หากจะพูดถึงหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ซูปเปอร์เวรี่ฮิตในช่วงปี 2000 คงเป็นไปได้ยากมากที่จะข้ามหนังชุด X-Men เพราะมันคือการรวมพลของเหล่ายอดมนุษย์ที่มีพลังหลากหลายแบ่งฝั่งกันไฝว้กันตูมตามสะใจคนดู
ในปี 2016 นี้ X-Men กลับมาอีกครั้งกับภาค Apocalypse มีตัวร้ายโดดเด่นที่หลายคนคุ้นเคยจากเกมแนวต่อสู้มาปรากฏตัวด้วย แถมนักแสดงในภาคนี้ใช้ดารากลุ่มใหม่ที่เคยเข้าชิงออสการ์หลายคนทีเดียว ดังนั้นคนที่ยังไม่ได้ดูจึงคาดหวังว่าภาคนี้มันจะต้อง หืม…อรรถรสชัวร์!
แต่ทว่าเมื่อหนังรอบสื่อผ่านไป ความเห็นของคนดูกลับแตกแยกราวกับจะเปิดศึกกลางเมืองอย่างไรอย่างนั้น ? …ในฐานะคนที่ยังไม่ได้ดู เราจึงลองไปหาคำตอบว่า พวกเขาโอแล้วไม่โอกับอะไรในหนังเรื่องนี้นะ
#ทีมหนังก็โอนะ
เราได้สอบถามผู้ชมทั่วไปและนักวิจารณ์ที่ชื่นชมเรื่องนี้อยู่จำนวนหนึ่ง เรื่องที่เห็นพ้องไปทางเดียวกันก็คงไม่พ้นเรื่องการเข้าถึงง่าย เพียงแค่มีตัวร้ายระดับโลกมามุ่งหมายทำลายล้าง ทีม X-Men ก็เลยต้องยกพลไปตีพี่แกก่อนเรื่องจะบานปลาย (โอ้ว) แล้วพอแบ่งข้างอย่างนี้เหล่ามิวแทนท์จึงโผล่มากันพรึบพรับ เรียกได้ว่าตีตั๋วใบเดียวได้ฮีโร่นับสิบ คุ้มมั่กๆ
ฉากโชว์พลังพิเศษก็มาพร้อมเอฟเฟคท์จัดหนักจัดเต็ม แถมยังทำให้แฟน X-Men ฉบับภาพยนตร์ได้กรี๊ดกร๊าดกับตัวละครเก่าที่กลับมาอีกครั้งอย่างสมศักดิ์ศรี ส่วนนักแสดงมาใหม่หลายคนก็หล่อสวยน่ากิน… เอ๊ย เข้ากับคาแรคเตอร์ของตัวละคร คอการ์ตูนก็มองว่าหลายๆ อย่างในภาพยนตร์ดึงมาจากหนังสือการ์ตูนได้อย่างตรงเผง ซึ่งคอการ์ตูนอาจกรี๊ดแต่คนอื่นคงงงๆ กันไป
มุมมองของฝั่งนักวิจารณ์บางท่านเห็นว่าในความเรียบง่ายนั้นมีความลึกล้ำดุจปรัชญาเซนซ่อนอยู่ อย่างการตีความในเชิงศาสนวิทยาที่เทียบเคียงว่าพระเจ้าสุดท้ายแล้วก็อาจจะไม่ได้ควบคุมมนุษย์ได้เสมอไป รวมถึงว่าความหวังนั้นไม่จำเป็นจะต้องมีอยู่ในพลังพิเศษเท่านั้นแต่มีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกผู้คน (สาธุ)
#ทีมหนังไม่โอว่ะ
เพื่อฟังความให้ครบถ้วนเราจึงหาข้อมูลจากอีกฝั่ง ความเห็นทางบอกว่าหนังไม่โอก็อธิบายกันว่าหนังเดินเรื่องเร็วเกินไป ทำให้สิ่งที่เคยทำไว้ในภาพยนตร์สองภาคก่อนหน้านี้โดนลดความดีงามไป การกระทำของตัวละครแต่ละตัวก็ดูมักง่ายมากขึ้น ไม่ได้คิดย้อนถึงภูมิหลังของตัวละครแบบที่เคยทำมา
ถึงมีตัวละครใหม่มากมายน่าค้นหาแต่ก็มีการชี้เป้ากลับมาว่าตัวหนังเลือกจะส่องสปอทไลท์ไปเฉพาะตัวละครที่เรตติ้งดีมาตั้งแต่ก่อนหนังภาคใหม่ฉาย จนทำให้ตัวละครใหม่อีกกลุ่มใหญ่ที่แนะนำมาจืดชืดราวกับน้ำเปล่าใส่น้ำแข็งที่ทิ้งไว้ข้ามคืน เหมือนพยายามใส่ตัวละครเยอะๆ หนังจะได้ดูเต็มๆ แล้วก็เผื่อทำภาคแยกของตัวละครนั้นๆ
นักวิจารณ์บางท่านนอกจากจะซัดตูมไปยังบทที่กลวงโบ๋จนทำให้หนังเรื่องนี้ดูหลุดลอยออกภาคก่อนหน้านี้ พวกเขายังรู้สึก ‘ เสียดายของ’ เพราะในกลุ่มนักแสดงชุดใหญ่นี้มีนักแสดงสายรางวัลร่วมวงอยู่ไม่น้อย บางคนถึงขั้นออกปากว่า ถ้าไม่ใช่ติ่งหนัง ไม่ใช่แฟนการ์ตูน หรือไม่เคยดูหนังภาคก่อนหน้านี้ ก็เก็บเงินไว้แล้วรอดูแผ่นทีหลังยังได้
#สิ่งที่พูดตรงกันทั้งสองฝั่ง
ใช่ว่าทั้งสองกลุ่มนี้จะไม่มีจุดสมานฉันท์กันเลย The Matter เห็นว่าพวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่าบรรยากาศที่บิลด์มาให้เชื่อว่านี่ล่ะยุค 80 เพลงที่รัวด้วยกลองไฟฟ้าตกยุคซึ่งเข้ากันมากๆ กับตัวละครที่มาพร้อมเสื้อผ้าหน้าผมยุคดิสโก้เฟื่องฟู มันต้องแบบนี้สิครับพี่น้อง!!! (ผู้เขียนหาได้เกิดทันยุคดิสโก้รุ่งเรืองแต่ผู้ให้สัมภาษณ์กล่าวไว้เช่นนั้น) นอกจากนี้ยังมีความนอนเซนส์ในการรวมตัวเหล่าร้ายที่เหมือนพี่แกเดินมาแล้วก็แอ๊วหนุ่มสาวตรงหน้าไปเรื่อยๆ ซะงั้น
#ทีมยังไม่ได้ดู
วกกลับมายังคนกลางที่ยังไมได้ดูและรับฟังคนทั้งสองฝั่งไปแล้วก็เห็นว่า X-Men Apocalypse ยังเป็นภาพยนตร์ที่น่าดูสำหรับคนที่ตามมาตลอดอยู่ (อย่างผู้เขียนเองดู 5 ภาคก่อนหน้ามาแล้ว) แต่สำหรับแขกขาจรหรืออยากได้อะไรหนักๆ แบบที่ Captain America : Winter Solider เคยให้ล่ะก็ ต้องทำใจกันหนักๆ กันก่อนตีตั๋วเลยทีเดียว