ดูซีรีส์นอกสลับละครไทยก็บ่อยอยู่ แต่ก็เพิ่งมาสังเกตุในช่วงหลังนี่ล่ะว่า ตอนนี้รายการบันเทิงที่เขาฮิตกันมักจะเป็นรายการที่เกี่ยวข้องกับการร้องเพลง ความจริงคนดูบางกลุ่มก็คิดแบบนี้มาสักพักแล้ว แถมยังความพยายามเรียกร้องให้ ลด ละ เลิก รายการแนวนี้ไปบ้าง
แต่ตัวเลขเรตติ้งจากทาง นีลเส็น (ประเทศไทย) ก็บอกชัดว่ารายการแนวนี้เป็นที่นิยมในบ้านเราจริงๆ อย่า เดอะมาสค์ซิงเกอร์ ซีซั่นสองที่ฉายติดกับซีซั่นแรก ทำเรตติ้งอยู่ที่ 8.23, I Can See Your Voice Thailand นักร้องซ่อนแอบ มีเรตติ้งอยู่ที่ 5.9, ไมค์ทองคำ มีเรตติ้ง 4.77 และ กิ๊กดู๋สงครามเพลงมีเรตติ้ง 3.89 ซึ่งทั้งหมดนี้ ถือว่ามีค่าเฉลี่ยที่สูงกว่าเรตติ้งละครหลังข่าวของหลายช่องที่งัดเอาดาราระดับแม่เหล็กมาเป็นคู่พระนางด้วยซ้ำ
รายการแนวนี้ได้รับความนิยมแค่ไหน? ด้วยความสงสัย The MATTER จึงไปสำรวจดูว่ารายการที่มีการร้องเพลงเป็นส่วนประกอบสำคัญ และยังออกอากาศ หรือไม่ก็มีโฆษณาอยู่ในช่วงนี้ มีรายการไหนน่าสนใจบ้างและแต่ละรายการมีจุดเด่นอะไรที่ทำให้พวกเขายังสามารถออกอากาศในยุคที่รายการโทรทัศน์เริ่มถดถอย
ช่อง 3
เริ่มต้นด้วยช่องแรก ที่ว่ากันจริงๆ เขาก็มีรายการแนวแข่งร้องเพลงมานานตั้งแต่สมัย สเตจ ออน ทรี แล้ว จนถึงสมัยนี้ที่เทิร์นเป็นทีวีดิจิตอลเต็มตัวก็เลยมีรายการร้องเพลงแข่งกันอยู่เพียบไม่ว่าจะเป็นรายการช่วงกลางวัน หรือช่วงเย็นก็ตามที
มาสเตอร์คีย์ เวทีแจ้งเกิด
เกมโชว์ที่อยู่คู่เมืองไทยมาตั้งแต่ปี 1994 แต่ปรับเปลี่ยนสไตล์มาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี 2011 ก็ปรับมาเป็นรายการแข่งร้องเพลงตามเทรนด์ ช่วงแรกๆ ก็จัดแข่งแบบรายการร้องเพลงจริงจังไม่แพ้เวทีประกวด อย่าง เดอะสตาร์ หรือ อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ก่อนจะปรับเปลี่ยนอีกครั้งเป็นรูปแบบปัจจุบัน มีอย่างนึงที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือการออกอากาศในวันจันทร์-ศุกร์ห้าวันติดนั่นเอง
จุดเด่น : แข่งขันร้องเพลงหลายสไตล์แล้วแต่โจทย์ของช่วงนั้น อย่างในรูปแบบปัจจุบันเป็น ‘ลูกทุ่งเด็ก’ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เป็นเพลงลูกกรุงหรือ เพลงมหาชน (เพลงดังทุกแนว) มาก่อนแล้ว
วิธีการตัดสิน : คณะกรรมการจะเป็นคนเลือกผู้ชนะ ในรอบคัดเลือกจะเป็นการคัดคนออกอย่างเดียว เมื่อถึงรอบชิงแชมป์จะเป็นการคัดเลือกนักร้องที่ชนะไปนั่งบน ‘บัลลังก์แจ้งเกิด’ หรือ ‘เบาะแจ้งเกิด’ จนเหลือผู้ชนะคนสุดท้าย
กรรมการ : ตามปกติจะเป็นนักร้องที่อยู่ในวงการ ซีซั่นล่าสุดประกอบไปด้วย เอ ไชยา มิตรชัย, ตั๊ก ศิริพร อยู่ยอด, และ ยิ่งยง ยอดบัวงาม
พิธีกร : นีโน่ เมทนี และ แมงมุม พิมพ์นิชกุล
ดันดารา
