ยอมรับครับว่า หลายๆ ทีผู้เขียนเองก็ไล่ดูซีรีส์ ไล่อ่านการ์ตูนตามที่คุยกับเพื่อนฝูงบ้าง ไม่ก็จากกระแสความดังของเรื่องนั้นๆ เพื่อที่สุดท้ายเราจะได้มีประเด็นคุยกันในกลุ่มเพื่อนฝูงกันอีกทีหนึ่ง แล้วการพูดคุยแบบ ไอ้ตอนที่มันกำลังดังอยู่ เดินเรื่องไปทางไหนเราก็ค่อนข้างลุ้นระทึกว่า มันคงจะเป็นการเพิ่มปมให้กับเรื่องราวเข้มข้นยิ่งๆ ขึ้นไป แล้วคนดูก็จะเอาไปมโนกันสนุกว่าที่ใส่ๆ มานั้นจะส่งผลอะไรต่อไปในภายภาคหน้า
แต่พอเดินเรื่องถึงตอนจบเท่านั้นล่ะ โห…เฮ้ย ขัดใจอ่ะ เหมือนอยู่ๆ พี่แกหมดมุขซะเฉยๆ แล้วก็ปาหมอนใส่หน้าคนดูซะงั้น เคืองแรงอะบอกเลย คือก็พยายามหาเหตุผลประกอบนะว่าทำไมซีรีส์ดังหลายเรื่องมักจะมีปัญหากับฉากจบแบบนี้ ซึ่งมันก็มีคนพยายามอธิบายเหตุผลไว้บ้างนะว่าเกิดจากปัจจัยเล็กๆ น้อยๆ ประมาณนี้
- ค่าใช้จ่ายของซีรีส์โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งสร้างฉายนานเท่าไหร่ จำนวนต้นทุนในการสร้างก็จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น
- ค่าใช้จ่ายต่อตอนก็สูง ค่าตัวของนักแสดงที่ดังขึ้นก็ต้องจ่ายแพงขึ้นทุกปีเพื่อดึงตัวไว้ / ค่าโปรดักชั่นที่ต้องแพงขึ้นทุกภาคแบบ Game Of Thrones ถ้าภาคหลัง CG ห่วยลงก็ไม่ดี
- โดยปกติแล้วเรตติ้งของซีรีส์ในซีซั่นหลังๆ มักจะตกลงกว่าช่วงสองสามซีซั่นแรกอยู่แล้วเพราะพ้นช่วงระยะสดใหม่
- นักแสดงบางทีก็อยากไปเล่นบทอื่นบ้าง แบบพระเอกของ X-File ที่อยากเลิกเล่นบทเดิมไประยะหนึ่ง เพราะคนนึกว่าพี่แกเล่นได้บทเดียว
- หวยออกแบบนี้ก็จะลำบากคนเขียนบทที่ต้องชงเรื่องให้มันไปต่อแนวเดิมโดยไม่มีตัวละครเด่น
- แล้วความคาดหวังของคนดูก็ทำให้เดินเรื่องแหวกแนวมากไม่ได้
- เวลาที่เปลี่ยนไป ก็ทำให้ความนิยมของคนดูเปลี่ยนแนวไปเช่นกัน
ฯลฯ
ถึงงั้นก็ไม่ได้แปลว่า ซีรีส์ดังๆ ยาวๆ ทุกเรื่องจะมีตอนจบที่ชวนขัดใจนะ แค่ความดังที่เยอะกับจำนวนปีฉายที่ยาวมากๆ มักจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปาหมอนได้ง่ายกว่าเท่านั้นเอง (ส่งผลให้ Game Of Thrones กับ The Walking Dead ก็ตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยงไปโดยปริยาย) วันนี้เราก็มีตัวอย่างซีรีส์กลุ่มหนึ่งที่ตอนต้นดูดี แต่พอจบมาแล้วคนดูรู้สึกขัดใจ ซึ่งเราจะสรุปเรื่องย่อในตอนต้นของเรื่อง ความคาดหวังของคนดู ตอนจบที่ฉายจริง และชะตากรรมของซีรี่ส์หลังจากนั้นเล็กน้อยว่าจะอย่างไรต่อบ้าง
และแน่นอนว่า เมื่อเราพูดถึง ‘ตอนจบ’ ดังนั้นช่วงหลังจากนี้จะเต็มไปด้วยสปอยล์แน่นอน
Lost
