต่างหาก
ที่ไหน ไปแล้วดี : ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ซื้อตาชั่งเอามาไว้ที่บ้าน
2. ฉันจะฉลาด ฉันจะเรียนรู้ ฉันจะไปหาหนังสือมาอ่าน
หนึ่งในเป้าหมายยอดฮิตก็คืออยากฉลาด อยากใช้เวลาเรียนรู้ให้มากขึ้น ซึ่งก็เริ่มตั้งแต่การเลือกอ่านหนังสือนั่นแหละ The MATTER เองเคยแนะนำหนังสือทั้งที่เราชื่นชอบ และที่เป็นที่ยอมรับของนักวิจารณ์ไว้หลากหลายเซ็ต ลองหาซื้อมาอ่าน ตามร้านหนังสือ หรือซื้ออีบุ๊กอินเทอร์เนตได้ตามใจคุณเลย
หรือหากอยากอ่านว่าภาษาไหนที่ใช้ “ทำมาหากิน” ได้มากที่สุดในอนาคต ก็สามารถหาคำตอบได้ที่นี่ เราว่าเป็นภาษาที่จะส่งผลต่อชีวิตพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ เลย https://thematter.co/byte/language-for-future-business/12826
หรือวิธีพัฒนาภาษาอังกฤษ https://thematter.co/rave/7-ways-to-improve-your-english-communication-skills/13605
ที่ไหน ไปแล้วดี : ร้านหนังสือชิคๆ
3. ฉันจะใจเย็น ฉันจะไปวัด ฉันจะไปวิปัสสนา
จะใจเย็นอาจต้องเริ่มที่ตัวเอง จะมีความสุขได้อาจต้องแยกแยะระหว่างงานกับเรื่องส่วนตัว จากการสำรวจของ Google บอกว่า คนที่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้มีราวหนึ่งในสาม ส่วนคนที่ใช้ชีวิตแบบเอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกันเกินกว่าครึ่งก็หวังว่าตัวเองจะรู้จักแยกแยะชีวิตส่วนตัวกับเรื่องงานได้ดีขึ้น
การที่ลูกจ้างมีปัญหาแบบนี้ ทาง Google เชื่อว่า นายจ้างมีส่วนสำคัญที่จะเข้าไปช่วยได้ พวกเขาจึงได้ลองทำโครงการนำร่องด้วยการขอให้พนักงานมอบมือถือให้ทางบริษัทเก็บไว้ก่อนกลับบ้าน เพื่อให้แน่ใจว่า พวกเขาจะไม่กลับไปหมกมุ่นกับเรื่องงานที่บ้านอีก
นอกจากนี้พวกเขายังกระตุ้นให้ลูกจ้างตั้งเป้าหมายกับการใช้ชีวิตส่วนตัวมากขึ้น เช่น ตั้งเป้าว่าจะไม่เช็คอีเมลในช่วงสุดสัปดาห์ แล้วก็มาแบ่งปันประสบการณ์กับเพื่อนๆ และเจ้านาย เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความตั้งใจที่จะทำให้ได้ตามเป้าหมายจริงๆ
ตอนนี้แอพพลิเคชั่นช่วยนั่งสมาธิก็มีออกมามากแล้ว ตัวที่เราใช้แล้วทำให้เรานั่งสมาธิได้นาน และได้ผลก็มีอยู่อยู่มีหลายตัว เช่น Headspace หรือ Calm ไปดาวน์โหลดกันได้ จะใช้นั่งแถวชายทะเล หรือถ้าไม่มีเวลา ไปนั่งสงบๆ ที่สวนสาธารณะช่วงเย็นๆ บรรยากาศดีๆ ก็เวิร์กนะ
https://www.headspace.com
https://www.calm.com
ที่ไหน ไปแล้วดี : สวนสาธารณะใกล้ที่ทำงาน