เดิมเป็นแค่ช่วงหนึ่งของรายการ ตีสิบ นั่นแหละ แล้วมาแยกมาเป็นรายการเดี่ยวๆ เมื่อปี 2014 ความจริงรายการเปิดให้แข่งขันการแสดงแบบไหนก็ได้แหละ แค่คนเข้าแข่งส่วนใหญ่เลือกใช้การร้องเพลง
จุดเด่น : คงเป็น ความฮา ที่มาจากทั้งฝั่งคนดูและผู้เข้าแข่งขัน ในทางกลับกันความฮานี้ก็เป็นจุดอ่อนไปโดยปริยายถ้ามีการชงมุกยาวจนเกินเลยและทำให้หลายครั้งเราลืมไปว่าคนที่มาแข่งเข้ามาโชว์อะไรกันแน่
วิธิการตัดสิน : คณะกรรมการจะเป็นคนเลือกผู้ชนะ แรกเริ่มแค่ตัดสินพร้อมคอมเมนต์ ก่อนจะใส่ระบบคะแนนที่จะแปรผันตรงกับยอดเงินที่ผู้เข้าแข่งขันจะได้รับด้วย แต่ในรูปแบบล่าสุดที่ใช้ชื่อ ‘สนามเด็กเต้น’ ก็ปรับกลับมาใช้การตัดสินแพ้ชนะเพื่อคัดเด็กๆ ไปเต้นกับมืออาชีพอีกที
กรรมการ : ปกติมีตัวยืนเป็น ครูอ้วน มณีนุช เสมรสุต, อาจารย์ จตุพล ชมภูนิช, โน้ต เชิญยิ้ม แต่ใน ‘ดันดารา สนามเด็กเต้น’ ได้เปลี่ยนเป็น เจด้า อภิสราฐ์ เพชรเรืองรอง, มอริส เค และ ซานิ(AF) นิภาภรณ์ ฐิติธนการ
พิธีกร : ชมพู่ ก่อนบ่ายคลายเครียด, ดีเจ โบ ธนากร และ วิทวัส สุนทรวิเนตร์
The Voice Thailand เสียงจริง ตัวจริง
รายการร้องเพลงที่มีต้นแบบมาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ฉบับไทยก็ดังเปรี้ยงไม่แพ้กัน เป็นรายการที่แจ้งเกิดให้นักร้องอย่าง สงกรานต์ รังสรรค์ เก่ง ธชย ฯลฯ รวมถึงลากช้างเผือกในวงการนักร้องตามผับได้ออกมาให้คนทั่วไปได้รู้จัก และยังทำให้โค้ช ทั้งในฝั่งรายการปกติและฝั่งรายการเด็ก (The Voice Kids) ได้แสดงฝีมือแบบที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นตาออกมาให้เราเห็นด้วย
จุดเด่น : รอบ Blind Audition ที่โค้ชหันหลังให้ผู้เข้าแข่งขัน มีแต่คนเสียงโดดเด่นเท่านั้นที่จะเข้ารอบ ทำให้คนดูลุ้นกันว่า คนคาแรคเตอร์แบบนี้กลับร้องเพลงต่างสไตล์ และคิดว่าโค้ชคนไหนที่เหมาะกับการฝึกผู้ที่เข้ามาแข่งขันในรายการ
วิธีการตัดสิน : โค้ชเป็นผู้ตัดสินเท่านั้นในช่วงสามรอบแรก บวกกับคะแนนโหวตผ่าน SMS ในช่วงท้ายของซีซั่น และการตัดสินผู้ชนะของปี
กรรมการ : หรือโค้ช ซีซั่นที่แล้วเป็นหน้าที่ของ ก้อง นูโว, โจอี้บอย, สิงโต นำโชค และ ดา เอ็นโดรฟิน ก่อนหน้านี้ก็มี แสตมป์ อภิวัชร์ กับ เจนนิเฟอร์ คิ้ม ส่วนฝั่ง The Voice Kids โค้ชชุดล่าสุดคือ ลุลา, รัดเกล้า อามระดิษ และ ติ๊ก ชีโร่
พิธีกร : กบ ทรงสิทธิ์ และ จอย ริณลณี
Singer Auction เสียงนี้มีราคา
รายการนี้ไม่ได้แข่งร้องเพลงตรงๆ แค่เอานักร้องมาเป็นส่วนหนึ่งของเกมโชว์ ที่ให้ดารารับเชิญมาประมูลแข่งกันและมาวัดกันว่าใครจะเป็นนักร้องที่ดีที่สุดของสัปดาห์นั้น
จุดเด่น : การประมูลบลัฟกันของเหล่าดารารับเชิญ โดดเด่นกว่าการร้องเพลงแข่งกันเสียอีก
