ทุกวันนี้เราอาจจะรู้สึกว่า ในบรรดาเทพเจ้าทั้งหมด ทำไมเทพเจ้าแห่งสายฟ้าถึงถูกจัดวางให้เป็นเทพบดี คือเป็นเทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่คณะเทพที่เป็นผู้สร้างและขับเคลื่อนโลกไปตามแต่ละความเชื่อ แถมไม่ใช่แค่ธอร์เท่านั้น ในระดับเทพบดีที่เป็นราชา เราก็มีซุส ส่วนในทางตะวันออก เทพสำคัญคือพระอินทร์ที่ก็นับได้ว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสายฟ้า มีวัชระคือสายฟ้าเป็นอาวุธ
ถ้าเรามองย้อนไป ยุคก่อนที่มนุษย์เราจะรู้จักเรื่องไฟฟ้า สายฟ้านับเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ทรงพลังและมองเห็นถึงอำนาจได้อย่างประจักษ์ที่สุดปรากฏการณ์หนึ่ง เบื้องต้นทวยเทพทั้งหลายมักได้รับการยกย่องด้วยว่าเป็นเทพหรือตัวแทนของธรรมชาติที่ส่งผลกับชีวิต โดยเฉพาะกับการทำเกษตรกรรม สายฟ้า ฟ้าร้อง และฝนจึงเป็นกลุ่มเทพที่ถือว่าให้คุณให้โทษได้อย่างสำคัญและมนุษย์พึงเคารพยำเกรง
ดังนั้น ในโอกาสที่ฟ้าฝนเองก็เป็นใจ รวมถึงเป็นการต้อนรับการกลับมาของธอร์ในร่างฟิตเปรี๊ยะ เราจึงชวนกลับไปอ่านตำนานเรื่องราวของเทพเจ้าสายฟ้า ว่าทำไมและอย่างไรที่เหล่าเทพแห่งสายฟ้าจึงได้เป็นเทพที่สลักสำคัญ ธรรมชาติและอุปมาของธรรมชาติคือฟ้าร้องฟ้าผ่านั้นสำคัญและมีความหมายลึกซึ้งอย่างไรตั้งแต่ความสัมพันธ์กับอำนาจของธรรมชาติ สายฟ้าที่นัยหนึ่งก็เกี่ยวข้องกับการเกิดและความงอกงาม ไปจนถึงความเชื่อทางพราหมณ์และพุทธที่มีพระอินทร์ เทพแห่งสายฟ้าจากเทพที่เกี่ยวข้องกับไฟและการบูชา ถึงอำนาจของสายฟ้าในการตัดอัตตา
สายฟ้าไม่ใช่แค่การทำลายล้าง แต่คือการให้กำเนิด
เวลาเราคิดถึงเทพเจ้าสายฟ้า รวมถึงพฤติกรรมต่างๆ เช่นทั้งของซุสและธอร์ เราอาจจะรู้สึกว่าสายฟ้ามีอำนาจก็จริง แต่ดูทรงแล้วอำนาจของสายฟ้าจะว่าด้วยการทำลายเป็นสำคัญ ลักษณะทั่วไปของสายฟ้าฟาดคือความตระการตา ความพร่างพราย การเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และอำนาจในการฆ่าสังหาร
แต่ทว่าอำนาจและความหมายของสายฟ้านั้นยังเกี่ยวข้องกับความหมายในทางเจริญงอกงามด้วย เบื้องต้นที่สุดสายฟ้าหมายถึงสัญญาณการมาถึงของฝน ดังนั้นเทพเจ้าแห่งสายฟ้าส่วนใหญ่จึงมักพ่วงด้วยการเป็นเทพของปรากฏการณ์รายรอบ เช่น การเป็นเทพแห่งท้องฟ้า ฟ้าแลบ และสายฝน
ในบางตำนานเช่นเทพเบอัล/บาล (Baal) เทพเจ้าสายฟ้าและสายฝนในความเชื่อโบราณของอารยธรรมคานาอัน เทพแห่งสายฟ้าถูกวาดให้ฟาดหอกสายฟ้าลงไป จุดที่สายฟ้าฟาดลงนั้นก็เผยเป็นหน่ออ่อนและจุดเริ่มของความเขียวขจีและความอุดมสมบูรณ์ ในทำนองเดียวกันตำนานของชาวเม็กซิกันเองก็พูดถึงการค้นพบเมล็ดข้าวโพดจากจุดที่สายฟ้านั้นฟาดลง สายฟ้าจึงเป็นเสมือนจุดเริ่มต้น เป็นสิ่งที่ทำให้ผืนดินอุดมและเจริญงอกงาม สายฟ้าเปิดให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใต้โดยเฉพาะแหล่งน้ำและความชุ่มฉ่ำ