ตอนเริ่มดู : เที่ยวบินที่ 815 ตกลงสู่เกาะลึกลับกลางมหาสมุทรแปซิฟิก ผู้รอดตายที่ไม่รู้จักมักคุ้นกันมาก่อนจึงต้องรวมตัวกันเพื่อเอาชีวิตรอด ก่อนที่จะได้เจอว่าบน ‘เกาะ’ นี้มีอะไรแปลกๆ อยู่เยอะแยะนับตั้งแต่สิ่งมีชีวิตผิดถิ่น แถมเหมือนจะมีสัตว์ประหลาดลึกลับ แล้วก็มีการปูปมไว้ว่ามีการทดลองในเกาะแห่งนี้ สมทบด้วยการเดินทางข้ามเวลาที่แทรกเข้ามาด้วย
ความคาดหวังในตอนจบ : ด้วยตัวละครที่มาก กับเส้นเรื่องที่แสนจะโคตรลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนขนาดนี้ เพราะงั้นอย่างน้อยตอนจบมันก็น่าจะอธิบายยาวๆ หน่อยว่า ‘เกาะ’ มีความลับอะไร แต่ละคนที่ติดเกาะมาติดทำไม องค์กรที่อยู่บนเกาะเป็นของใคร มีเป้าหมายอะไรกันแน่ สัตว์ประหลาดจริงๆ เป็นตัวอะไรกันแน่ ถ้าให้ดีก็ขอให้พวกพระเอกรอดตายกลับไปสักหน่อยนึงละกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตอนจบ : ก็โอเคนะ มีความพยายามบอกเล่าอะไรหลายๆ อย่างอยู่บ้าง รวมถึงมีการเล่าเรื่องแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘Flash-Sideways’ ที่ใส่มาแล้วชวนให้คนดูงงๆ อยู่ แต่ก็ยังตามต่อ จนกระทั่งเรื่องมันวนเข้ามาสองตอนสุดท้ายที่เฉลยว่า ‘Flash-Sideways’ นั้นเป็นโลกหลังความตายของตัวละครทุกตัวที่เคยติดอยู่บนเกาะก่อนที่จะ ‘ไปสู่สุขติ’ ในชาติภพต่อไป …เอ่อ …เดี๋ยวนะ เอางั้นเลยเรอะ!
เรื่องราวหลังจากนั้น : ณ ตอนที่ออกอากาศ ตอนจบนี่ก็ถือว่าเรียกเรตติ้งให้กลับมาสูงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ถึงอย่างนั้นคำตอบหลายอันในเรื่องก็ยังไม่ถูกตอบอยู่ดี ซึ่งในฉบับ DVD ก็เลยใส่ตอนทิ้งท้าย ‘The New Man in Charge’ ไว้ในแผ่น DVD แม้ว่าจะไม่ได้ให้คำตอบเพิ่มเติมขึ้นแบบเต็มรูปแบบ และถือว่าเป็นการปิดเรื่องที่ยอมรับได้อยู่ ที่เหลือก็แค่ภาวนาว่าจะไม่มีใครคิดจะทำภาคต่อด้วยการสร้างไทม์ไลน์ใหม่เพิ่มล่ะ
X-Files
ตอนเริ่มดู : ด้วยความที่ ฟอกซ์ โมลเดอร์ FBI ฝีมือดีชอบสืบสวนคดีที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้รวมถึงมีความมั่นใจว่ารัฐบาลปิดบังอะไรบางอย่างได้ ทางหน่วยเหนือเลยส่ง ดานา สกัลลี FBI สายวิทย์ที่เป็นทั้งหมอและนักฟิสิกส์มาประกบคู่ในการทำคดีลึกลับที่ถูกบรรจุไว้ในชื่อ ‘เอ็กซ์ไฟล์’
ความคาดหวังในตอนจบ : ดูจากพล็อตแล้วมันคงเฉลยอะไรได้ไม่หมดหรอก (ในเรื่องก็พยายามตอบหลายอย่างแล้วอะนะ) อย่างน้อยที่สุดก็ช่วยให้พระ-นางลงเอยกันได้มะ
สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตอนจบ : ความจริงเนื้อเรื่องไม่ได้ติดขัดอะไรนัก เพราะปมหลักของโมลเดอร์ก็ถูกคลายปมไปพอสมควรแล้ว ส่วนฝั่งสกัลลีก็ข้องเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติจนตัวละครนางเริ่มชินแต่ก็ยังใช้การแก้ปัญหาแบบวิทย์ๆ ให้ดูอยู่ ปัญหาอยู่ตรงที่ เดวิด ดูคอฟนี นักแสดงที่รับบทโมลเดอร์ มีปัญหาหลายประการ แต่ที่เด่นสุดก็จะเป็นเรื่องกับทาง 20th Century Fox เจ้าของรายการ ที่นักแสดงชายเชื่อว่าทางค่ายเอาตัวเขาไปทำการค้าแต่จ่ายค่าจ้างให้น้อยเกิน จนเกิดการฟ้องร้องขึ้น ทางทีมงาน X-Files เลยปรับบทให้พระเอกของเราโดนลักพาตัวโดยมนุษย์ต่างดาวไปก่อน (ซึ่งก็สอดคล้องกับเนื้อเรื่องอยู่) และมีการแนะนำตัวละครใหม่เพื่อให้สกัลลีทำงานคู่ด้วย แต่เนื้อหาก็ยังเป็นการตามหาพระเอกที่หายตัวไป (เผื่อว่าพี่แกจะกลับมาแล้วให้เล่นต่อเลยอะไรแบบนั้น) ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นในจุดนี้ออกจะเป็นปัญหาของผู้ชมที่รู้สึกเซ็งเป็ดกับการหายตัวไปของพระเอกที่แทบจะเป็นมาสคอตของเรื่องแล้วมากกว่า แต่สุดท้ายซีรีส์ก็ได้รับผลกระทบเมื่อตัวดูคอฟนีกลับมาเล่นแบบไม่ประจำ ทำให้เรตติ้งช่วงซีซั่น 7-9 ร่วงลงจนสุดท้ายทาง Fox ก็ตัดจบซีรีส์ …ส่งผลให้เรื่องหัวใจของพระ-นางก็ค้างคาไปโดยปริยาย (แม้ว่าจะทิ้งปมว่ามีลูกด้วยกันแล้วก็เหอะ)
เรื่องราวหลังจากนั้น : หลังจากนั้นก็มีข่าวลือหลายประการ อย่างการที่นักแสดงทั้งสองคนไม่ถูกกันระดับที่ไม่อยากร่วมงานกันอีก (มีบทสัมภาษณ์ออกมาทีหลังว่ามีเค้าความจริงอยู่ แต่กลับมาคืนดีกันนานแล้ว), ผู้สร้างซีรีส์อย่าง คริส คาร์เตอร์ ไม่สามารถเขียนบทได้แล้วด้วยปัญหาทางจิตบ้างทางกายบ้าง (…น่าจะข่าวลือ), คนดูเบื่อพระนางกับพล็อตแนวมนุษย์ต่างดาวแล้ว (ก็อาจจะจริงส่วนหนึ่ง) แต่สุดท้ายก็มีความพยายามที่จะสร้างภาพยนตร์ X-Files ภาคที่สาม ก่อนที่ทาง Fox จะขอปรับให้เป็นซีรีส์ขนาดสั้นแทน ซึ่งตอนนี้ก็ออกซีซั่นที่ 10 จนจบแล้ว และมีซีซั่นที่ 11 รอฉายอยู่ …แต่ประเด็นว่าตัวละครทั้งสองตัวจะจบลงแบบไหนก็ก้ำกึ่งอยู่ดีอ่ะนะ
How I Met Your Mother
ตอนเริ่มดู : ซีรีส์แนวซิทคอมที่ให้ เท็ด คุยกับลูกๆ ว่าตัวของเขา ‘รู้จักแม่ของลูก’ ได้อย่างไร ซึ่งพอดีในเรื่องบอกไว้ทีหลังว่า หลังจากแม่เสียชีวิตไปแล้ว คุณพ่อเคยเล่าเรื่องฉบับย่อมาก่อนแล้วเลยขอให้เล่าเรื่องฉบับยาวให้ฟัง คือฉบับยาวก็ยาวจริงๆ นะ เพราะเรื่องเปิดด้วยปี 2030 ก่อนจะเล่าย้อนมาตอนปี 2005 และซีรีส์ก็ฉายอยู่ถึงเก้าปีเราถึงพอจะได้รู้ว่า ‘แม่ของลูก’ คือใคร
ความคาดหวังในตอนจบ : คือเฉลยมาตั้งแต่ตอนแรกว่า ‘นางเอก’ ของเรื่องไม่ใช่ ‘แม่ของลูก’ เพราะงั้นคนที่มาเป็นแฟนตัวจริงได้มันน่าจะโรแมนติกหวานแหววสักหน่อย ส่วนชีวิตเพื่อนๆ รอบตัว ก็น่าจะสรุปให้ดูสดใสร่าเริงลัลล้าสมเป็นซิทคอมตลกหน่อย
สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตอนจบ : เรื่องบิลด์มายาวว่าสุดท้าย โรบิน นางเอกของเรื่องจะแต่งงานกับ บาร์นีย์ ตัวแสบของกลุ่มพระเอก ซึ่งเท็ดรวมถึงเพื่อนคนอื่นก็ไปช่วยงานแต่งงานครั้งนี้ …ซึ่งก็มีปัญหากับมุกแทรกมาตลอด พองานจบเท็ดก็ออกไปขึ้นรถไฟแล้วก็เจอกับ ‘แม่ของลูก’ ก่อนเรื่องจะเล่าเร็วๆ ว่าสุดท้ายพี่แกก็แต่งงานกับ ‘แม่ของลูก’ นั่นล่ะ พอวาร์ปไปยังปี 2030 ที่พระเอกคุยกับลูกจบ ลูกๆ ก็ดันบอกว่า อ้าว พระเอกยังชอบโรบินที่เป็นนางเอกของเรื่องอยู่นี่ (ซึ่งก่อนหน้ามีชงมาว่านางหย่าหลังจากแต่งงานไปสักสามปี) แล้วลูกๆ ก็เชียร์ว่าให้ไปจีบ นางเอก ก่อนที่เรื่องจะจบฉากสุดท้ายประมาณว่าทั้งสองคนน่าจะเป็นแฟนกันนั่นแหละ (แถมลูกสนับสนุนด้วย)
เรื่องราวหลังจากนั้น : อะหือ บิลด์มาไกลว่ารัก ‘แม่ของลูก’ มากๆ แต่ดันมาชงจบว่ายังรักนางเอกแถมแสดงให้ดูว่าน่าจะลงเอยกันด้วย คนก็ไม่ค่อยโอเคสิครับ แค่ชื่อซีรีส์ก็บอกว่า ‘มาเจอแม่ของลูก’ แล้วอ่ะ ดันเทใจให้คนอื่นเลยแปลกๆ หน่อย ถึงขั้นมีการลงชื่อผ่านทาง Change.org ด้วยล่ะ ฝั่งนักวิจารณ์เชื่อว่าผลพวงมาจากการที่ซีรีส์มันยาวเกินเหตุทำให้ต้องไปโฟกัสอะไรแทนที่จะสน ‘แม่ของลูก’ ซึ่งทีมงานสร้างก็ยอมรับความผิดด้วยการออกฉากจบอีกแบบมาในฉบับ DVD และแก้ให้ ‘แม่ของลูก’ ไม่ตายด้วย นี่ถือว่าเป็นชัยชนะของคนดูที่เคืองจริงอะไรจริงนะเนี่ย
Dexter
ตอนเริ่มดู : ตามติดชีวิต เดกซ์เตอร์ ฆาตกรที่พยายามล่าเหยื่อเฉพาะที่เป็นอาชญากรทีีกฎหมายจัดการไม่ได้ ในขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง เขาคือเจ้าหน้าวิเคราะห์การกระจายของเลือดของกรมตำรวจไมอามี ความสุดขั้วของเขานี่เองที่ทำให้คนดูต้องลุ้นว่าเขาจะปิดบังชีวิตสองด้านของตัวเองได้ถึงขนาดไหน ในขณะเดียวกันก็ต้องติดตามว่าอะไรที่ทำให้เขากลายเป็นคนเช่นนี้ และทุกๆ ซีซั่นจะมีฆาตกรตัวหลักที่ออกมาก่อคดีต่อเนื่องที่มักจะหาเรื่องวัดฝีมือกับพระเอกของเราด้วย
ความคาดหวังในตอนจบ : การเลือกเส้นทางชีวิตสักทางหนึ่งของตัวเอก คือ ถ้าไม่ยอมตายแบบพระเอกเพื่อไม่ต้องฆ่าใครอีก ก็น่าจะทำให้พี่แกโดนจับ หรือถ้าพีกสุดก็คือกลายเป็นฆาตกรแบบเต็มตัวไปเลย
สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตอนจบ : ประเด็นครอบครัวของเดกซ์เตอร์ที่ชงไว้มานานตั้งแต่ซีซั่นก่อนหน้านี้ค่อนข้างน่าประทับใจ เรื่องลูกชายก็ยกให้คนอื่นไปเลี้ยงแทนเพื่อที่จะไม่ได้ตามรอยการฆ่าคนแบบที่คนพ่อเป็น คดีจริงๆ ก็ถือว่าคลี่คลายได้โอเค ส่วนที่ทำให้เกิดความขัดใจคนดูมากที่สุดคงไม่พ้นซีนสุดท้ายที่โชว์ว่าสุดท้ายแล้วพระเอกของเรารอดชีวิตจากเหตุการณ์ก่อนหน้าได้ซะงั้น?!