วิธีการตัดสิน : หลังจากที่แขกรับเชิญสามารถประมูลนักร้องที่ต้องการแล้ว ก็จะให้ผู้ชมในห้องส่งโหวตว่าชอบนักร้องคนดังกล่าวหรือไม่ ผู้ที่มีคะแนนโหวตสูงสุดของวันจะเป็นผู้ชนะในวันนั้น
กรรมการ : ผู้ชมในห้องส่งลงคะแนนโหวตเพื่อตัดสินผู้ชนะ ดารารับเชิญแค่มีหน้าที่ประมูลเฉยๆ ไม่มีผลต่อคะแนน
พิธีกร : น้าเน็ก เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา
La Banda Thailand ซุป’ตาร์บอยแบนด์
รายการ ‘ค้นหาบอยแบนด์’ ที่ต้องครบเครื่องทั้งหน้าตา, เสียงร้อง และลีลาท่าเต้น ที่ซื้อสิทธิ์มาจาก Simon Cowell ที่เป็นโปรดิวเซอร์ของรายการดังๆ อย่าง Got Talent และ The X Factor
จุดเด่น : คัดเลือกบอยแบนด์จากเด็กหนุ่มมากหน้าหลายตา หลายคนก็ใสๆ กรุบๆ ส่วนบางคนก็มาแนวหล่อขี้เล่นน่าสนใจ ชอบสไตล์ไหนก็เชียร์วนไปเลย
วิธีการตัดสิน : ในรอบการคัดตัวจะมีการตัดสินปนกันโดยสมาชิกส่วนใหญ่จะได้รับการโหวตจากผู้ชมภายในห้องส่ง กับอีกกลุ่มเล็กๆ จะเป็นการเลือกจากคณะกรรมการ มีการใช้ SMS และการโหวตผ่าน Google ในการโหวตคนที่ตกรอบแล้วให้กลับมาแข่งต่อได้ด้วย
กรรมการ : ซีซั่นนี้ประกอบด้วย นิว-จิ๋ว เดอะสตาร์, ว่าน ธนกฤต และ โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน
พิธีกร : เอกกี้ เอกชัย เอื้อสังคมเศรษฐ และ ดีเจนุ้ย ธนวัฒน์
ช่อง 7
สถานี่ทีวีขวัญใจมหาชน ไม่ได้ทุ่มทุนเพียงแค่ละครเท่านั้น รายการร้องเพลงของช่องก็มีอยู่ไม่น้อย แถมยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากมหาชนด้วย
กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงาเสียง
รายการที่ได้รางวัลเรตติ้งสูงสุดจากงาน มายา มหาชน 2017 ซึ่งก็ไม่แปลกนะ เพราะรายการจับเอาประเด็นการแข่งขันมันส์ๆ มาแข่งกันดีทีเดียว ตอนนี้มีแยกเป็นสองรายการคือ ‘เงินล้าน’ ที่จะเป็นตัวแทนของแต่ละจังหวัดหรือชุมชนมาแข่งกันร้องเพลงชิงเงินรางวัลไปพัฒนาชุมชน กับ ‘เงาเสียง’ ที่เป็นการแข่งการร้องเพลงตาม ‘นักร้องต้นฉบับ’ ในแต่ละสัปดาห์
จุดเด่น : ในส่วน ‘เงินล้าน’ น่าสนใจตรงได้ดูคนในเขตชุมชนที่มาแข่งโปรโมตพื้นที่ตัวเอง ส่วน ‘เงาเสียง’ ของรายการนี้นอกจากจะพาคนเสียงเหมือนแล้ว ยังพยายามหาคนที่ก็อปสไตล์เหมือนหรือหน้าเหมือนมาด้วย เลยยิ่งเฮฮากว่าเดิม
วิธีการตัดสิน : ‘เงินล้าน’ ในรอบคัดตัว จะเป็นกรรมการตัดสิน ส่วนรอบชิงเงินล้านจะตัดสินจากการโหวตผ่า SMS ด้าน ‘เงาเสียง’ ณ ตอนนี้ เป็นการนำนักร้องทางบ้านสี่คน มาแข่งกัน โดยให้กรรมการตัดสินจนเหลือสองคนสุดท้าย แล้วให้นักร้องต้นฉบับเลือกคนชนะอีกทีหนึ่ง
กรรมการ : วีรศักดิ์ นิลกลัด, ชมพู ฟรุตตี้, ตั๊ก ศิริพร อยู่ยอด, ไก่ สมพล, ดีเจต้นหอม ศกุนตลา
พิธีกร : ซูโม่กิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ และ ดู๋ สัญญา คุณากร