4. ฉันจะไปเที่ยว
ไปเที่ยวไหนดี ที่ไม่ต้องโฟโต้ชอป (ฮ่า) (แซวเขาทำไม) ลองมาหาแรงบันดาลใจจากจุดหมายต่อไปนี้มั้ย
ไปยุโรปเวอร์ชั่นไม่มีแสงเหนือมั้ย https://thematter.co/rave/thedestination/europe-with-no-northern-light/14842
หรือไปซาเลม เมืองแม่มด https://thematter.co/rave/thedestination/europe-with-no-northern-light/14842
หรือไปดำน้ำราชาอัมพัต https://thematter.co/rave/raja-ampat-haere-i-come/7551
หรือจะยึดอาชีพเป็นทราเวลบล็อกเกอร์ก็ไปดูลู่ทางกันหน่อยสิ https://thematter.co/rave/can-travel-blogger-make-a-revenue/13970
การเที่ยวทั้งหมดก็มีขั้นตอนง่ายๆ นั่นแหละ คือต้องรีบบุ๊กตั๋ว บุ๊กทัวร์ไว้ก่อนเลย จะได้จองเวลา และรู้ไหมว่าบางทีการรอคนอื่นจนว่างลงตัวพร้อมกัน ก็มักจะทำให้เราไม่ได้ไปเที่ยวกันเสียที วิธีหนึ่งที่ใช้แล้วได้ผลมากสำหรับผู้เขียนก็คือ “จะไปไหน ไปเองเลย ไม่ต้องรอใคร” แล้วถ้าอยากหาเพื่อนไปด้วยก็ประกาศในหมู่เพื่อนว่าฉันจะไปประเทศนี้วันนี้ๆ นะ ถ้าเพื่อนคนไหนว่างก็ไปด้วยกัน ถ้าไม่ว่างก็จะได้ไม่ต้องรอ ไม่หงุดหงิดติดขัดกันทั้งสองฝ่าย เนอะ 😀 เชื่อสิว่าใช้วิธีนี้แล้วปีนี้คุณจะไปเที่ยวได้อีกหลายรอบเลย
ที่ไหน ไปแล้วดี : กดจองตั๋วแล้วมุ่งไป สนามบิน, สถานีรถไฟ, สถานีขนส่ง ฯลฯ
5. ฉันจะเก็บเงิน!
โอ้โห เรื่องนี้ง่าย เรามีเทคนิคการเก็บตังค์ให้ได้เยอะมาฝากกันหลากหลายวิธี เช่น
- เก็บเงินโดยกวาดแบงค์ 20 ที่เหลือในแต่ละวันลงกระปุกให้หมด วิธีนี้ทำให้เราเคยเก็บเงินได้แล้วประมาณ 3,000-4,000 บาทต่อเดือน
- เก็บเงินโดยหักไว้เลยทุกครั้งที่ได้เงิน ประมาณ 30-40% คือพอได้เงินมา ก็โอนเข้าบัญชีฝากประจำไปเลย ก็ใช้ได้นะ
- เก็บเงินโดยถ้าเราใช้จ่ายอะไรที่ผิดปกติ (เช่น ไปช้อป ซื้อของ) ให้กันเงินเท่ากันไว้เพื่อเก็บ เช่น จะซื้อแมคบุ๊คใหม่นะ สี่หมื่นบาท ก็รอให้เก็บเงินได้ แปดหมื่นบาท ค่อยซื้อ ถึงแม้จะซื้อได้ช้าลง แต่ก็จะทำให้ไม่มีวันใช้เงินเกินตัว
- ลองลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในแต่ละวัน เช่น ค่ากาแฟ (นั่นคือค่าใช้จ่ายที่จำเป็นนนนนน) ค่าอาหารตามร้านในห้าง ก็ลองกินอาหารร้านทั่วไปมื้อหนึ่ง ร้านในห้างมื้อหนึ่งสลับไปไรงี้ไหม
- เก็บเงินแบบชาเล้นจ์ เช่น ฝากเงินไว้กับเพื่อน ตั้งกติกาว่าต้องหาเงินมากกว่านั้นมาไถ่เงินคืนจากเพื่อนตอนที่อยากใช้ แต่นั่นแหละ ต้องหาเพื่อนที่ไว้ใจได้หน่อยนะ!