เรื่องราวหลังจากนั้น : เอาจริงๆ คนดูยังโอเคอยู่นะ ยกเว้นซีนสุดท้ายที่ทำให้มีคำถามว่าทำไว้เผื่อสร้างภาคต่อไหม ซึ่งทางประธานของสถานีโทรทัศน์ที่ฉายซีรีส์เรื่องนี้ได้ออกปากไว้ว่า คงจะไม่ทำภาคต่อจากตัวละครเดิม แต่มีโอกาสทำเนื้อเรื่องสไตล์เดียวกันที่ไม่ใช่ภาคต่อ ก็ถือว่าดราม่าดูจบสงบกว่าเรื่องอื่นๆ ล่ะนะ
เป็นต่อ (ตอนฉายข่อง 3)
ตอนเริ่มดู : วนมาพูดถึงซีรี่ส์ไทยๆ บ้าง กับซิทคอมชื่อดังสุดๆ เรื่องนี้ที่คนดูจะได้ติดตามไลฟ์สไตล์ของเพลย์บอยตัวพ่อ ที่อาศัยอยู่กับน้องสาววัยใกล้กัน แถมยังสามารถคบหากับแฟนเก่าในฐานะเพื่อน และเหล่าเพื่อนแสนกวนบาทา แล้วก็มีการส่งซิกเป็นช่วงๆ ว่า เป็นต่อกับแฟนเก่ายังรักกันอยู่
ความคาดหวังในตอนจบ : อย่างน้อยที่สุดก็ช่วยบอกสักนิดเถอะ ว่าเป็นต่อจะเอาไงกับทิพย์ บิลด์มาตลอดเรื่องว่าคู่นี้ยังกิ๊กกั๊กกันอยู่นี่จะกลับมาคบกันได้แล้วหรือยัง คือนี่ตอนที่ 376 แล้วนะ
สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตอนจบ : ตอนสุดท้ายของ ‘เป็นต่อ’ ตอนยังฉายช่องสาม เกิดเหตุการณ์ค้างคาหลายเรื่อง เป็นต่อกับเพื่อนส่วนหนึ่งย้ายไปออฟฟิศใหม่เพราะบริษัท BKL มีปัญหาภายใน, พอใจ น้องสาวเป็นต่อทะเลาะกับแฟนจนอาจจะเลิกกัน, คู่พระนางแบบเป็นต่อกับทิพย์เลิกกันซะงั้น ถ้านั่นยังแย่ไม่พอ… เนื้อเรื่องจบแบบค้างคาด้วยการให้ตัวละครแฟนใหม่ของทิพย์มาโชว์ตัวในฉากแบบไม่เห็นหน้า นี่มันอะร้าย!! ค้างคาไปมั้ย!!! แถมจบแบบโคตรละครดราม่าขัดกับความตลกที่เคยบิลด์มาตลอดอีก!!!