จันทร์พันดาวร้องสู้ฝัน
เคยเป็นรายการทอล์กโชว์มาก่อน ตอนนี้กลายเป็นรายการแข่งร้องเพลงเต็มตัวไปแล้ว ในรูปแบบปัจจุบันผู้เข้าแข่งขันจะถูกเรียกว่า ‘นักสู้ฝัน’ ที่ต้องมาห้ำหั่นกับผู้เข้าแข่งขันท่านอื่นๆ อีกทอดหนึ่ง เพื่อชิงตำแหน่งแชมป์และเงินรางวัลจนเวทีมีความระอุอยู่ไม่น้อย
จุดเด่น : การไฝว้กันของเหล่า ‘นักสู้ฝัน’ อย่างรอบแรกๆ ที่ให้คนที่มั่นใจว่าร้องดีกว่าคนแรกมาร้องแข่ง หรือรอบหลังๆ ที่นักสู้ฝันต้องร้องเพลงคู่กันด้วยการเลือกเพลงให้อีกฝ่ายหนึ่งร้อง ถ้าฝ่ายไหนเจ๋งกว่าก็เห็นชัดๆ กันตรงนั้นเลย
วิธีการตัดสิน : ให้กรรมการโหวตนักร้องที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในแต่ละรอบ ยังไม่แน่ใจว่ารอบชิงจะมีให้ผู้ชมทางบ้านโหวตหรือเปล่า
กรรมการ : ดีเจเจ๊แหม่ม วินัย สุขแสวง, เป็กกี้ ศรีธัญญา, เกรซ กาญจน์เกล้า, ปาน ธนพร และ ปั๋ง ประกาศิต
พิธีกร : ซี ศิวัฒน์
เปลี่ยนหน้าท้าโชว์ Sing Your Face Off
ปกติเราจะคุ้นกับการที่คนไม่ดังเลียนแบบคนดังเพื่อเป็นการโชว์ทักษะ รายการเอาแนวคิดนั้นมากลับด้านหมดเลย โดยให้เซเลบชาวไทยแปลงโฉมเป็นเซเลบคนไหนก็ได้ และต้องแสดงให้เหมือนกับคนดังคนนั้นด้วย การแข่งขันมีทั้งแบบดี่ยวหรือทีมแล้วแต่ซีซั่น แต่ที่เหมือนกันก็คือผู้ชนะในแต่ละสัปดาห์จะได้เงินบริจาคเข้าหน่วยงานที่ระบุไว้ สนุกฮาและได้บุญด้วยนั่นเอง
จุดเด่น : เด่นสุดของรายการ ไม่พ้นการแต่งหน้าที่จริงจังระดับหาเมคอัพอาร์ติสต์มือดีมาช่วยแปลงกายให้เหล่าเซเลบชาวไทยได้กลายเป็นใครอีกคนอย่างจริงจัง และจุดที่สองก็จะเป็นเรื่องทักษะความสามารถของแขกรับเชิญที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาทำการบ้านในการเลียนแบบคนดังคนอื่นเก่งขนาดไหน
วิธีการตัดสิน : คอมเมนเทเตอร์ที่อยู่ในรายการ เป็นผู้ตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะในแต่ละสัปดาห์ และจะมีการรวมแต้มไว้เพื่อตัดสินหาผู้ชนะของซีซั่นในภายหลัง
กรรมการ : สบชัย ไกรยูรเสน, ปาน ธนพร, คัฑลียา มารศรี, หนึ่ง จักรวาร และ รสสุคนธ์ กองเกตุ
พิธีกร : แหม่ม สุริวิภา
ช่อง 8
ด้วยสไตล์ของช่องที่กะดึงลูกค้ากลุ่มเดียวกับช่อง 7 ทำให้รายการเกี่ยวกับการร้องเพลงของทีวีช่องนี้โฟกัสเป็นการแข่งขันร้องเพลงลูกทุ่งไปโดยปริยาย
เสียงสวรรค์คลาสสิค
รายการแข่งขันร้องเพลงลูกทุ่งที่ใช้สไตล์ของรายการแบบยอดนิยมของเมืองไทย ที่ให้ผู้เข้าแข่งทางบ้านมาแข่งกันเพื่อวัดว่าใครเป็นนักร้องลูกทุ่งเสียงดีที่สุด อาจจะมีธีมคุมโทนในแต่ละช่วงบ้าง อย่าง ‘เด็กมหาวิทยาลัย’ ‘คุณแม่สู้ชีวิต’ ฯลฯ รายการยังมีแยกย่อยเป็น ‘เสียงสวรรค์พิชิตล้าน’ ที่มีชิงเงินชัดเจน และ ‘เสียงสวรรค์ฟันน้ำนม’ ที่ให้เด็กมาร้องเพลงแข่งกัน ก่อนจะให้คนที่ร้องดีไปนั่งยัง ‘บัลลังก์’