ประเด็นที่ว่าสายฟ้าไม่ใช่แค่การทำลายแต่คือการสร้างและความกรุณาเห็นได้จากความเชื่อของทางตะวันออกด้วย ตำนานของพระอินทร์คล้ายกับตำนานเทพเจ้าสายฟ้าของโลก เช่น ตำนานการสู้รบกับวฤตาสูร อสูรงูยักษ์ที่ขึ้นไปขโมยน้ำจากสวรรค์ทำให้ไม่มีฝนตกลงพื้นโลก พระอินทร์ได้ใช้วัชระผ่าท้อง คืนแสงสว่างและความอุดมสมบูรณ์ให้กับโลก
แสงแปลบปลาบ ไฟกลางฟ้า และสัจจะของความเด็ดขาด
ย้อนกลับมาที่พระอินทร์ พระอินทร์เป็นเทพองค์สำคัญก็จริง—คือเรารู้จัก แต่พระอินทร์เองก็เป็นอีกเทพเจ้าที่มีบทบาทและความหมายเปลี่ยนไปตามห้วงเวลาและเปลี่ยนไปตามความเชื่อที่รับเอาพระอินทร์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อ ในคัมภีร์ฤคเวท คัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุดอธิบายว่า พระอินทร์เป็นผู้สร้างโลกและเป็นประมุขของเทพเจ้า ในยุคหลังๆ โดยเฉพาะในคัมภีร์ปุราณะ บทบาทของพระอินทร์ค่อยๆ ถูกลดความสำคัญลง มีการพูดถึงพฤติกรรมเช่นเรื่องทางเพศที่ไม่เหมาะสม มีการถูกสาปและกลายเป็นเทพเจ้าชั้นรองรองจากพระตรีมูรติ
ประเด็นเรื่องไฟและสายฟ้าก็มีความเชื่อมโยงกัน ในความคิดแบบฮินดู พระอัคนีหรือไฟปรากฏอยู่ในสามรูป ในสามดินแดน คือ ไฟทั่วๆ ไปที่อยู่บนโลกมนุษย์ สายฟ้าคือไฟที่อยู่บนอากาศ และพระอาทิตย์คือไฟบนท้องฟ้า ไฟในรูปลักษณ์ต่างๆ จึงนับเป็นองค์ประกอบและเป็นสื่อกลางสำคัญที่ทั้งขับเคลื่อนโลกมนุษย์เช่นพระอาทิตย์ และเป็นสื่อกลางระหว่างมนุษย์และสรวงสวรรค์
ต่อมาในยุคพระพุทธศาสนา คัมภีร์ของพุทธเองก็มีการผนวกเอาพระอินทร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลวิทยาแบบพุทธ และเป็นการอธิบายมุมมองและปรัชญาของพุทธศาสนาที่มีต่อเทพเจ้าและความเชื่อแบบเทวนิยม ดังนั้นเราเองก็เลยจะคุ้นกับพระอินทร์ในความเชื่อแบบพุทธ เป็นเทพบนสวรรค์ เป็นตัวแทนของผู้มีบุญและผู้กระทำบุญ ในบางรายละเอียดเช่นการเปลี่ยนความคิดเรื่องการบูชายันต์ ในความเชื่อแบบพราหมณ์ที่สัมพันธ์การปกครองพูดถึงการทำบูชายันต์เพื่อให้ไปเกิดเป็นพระอินทร์ คือการทำอัศวเมธ พิธีว่าด้วยการแสดงบารมีผ่านการขยายอาณาเขตด้วยการปล่อยม้า การฆ่าฟันและการบูชายันต์ ในทางพุทธก็บอกว่าทำอย่างอื่นก็เป็นผู้ปกครองที่ดีได้ เช่น ส่งเสริมการเกษตร พูดจาดีเป็นที่รัก ส่งเสริมข้าราชการ
