ดูหนัง ดูละคร ทุกครั้ง หากบังเอิญเห็นนักแสดงคนไหนสอดส่ายสายตาตรงมาที่เรา จนเรียกว่าสบตากันได้นั้น หมายความว่าคนนั้นได้มองกล้องอย่างไม่ตั้งใจ เพราะปกติแล้วมุมมองของผู้ชมนั้น แม้จะชิดใกล้ขนาดไหน แต่เหล่านักแสดงจะทำเหมือนกับว่าตรงนั้นไม่มีใครอยู่เสียหน่อย บทบาทของพวกเขาจะยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แม้กล้องตัวใหญ่ในระดับที่เรียกว่าเครื่องจักรได้ จะแอบอิงอยู่ในระยะเอื้อมถึงก็ตาม แต่ในทางตรงกันข้าม มันมีการจงใจหันมามองกล้องของตัวละคร เพื่อพูดคุยกับผู้ชมที่อยู่ตรงหน้า แม้พวกเขาจะยังไม่เห็นผู้ชมก็ตาม
เราเรียกสิ่งนั้นว่า ‘Breaking the Fourth Wall’ ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจกันก่อนว่ากำแพงที่สี่นั้นคืออะไร? แล้วอีกสามกำแพงก่อนหน้านั้นล่ะ คืออะไรกันแน่? ลองนึกถึงโรงละครแบบที่มีนักแสดงอยู่บนเวทีตรงหน้าเรา อย่างบรอดเวย์ ละครเวที เหล่าผู้ชมการแสดงจะคอยนั่งดูอยู่ฝั่งเดียวกัน เหล่านักแสดงก็จะทำการแสดงราวกับว่ามุมมองของตัวละครจะมีแค่ด้านหลังของเวทีและด้านข้างของเวทีเท่านั้น ส่วนด้านหน้าที่มีผู้ชมนั่งอยู่นั่นแหละที่เป็นกำแพงล่องหนด้านที่สี่ และไม่ได้มีใครนั่งอยู่ตรงนั้นเลย การพังกำแพงนั้นลงจึงเป็นการสื่อสารกับคนผู้ชมที่อยู่มุมมองนั้นนั่นเอง
จริงๆ แล้วเทคนิคนี้สามารถใช้ได้กับทั้งละคร ภาพยนตร์ หรือแม้แต่เกมก็ด้วย การหันมาพูดคุยกับผู้ชมด้วยเทคนิคนี้นั้น เป็นได้ทั้งการอธิบายเนื้อหา ความรู้สึกของตัวละคร อย่าง The Big Short หรือ Annie Hall อาจจะเพื่อความบันเทิงอย่าง Fight Club หรือ Deadpool (แต่ House of Cards เหมาทั้งสองอย่าง) โดยแชแนล StudioBinder นั้น ได้แนะนำถึงการนำเทคนิคนี้มาใช้ว่า เราต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง อย่างแรกคือจำนวน ว่าเราจะใส่มันเข้าไปอย่างสม่ำเสมอเข้าไว้ หรือเพียงแค่จังหวะเดียวที่มันกลายเป็นหมัดฮุกไปเลย ต่อมาคือจังหวะ เราต้องครุ่นคิดถึงโอกาสที่จะนำมันมาใช้อย่างถี่ถ้วน ไม่ใช่ว่าใส่เมื่อไหร่ก็เจ๋งเมื่อนั้น สุดท้ายความมั่นใจ สิ่งหนึ่งที่จะยืนยันว่าการพังกำแพงของหนังเรื่องนั้นประสบความสำเร็จหรือไม่ คือ การตอบรับจากคนดู ถ้าคนดูรู้สึกว่ากำลังสื่อสารกับตัวละครนั้น แสดงว่ากำแพงที่พังลงไปได้ทิ้งอะไรบางอย่างเอาไว้แล้ว
อย่าง Woody Allen เอง ก็ใช้เทคนิคนี้ในภาพยนตร์ของเขาบ่อยเอาเรื่องอยู่เช่นกัน โดยเขาได้พูดเกี่ยวกับกำแพงที่สี่นี้ไว้ว่า “เพราะผมรู้สึกได้ว่าผู้ชมมากมายนั้นมีความรู้สึกและปัญหาเดียวกัน ดังนั้น ผมเลยอยากพูดคุยกับเขาตรงๆ แบบตรงหน้าไปเลย” เช่นเดียวกับ Jerry Lewis ที่พูดถึงเรื่องนี้ในหนังสือ The Total Filmmaker ว่า “ผู้ผลิตภาพยนตร์บางคน ยังเชื่อว่าไม่ควรให้นักแสดงมองตรงไปที่กล้อง เพราะมันจะทำให้ผู้ชมรู้สึกอึดอัดหรือกังวล และมันยังรบกวนเรื่องราวด้วย แต่ผมว่าการคิดแบบนั้นไม่เห็นจะเข้าท่าเท่าไหร่ ผมมีนักแสดงที่ผมมักจะให้เขามองตรงไปยังกล้อง ในจังหวะที่มันควรจะเป็น” หากเรานับว่าการแสดงที่ดีไม่ควรจะมีใครเผลอมองกล้องด้วยความประหม่าแล้ว การกำกับที่ดีคงเป็นการทำให้การตั้งใจมองกล้องไม่ใช่ข้อผิดพลาด
หากอยากจะดูตัวอย่างของการพังกำแพงชั้นเยี่ยม เราขอแนะนำซีรีส์ House of Cards ที่ตัวละครมักจะหันหน้ามามีปฏิสัมพันธ์กับคนดูอยู่เสมอ ไม่ว่าจะโบกมือ ขยิบตาส่งซิก หรือแม้แต่พูดคุยอย่างออกรส โดยทั้งหมดนี้เป็นเพียงความลับของเรากับตัวละครเท่านั้น จะไม่ได้มีใครมาเห็น แต่ละจังหวะที่เลือกใช้นั้น ยิ่งเป็นการเน้นความเข้มข้นให้มากยิ่งขึ้นอีก บวกกับเนื้อหาที่น่าติดตาม ดูง่าย เลยอยากแนะนำเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆ หากอยากเห็นว่าการพังกำแพงนั้นช่วยในการเล่าเรื่องได้แค่ไหน สำหรับภาพยนตร์มีตัวเลือกในใจที่อยากแนะนำอยู่เยอะมาก แต่ขอเลือกเรื่องที่หาดูได้ง่ายและตัวหนังเองดูง่ายด้วย เริ่มด้วย The Wolf of Wall Street จากผู้กำกับรุ่นเก๋า Martin Scorsese นอกจากเรื่องราวสุดแสนจะบันเทิงสมองแล้ว เรื่องนี้ยังเป็นอีกตัวอย่างของการใช้ Breaking the Fourth Wall ในจังหวะที่ใช่อีกด้วย จนทำให้เราสัมผัสถึงตัวละครได้มากขึ้นอีกก้าวจากการสื่อสารกันหลังกำแพงทิพย์นั้นพังลง
ลองเลือกสักเรื่องที่ถูกใจ แล้วไปสัมผัสการสื่อสารจากผู้กำกับผ่านตัวละคร ว่าพวกเขากำลังบอกอะไรเรา
อ้างอิงข้อมูลจาก