จุดเด่น : ด้วยความที่ลักษณะรายการนั้นก็คลาสสิกพิมพ์นิยม จุดเด่นเลยเป็นเรื่องคอมเมนต์ของกรรมการไปโดยปริยาย
วิธีการตัดสิน : กรรมการในรายการจะเลือกว่า นักร้องที่มาร้องแข่งกันนั้น ใครจะได้อยู่ต่อ ใครจะตกรอบ
กรรมการ : กรรมการเป็นนักร้องลูกทุ่งสลับสับเปลี่ยนกันไป กรรมที่เห็นหน้าบ่อยชุดปัจจุบันประกอบไปด้วย ยิ่งยง ยอดบัวงาม, ตั๊ก ศิริพร อยู่ยอด และ บุญโทน คนหนุ่ม
พิธีกร : แพท ณปภา กับ นุ้ย เชิญยิ้ม / กิ๊ฟ วรรธนะ หรือ เจมส์ เรืองศักดิ์ กับ จ๊ะจ๋า พริมรตา ในส่วน ‘เสียงสรรค์ฟันน้ำนม’
ช่อง ONE HD
ไฮไลต์ของรายการร้องเพลงช่อง ONE เดิมทีก็คือรายการอย่าง เดอะ สตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ซึ่งปีนี้ไม่มีการจัดรายการตามที่ บอย ถกลเกียรติ ออกปากเอาไว้ตั้งแต่ปีก่อน และนำเอารายการ ‘หาคู่ Duet’ ที่เป็นการคัดตัวนักร้องทางบ้านมาแข่งขันกันเพื่อให้ร้องเพลงคู่กับนักร้องชื่อดัง แต่ก็ดูเหมือนรายการจะไม่ได้เปรี้ยงเท่าใดนัก จนตอนนี้มีรายการแข่งร้องเพลงออกอากาศอยู่ก็คือ ศึกวันดวลเพลง ที่เราจะพูดถึงต่อไปนี่เอง
ศึกวันดวลเพลง
รายการให้นักร้องสองคนมาแข่งกัน คนชนะจะขึ้นตำแหน่งแชมป์และต้องร้องเพลงต่อเพื่อรักษาตำแหน่ง ยิ่งอยู่ในตำแหน่งนาน เงินรางวัลยิ่งเยอะ และแชมป์มีออพชั่นเสริมนิดหน่อยแบบเกมโชว์ด้วย รายการยังมีแยกเป็น ‘ศึกวันดวลเพลงเด็ก’ ‘ศึกวันดวลเพลง เสาร์ 5’ (แข่งแบบทีม) แล้วก็ ศึกวันดวลเพลงสงครามแชมป์ ที่จะเอาผู้ชนะในรายการปกติมาดวลซ้ำเพื่อหาสุดยอดแชมป์ที่จะได้เงินรางวัลก้อนใหญ่อีกที
จุดเด่น : การแข่งแบบเกมโชว์ผสมกับการบิ้วอารมณ์ดราม่าเบาๆ ที่ทำให้คนดูลุ้นมากขึ้นว่า แชมป์จะสามารถรักษาแชมป์ได้หรือไม่
วิธีการตัดสิน : กรรมการในรายการจะเลือกว่าใครจะเป็นแชมป์ต่อไป
กรรมการ : รุ่ง สุริยา, ครูสลา คุณวุฒิ และ จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ เหมาตำแหน่งกรรมการในทุกรูปแบบของรายการนี้
พิธีกร : แฟรงค์ ภคชนก์ โวอ่อนศรี เหมาตำแหน่งพิธีกรทุกรูปแบบของรายการ โดยมี ฝน ธนสุนทร เป็นพิธีกรคู่ใน ศึกวันดวลเพลง แบบปกติ
ช่อง GMM 25
บ้านใกล้เรือนเคียงของช่อง ONE ถึงรายการวาไรตี้ในช่องจะใช้การร้องเพลงมาประกอบอยู่บ้าง แต่ในปัจจุบันมีรายการที่แข่งขันด้วยการร้องเพลงโดยตรงออกากาศให้เห็นอยู่รายการเดียวแต่ก็โดดเด่นจนเราเองก็ติดตามรายการนี้อยู่เหมือนกันล่ะ
Stage Fighter ไมค์หมู่ สู้ ฟัด
การแข่งขันร้องเพลงแบบทีม 3 ต่อ 3 สู้แบบพบกันหมด ทีมไหนแพ้หมดก่อนตกรอบ รายการมีรูปแบบแยกย่อยเป็น ‘เดี่ยวฟัดเดี่ยว’ ที่เอานักร้องที่ชนะการแข่งทีมมาแยกแข่งเดี่ยว และ ‘ตำนานหมู่สู้ฟัด’ ที่จัดทีมมาจากดารานักร้องในไทยมาดวลกัน …ดูแล้วน่าจะเป็นทัวร์นาเมนต์ชิงเจ้ายุทธภพมากกว่าแข่งร้องเพลงแบบแปลกๆ