- อื่นๆ ใครมีเทคนิคเก็บเงินอะไร เสนอมาหน่อยสิ อยากรู้ววว
ที่ไหน ไปแล้วดี : เก็บเงินแล้วอย่าลืมพุ่งไปธนาคาร เอาเงินไปฝาก/ลงทุนล่ะ
6. ฉันจะไปนอน
เออ! จริงๆ เรื่องการนอนนี่เหมือนจะมุกใช่มั้ย แต่เค้าบอกว่าสาเหตุที่ทำให้เราทำอะไรไม่สำเร็จมากๆ ก็เพราะว่าเรานอนไม่พอนี่แหละ ลองอ่านบทความนี้จาก New York Magazine โดยสรุป เขาบอกว่าเราอาจคิดว่าเป้าหมายต้องพุ่งชนตรงๆ ไปเลย แต่จริงแล้วๆ การพักผ่อนและการนอนหลับก็เป็นเรื่องจำเป็นมาก เพราะเมื่อเราเหนื่อยหรือง่วง เราก็จะมีความสามารถในการควบคุมตัวเองลดลง เช่น เราอาจจะไม่สามารถควบคุมตัวเองให้กินอาหารดีๆ ได้ เพราะง่วง ก็ขอกินอร่อยๆ หน่อย หรือพอง่วง พอเหนื่อย ก็ไม่อยากออกกำลังกายแล้ว
ดังนั้นการนอนก็สำคัญสำหรับการทำเป้าหมายอย่างอื่นให้สำเร็จนะจ๊ะ! แต่ถ้าใครต้องการชาร์จเวลานอนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดอาจดูวิธีงีบอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ดังต่อไปนี้จ้ะ
ไม่นานมานี้ The Guardian ลงบทความที่บอกว่าการงีบถึงแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ทำให้คนเราสามารถจดจำอะไรได้ดีขึ้น ส่วนกรมทางหลวงของสหรัฐก็เคยบอกว่า “การงีบแค่ 26 นาทีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพนักบินได้ดีขึ้น 34% และความตื่นตัว 54%”
ที่ไหน ไปแล้วดี : ซื้อหมอนดีๆ แล้วเอาไป Power Nap ตอนพักเที่ยงที่ออฟฟิศ
อ้างอิง: http://nymag.com/scienceofus/2016/01/new-years-resolution-you-should-have-picked.html
7. ฉันจะไม่นก ฉันจะมีแฟน ไปสู่ประตูสวรรค์
เออ… อันนี้ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ จ้ะ เพราะคนเขียนก็… นก
ได้แต่ชี้ทางไปสู่ลิงก์ “สบตา ยืมไฟแช็ก ชวนสนทนา 9 วิธี ‘อ่อย’ อย่างไรให้ได้กัน เอ้ย! ได้เธอ”
https://thematter.co/rave/how-to-throw-yourself-at-someone/12708
เราจะไม่นกไปด้วยกันเนอะในปีนี้ ไปสู่ประตูสวรรค์เนอะ
ที่ไหน ไปแล้วดี : ทองหล่อ, เอกมัย, RCA, สีลม
8. เทคนิคการวางแผนปีใหม่ให้ทำได้จริง
เคยไหม วางแผนก็แล้ว ทูดูลิสท์ก็ทำแล้ว จะนั่นจะนี่นะ ปีใหม่นี้จะนู่นนั่นนี่ แต่ก็ไม่เคยทำได้สักที
จริงๆ ปัญหานี้มีมาตั้งแต่นมนานกาเลแล้ว คือนานตั้งแต่สมัยนู้นเลย โสเครติส อริสโตเติล พวกเขามีชื่อให้พฤติกรรมแบบนี้ด้วยว่า Akrasia (อะคราเซีย) คำว่า Akrasia มาจากภาษากรีก ἀκρασία แปลว่า ควบคุมตัวเองไม่ได้ (Lacking Command)
Akrasia คือการทำอะไรโดยที่รู้ทั้งรู้ว่าทำอีกอย่างแล้วจะดีกว่า เช่น รู้ทั้งรู้ว่าต้องส่งรายงาน แต่ก็เล่นเกมดีกว่า รู้ทั้งรู้ว่าต้องปิดจ๊อบ แต่ก็เดินห้างสนุกกว่า รู้ทั้งรู้ว่าต้องลดน้ำหนัก แต่ก็นอนดูซีรีส์ดีกว่า อะไรแบบนั้น Akrasia คือสิ่งที่ทำให้เราทำอีกอย่างทั้งๆ ที่ควรทำอีกอย่างนั่นเอง