กลับมาที่การรับพระอินทร์และอุปมาของสายฟ้าเข้าสู่พุทธศาสนา ชื่ออาวุธของพระอินทร์คือวัชระ วัชระที่เรารู้จักคือเป็นอาวุธสั้น มีคมคล้ายดอกบัว แต่ในบางตำนานเช่นในคัมภีร์ฤคเวทอธิบายว่า วัชระมีลักษณะเป็นตะบองยักษ์ที่มีซี่ฟันนับพันประดับอยู่ บางตำนานกล่าวว่าการใช้วัชระนั้นคล้ายกับฆ้อนมโยเนียร์ของธอร์ คือใช้ขว้างออกไป (ฤคเวทบางครั้งเรียกพระอินทร์ว่าผู้ขว้างอาวุธอันมีสี่คม) อาวุธนี้เมื่อโยนออกไปแล้วจะบินกลับมาสู่มือผู้โยน วัชระมีรูปร่างไม่ชัดเจน บ้างก็อธิบายว่ามีร้อยปล้อง บ้างก็ว่ามีสี่คมไปจนถึงพันคม แต่ในคำอธิบายก็อาจจะคล้ายประกายของฟ้าผ่าตามที่คนโบราณมองเห็นในธรรมชาติอยู่บ้าง ตัววัชระเองก็มีที่มาที่น่าขนลุก คือสร้างขึ้นจากกระดูกฤาษีตนหนึ่ง จึงไม่แน่ว่าลักษณะของวัชระเช่นการนิยามว่าเป็นปล้อง เป็นท่อน อาจจะมีภาพมาจากกระดูกเช่นกระดูกสันหลังหรือกระดูกขามนุษย์
จากสายฟ้าที่ทรงอำนาจมาจนถึงยุคพระพุทธศาสนา คำว่าวัชระเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาโดยเฉพาะมหายานและวัชรยาน สายฟ้านับเป็นอุปมาสำคัญ เป็นเครื่องมือและเป็นอาวุธของพระโพธิสัตว์ สายฟ้าเป็นตัวแทนของความว่องไว เป็นเครื่องมือและสัญญะของการตัดกิเลสและการทำลายตัวตนอัตตาอย่างไร้ปราณี ภาพของสายฟ้าจึงมีความน่าสนใจในฐานะแสงแวบที่ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันกลางความมืด
ย้อนกลับมาที่ธอร์ สำหรับธอร์เองเป็นเทพเจ้าสายฟ้า ด้วยอาวุธคือฆ้อนมโยเนียร์ (Mjölnir) ตามตำนานก็เหมือนกับในหนัง คือ เมื่อฆ้อนวิเศษฟาดหรือกระทบลงไปที่ศัตรูจะเกิดเป็นฟ้าผ่าฟาดลง ตามตำนานของนอร์สเชื่อว่าธอร์เป็นเทพเจ้าแห่งพละกำลัง และเชื่อว่าพละกำลังนั้นมีหน้าที่ปกป้องดูแลผู้คนและขับไล่ความชั่วร้าย สายฟ้าจึงเป็นแกนกลางของความดีงามและการปกป้องมนุษย์จากสิ่งชั่วร้ายต่างๆ
ชื่อของธอร์เองก็มีรากศัพท์เดียวกันกับสายฟ้า คือ Thor-thunder ในสมัยก่อนฟ้าผ่าและฟ้าร้องถือว่าเป็นเทพและรูปลักษณ์ปะปนกัน รากศัพท์ของ Mjölnir มีความหมายว่าสายฟ้า (lightning) หรือเครื่องก่อสายฟ้า โดยในบทกวีโบราณเช่น The Poetic Edda ก็พรรณาถึงอำนาจของฆ้อนว่า เมื่อโยนไปที่ไหนแล้ว ฆ้อนก็จะบินกลับมาสู่มือผู้ใช้เหมือนกับบูเมอแรง โดยฆ้อนมโยเนียร์นับเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของการให้พรและการเฉลิมฉลองความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในความเชื่อแบบนอร์ส
ดังนั้น ธอร์ที่เรารู้จักผ่านมาร์เวลก็ดูจะยังสืบทอดนัยของความเป็นเทพสายฟ้า ที่อันที่จริงนอกจากความล่ำแล้ว ก็นำเอาความหมายของสายฟ้ามาประกอบเป็นเทพเจ้าด้วย ไม่แปลกที่ธอร์เองก็นับว่าเป็นเทพที่ยึดมั่นในการปกป้องและต่อสู้กับความชั่วร้าย แต่ในขณะเดียวกัน ลักษณะสำคัญของสายฟ้าคือความเปลี่ยนแปลง การคาดเดาไม่ได้ ซึ่งบางที พี่แกก็อาจจะผิดหวังจนทำตัวเละๆ เทะๆ ลงพุงไปบ้าง ก็ถึงเวลาที่เทพเจ้าแห่งสายฟ้าจะกลับมาดำรงความยุติธรรมอีกครั้ง
อ้างอิงข้อมูลจาก
Illustration by Sutanya Phattanasitubon