จุดเด่น : การให้คะแนนของกรรมการที่ให้กดเพิ่มแต้มระหว่างการร้องแบบสดๆ (รายการเรียกว่า Realtime Score) และการตัดสินใจของทีมที่ชนะว่าจะเลือกเงินรางวัลหรือเอาสมาชิกทีมกลับมาแข่ง่ต่อก็เป็นอะไรที่บีบเร้าหัวใจดี
วิธีการตัดสิน : ฝั่งไหนได้คะแนนจากกรรมการมากกว่าฝั่งนั้นชนะ ง่ายๆ และชัดเจน
กรรมการ : ป๊อป ปองกูล, โจ๊ก โซคูล และ แก้ม เดอะสตาร์ รายการพยายามแยกหน้าที่ไว้ก็จริงแต่มวลรวมแล้วก็ดูไม่เด่นชัดมากนัก ระดับที่ตัวกรรมการยังแซะกันเป็นระยะๆ ว่า รายการไม่ได้มีบรรทัดฐานในการให้คะแนนเท่าใดนัก
พิธีกร : เผือก พงศธร
ไทยรัฐทีวี
ปกติภาพลักษณ์ของช่องออกจะเป็นรายการข่าวกับรายการแนวสาระ ถึงอย่างนั้นทีวีช่องนี้ก็ยังมีรายการร้องเพลงให้เราเห็นได้รับชมด้วยเช่นกัน
ร้องได้ให้ล้าน ลูกทุ่งสู้ชีวิต
แพทเทิร์นรายการไม่ได้เน้นการร้องเพลงเพราะ แต่เน้นการ ‘ร้องเพลงให้ถูกทุกคำ’ และถ้าร้องถูกสิบเพลงติดกันก็ได้เงินหนึ่งล้านบาทไปเลย
จุดเด่น : สไตล์การแข่งขันที่ง่ายๆ ขอให้ร้องเพลงถูกต้อง ความไพเราะเป็นเรื่องรอง ผสมกับดราม่าชีวิตของคนแข่งขัน คือตัดภาพลำบากของเขามาอยู่ได้นั่นแหละ โอ๊ย อินเฟ้ย!
วิธีการตัดสิน : พิธิกรมาสรุปให้ว่าร้องเพลงถูกหรือผิด
กรรมการ : ‘เนื้อเพลงแต่ละเพลง’
พิธีกร : เป๊กกี้ ศรีธัญญา กับ หนุ่ม สันติสุข
ช่อง Workpoint
น่าจะเป็นช่องทีวีช่องเดียวที่แยกหมวดรายการ ‘แข่งร้องเพลง’ ออกมาจากวาไรตี้โชว์อื่นๆ Workpoint มีความโดดเด่นในการคุมโทนรายการเหล่านี้ให้ดูสนุกและดูมีความแตกต่างกันเกือบจะแทบทุกรายการแม้ว่าจะใช้พิธีกรหรือกรรมการชุดใกล้เคียงกันมากๆ ก็ตาม
The Mask Singer หน้ากากนักร้อง
รายการร้องเพลงที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจากเกาหลีใต้ แต่ก็ใช้แค่โครงสร้างหลักเท่านั้น เพราะเนื้อหาของรายการถูกปรับไปจากต้นฉบับเสียเยอะ การแข่งนั้นจับเอาดาราคนดังในประเทศไทยมาใส่ ‘หน้ากาก’ หรือ ถ้าพูดให้ถูกต้องบอกว่า ชุดคอสเพลย์อลังการ แล้วมาดวลกันตัวต่อตัวจนเหลือแชมป์คนสุดท้าย
จุดเด่น : ความเซอร์ไพรส์ที่เราจะได้เห็นทักษะความสามารถนักร้องที่ซ่อนตัวไว้หลังหน้ากาก ที่ปกติแล้วเขาคนนั้นอาจจะไม่เคยทำให้เห็นกัน และการตอบคำถามชวนปวดขมับของเหน้ากากแต่ละคน
วิธีการตัดสิน : ผลโหวตจากกรรมการและผู้ชมในห้องส่ง
กรรมการ : มีเปลี่ยนสลับกันหลายคน คนที่โดดเด่นก็คือ หนึ่ง จักรวาร, ครูอ้วน มณีนุช, ตั๊ก ศิริพร, ป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม, เสนาหอย และ ซาร่า ฝรั่งเซินเจิ้น
พิธีกร : กันต์ กันตถาวร
ไมค์หมดหนี้