แล้ว Akrasia นี่มันมาจากอะไร มีคนอธิบายว่า มันมาจากสิ่งที่เราเรียกว่า Time Inconsistency หรือ “ความไม่สม่ำเสมอของกาลเวลา” ที่อยู่ในสมองเรา ว่าเรามักจะให้ความสำคัญกับอนาคตสั้นๆ มากกว่าอนาคตยาวๆ นั่นคือ ถ้าฉันได้ของตอนนี้ฉันก็จะเอาตอนนี้แหละ ถึงรู้ว่าในอนาคตจริงๆ ฉันควรจะได้ของที่ดีกว่าก็ตาม
ตอนที่วางแผน เรามักจะวางไปในอนาคตไกลๆ ถึงผลลัพธ์แล้ว เช่นว่า เราจะลดน้ำหนักนะ แล้วหนุ่มคนนั้นหรือสาวคนนั้นจะหันมามองฉันนะ หรือเราจะอ่านหนังสือให้จบนะจะได้ฉลาด เราคิดถึงผลลัพธ์ “ในอนาคตอันไกล” เราจึงวางแผนได้ แต่เมื่อเราต้องทำสิ่งนั้นจริง มันไม่ใช่อนาคตแล้ว แต่มันคือตอนนี้ ฉันจะต้องทำงานตอนนี้ ฉันจะต้องออกกำลังกายตอนนี้ ซึ่งการทำอะไรเหน็ดเหนื่อยตอนนี้มันไม่ให้ความพึงพอใจทันที (instant gratification) ไง เราจึงไม่สามารถต่อสู้กับแรงผลักนี้ได้เลย เราก็ยอมมันเสียเรื่อย
แล้วเรามีวิธีจะเอาชนะมันไหม ก็มีนะ… แต่ก็จะสูตรๆ หน่อย
อย่างแรกคือ ในตอนที่มีสติอยู่ วางแผนบังคับอนาคตตัวเองไปเลย เช่น ถ้าอยากลดความอ้วนก็ซื้ออาหารไซส์เล็กๆ อย่าซื้อเยอะ ถ้าไม่อยากเสียเวลาแชตเฟซบุ๊กก็ลบแอพไปเลย หรืออะไรทำนองนี้ (คงพอนึกออก)
อย่างที่สองคือ ลดแรงต้านในการเริ่ม หลายคนคงรู้ว่าการเริ่มต้นอะไรมันโคตรยาก แล้วก็เหนื่อยด้วย แต่พอเริ่มได้ก็ง่ายละ ดังนั้น ให้หาจุดเริ่มต้นง่ายๆ อย่างเช่น จะเขียนรายงาน ก็ตั้งใจไว้ในหัวเลยว่า อะ ฉันจะเขียนแค่หนึ่งพารากราฟพอ พอเขียนไปได้หนึ่งพารากราฟ ที่เหลือก็จะง่ายเอง
อย่างที่สามคือ เพิ่มรายละเอียดลงไปในแผนเลย เช่นว่า ฉันจะ ทำนี่ ที่นี่ เวลานี้ เป็นระยะเวลาเท่านี้ๆ แบบนี้มันจะทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เพราะถ้ามัวแต่บอกว่าฉันจะออกกำลังกาย แต่ไม่เคยบอกเลยว่าที่ไหน เมื่อไหร่ นานไหม ก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา มีงานวิจัยบอกด้วยว่าการเขียนแผนที่ระบุชัดลงไปจะทำให้เราทำตามเป้าหมายได้ดีขึ้น
นั่นก็คือวิธีต่อสู้กับ Akrasia Effect หวังว่าทุกคนจะเริ่มปีใหม่ได้อย่างสดใส จะไปไหนก็ไปได้ชิลไปเลย!
ดังนั้นก็อย่ามัวแต่นั่งอ่าน อยากทำอะไร ก็ออกไปทำเลย!
ไม่ว่าจะตั้งใจทำอะไร จะไปที่ไหน ก็อย่าลืม (แท้แด่ ได้เวลาทายอินหน่อยเนอะ)
อย่าลืมเรียก UBER นะจ๊ะ เพราะเรียกง่าย มีรถตลอดเวลา ค่าโดยสารไม่แพง
ถ้าอยากจะเดินทาง เรามีส่วนลดให้สำหรับปีใหม่ สำหรับแฟนเพจ The MATTER 600 คนแรก
ต้อนรับปี 2560 ด้วยส่วนลดพิเศษ
60 บาท 1 ครั้ง เพียงใส่รหัสโปรโมชั่น MATTER60 กันเลย!
#TheMATTER #UBER