เรื่องราวหลังจากนั้น : คนดูต้องรออีก 9 เดือน (ในเรื่องบอกว่าหลายเดือน) เพื่อรอชม ‘เป็นต่อขั้นเทพ’ ซึ่งย้ายช่องการฉาย แต่ระหว่างที่รออยู่ก็ชวนหงุดหงิดนะว่าเรื่องมันจบได้โคตรค้างเลย แถมพอมาเฉลยเรื่องมันก็ดูไม่เวิร์กพิกลๆ …แต่ก็พยายามจะไม่บ่นมากนะเพราะเคมีอื่นๆ ยังอยู่ครบในภาคต่อ แค่เคืองๆ ที่มันค้างคาใจหนักๆ แหละ
I Hate You I Love You
ตอนเริ่มดู : ซีรีส์กึ่งสืบสวนกึ่งดราม่า ที่เล่าเรื่องราวซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ “วันพุธ (ตอนเย็น)” จนถึง “วันจันทร์ (ตอนเช้า)” กับ “การเสียชีวิตของนานะ” เรื่องเล่าผ่านตัวละครห้าตัวประกอบด้วย นานะ – เด็กสาวคนรวยพูดจาขวานผ่าซากแต่ในใจลึกๆ ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร / ไทเกอร์ – หนุ่มหล่อบ้านรวย มีความเป็นเสือผู้หญิงสมชื่อเล่น ถึงจะเป็นแฟนของนานะก็ตาม / ซอล สาวน้อยที่ดูใสๆ แต่จริงๆ น่าจะมีเขี้ยวเล็บอยู่พอตัว / โจ – เด็กขายตัวที่เหมือนว่าจะเป็นเพื่อนเก่าของนานะ / ไอ่ – ชายหนุ่มเนิร์ดๆ ที่เหมือนจะเจอใครหลายคนปั่นหัวได้ง่ายๆ เขาหลงรักซอลแบบสุดหัวใจ
ความคาดหวังในตอนจบ : “ใครฆ่านานะ” คำเดียวที่ปลุกกระแสได้ทั้งเรื่อง / ตัวละครทุกตัวจะมีความเชื่อมโยงยังไงบ้าง / ฆาตกรจะฆ่านานะได้เนียนขนาดไหน / แรงจูงใจของฆาตกรรมครั้งนี้คืออะไร
สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตอนจบ : “มึงอ่ะคิดมาก” ซีรีส์จบลงด้วยรายละเอียดที่ simple กว่าที่คนไปถกกันในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ แม้ว่าแรงจูงใจและเนื้อเรื่องระหว่างทางจะยังน่าสนใจก็เถอะ
เรื่องราวหลังจากนั้น : คนดูแยกออกเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจนคือกลุ่มที่ ‘โอเคนะรับได้’ กับ ‘อะไรวะเนี่ย’ กลุ่มแรกให้เหตุผลว่าก็จบแบบโลกจริงดี ส่วนกลุ่มหลังก็จะแยกย่อยไปอีกเป็น กลุ่มที่มองว่า ‘ควรจะมีตอนต่อเพราะคดีที่ก่อหลักฐานมันเพียบ’ ซึ่งก็ค่อนข้างจริง เพราะตัวซอลกับไอ่ที่เป็นคนก่อคดีปล่อยหลักฐานทั้งวัตถุและพยานเพียบเลยอะ กับ กลุ่มที่มองว่า ‘ทำไมคนร้ายหนีคดีไปได้หมด’ อันนี้อาจจะเป็นความคุ้นเคยแนว ‘ความดีต้องชนะ’ จนขัดใจขึ้นมา ซึ่งคนที่บ่นปอดแปดในช่วงนั้นก็มีเต็มสื่อสังคมออนไลน์ไม่แพ้ตอนที่ถกกัน …แต่ส่วนนี้ทีมงานสร้างไม่ได้แก้ไขอะไรออกมานะ ก็ถือว่าทั้งหมดหลังจากเรื่องหลักก็แล้วแต่ว่าคนดูจะคิดอย่างไรนั่นแหละ
นี่ก็แค่ตัวอย่างส่วนเล็กๆ น้อยๆ ของความขัดใจที่เกิดขึ้นจากจอทีวี (หรือสมัยนี้อาจจะเป็นมอนิเตอร์ไม่ก็จอมือถือแล้ว) เราเชื่อว่าจะมีอะไรออกมาหักหาญน้ำใจคนดูกันอีกในอนาคตเป็นแน่ เพราะงั้นบางทีการไม่คาดหวังให้มากเกินไปตั้งแต่เริ่มอาจจะเป็นการดีกว่า
ถึงงั้น เราก็ไม่ได้ห้ามบ่นแต่อย่างใดเวลาเจออะไรขัดใจ โดยเฉพาะถ้ามันขัดกับหลักการที่สร้างมาแล้วทั้งเรื่องเนี่ย มันทำให้คนดูแบบเรารู้สึกหงุดหงิดราวกับโดนแฟนหนีไปมีกิ๊กจริงๆ นะ