ผู้เข้าแข่งขันสองคนมาพบกันบนเวทีที่จะให้ร้องเพลงแข่งกัน ใครร้องเพลงชนะในวันนั้นจะได้เข้ารอบไปเลือกไมค์ ที่หนึ่งในนั้นจะมีใช้งานได้ ซึ่งถ้าหยิบไมค์นั้นได้ก็จะได้เงินไปปลดหนี้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องอยู่แข่งต่อ
จุดเด่น : ดราม่าขั้นสุด จริงอยู่ว่ารายการอื่นก็พยายามบิลด์ดราม่าให้เราอินกันก็จริง แต่ยังไม่มีใครบิลด์แรงเหนือกว่ารายการนี้แน่นอน แนะนำตัวคนมาแข่งก็บิลด์ ก่อนร้องเพลงก็บิลด์ ร้องจบก็บิลด์ กรรมการประกาศคะแนนก็บิลด์อีก… เพราะแบบนี้คนในรายการเลยร้องไห้กันบ่อย และหลายๆ ทีผู้ชมก็ตัดสินใจไปบริจาคเงินให้คนเข้าแข่งโดยตรงอีกทีด้วย
การตัดสิน : กรรมการประกาศว่าจะให้ใครชนะทีละคน
กรรมการ : มีห้าคนสลับสับเปลี่ยนกันระหว่าง เอ ไชยา มิตรชัย, สุนารี ราชสีมา, ฮาย อาภาพร นครสวรรค์, ตั๊ก ศิริพร และ ศิรินทรา นิยากร
พิธีกร : เสนาลิง
ไมค์ทองคำ
แรกสุดเลยเป็นช่วงหนึ่งของรายการชิงช้าสวรรค์ก่อนจะแยกเป็นรายการเดี่ยวๆ ที่ตัดชื่อชิงช้าสวรรค์ออกไป รายการเป็นการแข่งขันร้องเพลงลูกทุ่งเต็มรูปแบบ แยกย่อยเป็นการคัดเลือกนักร้องจากแต่ละภาคก่อน แล้วค่อยมาแข่งขันกันจนเหลือ 4 คนสุดท้ายในรอบชิงที่จะต้องร้องเพลงโจทย์ในแต่ละสัปดาห์ แล้วก็เหมือนกับรายการแข่งขันร้องเพลงอื่นๆ ที่ต้องมีส่วนสำหรับเด็ก ที่รายการนี้จะใช้ชื่อ ‘ไมค์ทองคำเด็ก’
จุดเด่น : รายการนี้เน้นคาแรคเตอร์และทักษะของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนอยู่ไม่น้อย (แต่ก็ยังมีดราม่านะไม่ใช่ไม่มี)
วิธีการตัดสิน : กรรมการเป็นผู้คัดในรอบคัดเลือก และในรอบชิงชนะเลิศจะใช้ผลโหวต SMS จากผู้ชมทางบ้าน
กรรมการ : ในปัจจุบันกรรมการประกอบด้วย โน้ต เชิญยิ้ม, ครูสลา คุณวุฒิ, สุนารี ราชสีมา และจะเพิ่ม ครูเทียม ชุติเดช ทองอยู่ ในรอบชิงชนะเลิศ
พิธีกร : พัน พลุแตก
Wekid Thailand เด็กร้องก้องโลก
อีกหนึ่งรายการที่ซื้อลิขสิทธิ์จากฝั่งเกาหลีใต้ รายการร้องเพลงเด็กรายการนี้ที่มีรูปแบบโดดเด่นกว่ารายการอื่นๆ ตรงที่ให้เด็กวัย 8-11 ปีมาเข้าทีมของดาราคนดังแล้วต้องมาร้องและทำการแสดงกับเพลงดังในอดีต
จุดเด่น : เพลงทุกเพลงอายุแก่กว่าเด็กแน่นอน และทักษะของเด็ก
วิธีการตัดสิน : รอบแรกโค้ชเป็นคนเลือกตัวเด็กที่มาแข่ง ส่วนรอบแข่งขันนั้นจะมีแบ่งการโหวตเป็นคะแนนจาก กรรมการกับผู้ชมในห้องส่ง
กรรมการ : ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค, ครูอ้วน มณีนุช และ พี่ซุป ซูเปอร์จิ๋ว
พิธีกร : แหม่ม สุริวิภา
I Can See Your Voice Thailand นักร้องซ่อนแอบ
เป็นรายการเดียวที่ทางช่องไม่ได้ระบุว่าอยู่ในหมวด ‘แข่งร้องเพลง’ แต่การร้องเพลงก็ยังเป็นจุดเด่นหลักของรายการนี้ ที่จะให้แขกรับเชิญมาจับผิดว่า แขกจากทางบ้านคนไหนที่เป็นคนร้องเพลงเพราะ และคนที่เหลือรอดจะได้มาร้องเพลงร่วมกับแขกรับเชิญ โดยที่มีเหล่ากรรมการมาช่วย (บางทีก็ไม่ค่อยช่วยนะ) แอปพรูฟว่าใครร้องเพราะหรือร้องเพี้ยน
จุดเด่น : การจับโกหกแขกจากทางบ้าน ทั้งฝั่งแขกรับเขิญและกรรมการในห้องส่งที่ทำให้เห็นถึงทักษะอันหลากหลายของพวกเขา อีกส่วนก็คือเมื่อเลือกได้นักร้องเสียงเพี้ยนเราก็จะได้เห็นกันว่านักร้องที่มาในรายการจะรับมือกับภาวะนั้นอย่างไร
วิธีการตัดสิน : แขกรับเชิญเป็นคนตัดสินใจเลือกเอา แขกจากทางบ้านออกไปจนเหลือคนสุดท้ายด้วยตัวเอง กรรมการแค่ให้ความเห็นเสริมเฉยๆ
กรรมการ : ในรายการใช้ชื่อว่า ‘แก๊งนักสืบ’ จะมีหลายคนสลับกันมารับบทนี้ โดยมีตัวยืนเป็น หนึ่ง จักรวาร, ครูอ้วน มณีนุช และ ดีเจนุ้ย ธนวัฒน์
พิธีกร : กันต์ กันตถาวร และ เสนาลิง
.
.
.
ทั้งหมดนี้ก็เป็นรายการร้องเพลงที่เราเห็นว่าน่าสยใจในช่วงนี้ เพราะบางรายการก็มาเป็นซีซั่นๆ ไป ซึ่งจากรายการที่เอามานี้เราก็พบจุดร่วมที่น่าสนใจดังนี้
ประเภทของเพลงที่นิยมใช้แข่งขันมากที่สุด : เพลงลูกทุ่ง
เพลงที่มีผู้ฟังอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง เท่าที่เรานั่งดูรายการเองก็เจอว่า เพลงผู้สาวขาเลาะน่าจะโดนเอามาแข่งบ๊อยบ่อย มากที่สุดเพลงหนึ่งของปีนี้เลย
วิธีการตัดสินที่นิยมมากที่สุด : ตัดสินโดยคณะกรรมการ
เมื่อนับสัดส่วนจริงๆ การตัดสินโดยคณะกรรมการก็ยังเป็นวิธีการยอดนิยมอยู่ดี ส่วนการส่ง SMS นั้นถึงจะมีคนส่งเยอธมากแต่รายการส่วนใหญ่ก็เลือกจะใช้วิธีนี้ในการตัดสินรอบสุดท้ายมากกว่า
ผู้ที่ทำหน้าที่กรรมการมากที่สุด : ตั๊ก ศิริพร อยู่ยอด
เธอเป็นกรรมการถึงห้ารายการ ทำงานร่วมทีวีสี่ช่อง แถมยังเคยลงแข่งเองในรายการที่เป็นกรรมการเองอีก (ฮา) เรื่องนี้อาจจะเป็นผลบุญจากอดีตที่เธอนั้นเป็นนักร้องที่ใส่อารมณ์เพลงได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเพลงลูกทุ่งหรือเพลงสากล จนได้ฉายา ‘ตั๊ก ลีลา’ มาประดับตัว แถมเธอยังเปิดโหมดจริงจังสลับกับโหมดฮาได้แบบลื่นไหลสุดๆ จึงไม่แปลกที่ใครๆ อยากจะทาบทามให้เธอเป็นกรรมการประจำรายการ
ผู้ทำหน้าที่พิธีกรในรายการร้องเพลงมากที่สุด : เสมอกันระหว่าง แหม่ม สุริวิภา, กันต์ กันตถาวร และ เสนาลิง
ปกติเรื่องพิธีกรอาจจะข้ามช่องกันยากและหลายรายการก็เลือกที่จะใช้พิธีกรไม่ซ้ำหน้า เพื่อเป็นตัวช่วยให้คนดูจำได้ว่า รายการนี้เป็นรายการอะไร พอดีว่า สามท่านนี้มีโอกาสได้เป็นพิธีกรในรายการร้องเพลงที่บรรยากาศฉีกกันค่อนข้างมาก เลยได้รับจ็อบกันคนละสองรายการ (และเสนาลิงก็เป็นพิธีกรคู่กับแหม่ม สุริวิภา ในรายการแนวอื่นด้วย) ส่วนตัวแล้วเราแอบอยากเห็นทั้งสามท่านมาเป็นพิธีกรร่วมกันในรายการเดียวสักครั้งเหมือนกันนะ
อ้างอิงเพิ่มเติมจาก