Now I’m out here looking like revenge
Feelin’ like a 10, the best I ever been
And yeah, I know how bad it must hurt
To see me like this, but it gets worse
ท่ามกลางเพลงป๊อปที่ฟังดูคล้ายคลึงกันไปหมดในคลื่นวิทยุ น้ำเสียงทรงพลังของ เดมี โลเวโต (Demi Lovato) เชิญชวนให้เราตั้งใจฟังซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้มใหม่—อัลบั้มที่หญิงสาวบอกว่าสะท้อนตัวตนของเธอในวัย 25 ปีได้ดีที่สุด
แม้อายุอานามจะเพิ่งเข้าเบญจเพส แต่เดมีไม่ใช่นักร้องหน้าใหม่ในวงการแต่อย่างใด อันที่จริง พวกเราหลายคนได้ร่วมสังเกตการณ์การเติบโตของเธอผ่านสื่อต่างๆ เรื่อยมา จากเด็กหญิงวัย 10 ขวบในรายการ Barney & Friends ทางช่อง Disney Channel สู่ทีนควีนที่สาวๆ เชิดชูใน Camp Rock (2008) และ Sonny with the Chance (2009-2011) จนกลายมาเป็นป๊อปดีว่าเจ้าของหลายบทเพลงระดับมัลติ-แพลตตินัม (ยอดขายทะลุ 2 ล้านยูนิต) เช่น Skyscraper, Heart Attack, Cool for the Summer และ Sorry Not Sorry
ย่อหน้าด้านบนอาจฟังดูสวยหรูสำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามชีวิตของเดมีแบบติดขอบสนาม ในความเป็นจริง ความสำเร็จเหล่านี้แลกมาด้วยแรงกายและแรงใจมหาศาลของเธอ โดยเฉพาะแรงใจที่ต้องใช้เพื่อเอาชนะอาการติดยา ติดแอลกอฮอล์ โรคไบโพลาร์ และโรคบูลิเมียพร้อมๆ กันในขณะที่เธอมีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น!
โดยเรื่องราวทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์สารคดี Demi Lovato: Simply Complicated (2017) ที่เพิ่งเผยแพร่ใน Youtube เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา เดมีเปิดเปลือยทุกแง่มุมในชีวิตของเธอ ตั้งแต่เรื่องเบสิกอย่างชีวิตก่อนเข้าวงการ ช่วงพีคของอาชีพนักแสดงและนักร้อง ไปจนถึงเรื่องส่วนตัวอย่างความรัก รสนิยมทางเพศ การสิ้นสุดความสัมพันธ์อันยาวนาน รวมถึงเรื่องสุดดาร์กอย่างการเสพยาและการทำร้ายร่างกายผู้อื่น
เป็นที่รู้กันในหมู่แฟนคลับว่าเดมีเป็นคนเปิดเผยและกล้าพูดในสิ่งที่หลายคนเลือกที่จะเก็บงำ ซึ่ง Simply Complicated ตอกย้ำลักษณะนิสัยข้อนี้ได้เป็นอย่างดี
‘ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไร’ ผู้สัมภาษณ์ถามในไม่กี่นาทีแรกของสารคดี
“อันที่จริงฉันกังวลเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ครั้งนี้มากๆ” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเคร่งขรึม “เพราะครั้งสุดท้ายที่ฉันให้สัมภาษณ์ยาวขนาดนี้ ฉันกำลังเสพโคเคนอยู่”
จริงๆ ฟังแค่นี้ก็ว่าพีคแล้ว แต่เรื่องยังพีคได้อีก เพราะ ‘สัมภาษณ์ยาวขนาดนี้’ ที่เดมีกล่าวถึงคือการสัมภาษณ์ในภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Demi Lovato: Stay Strong (2012) ซึ่งตามติดชีวิตเธอหลังออกจากสถานบำบัดยาเสพติดมาหมาดๆ และทุกคนล้วนยกย่องเดมีในฐานะวัยรุ่นตัวอย่างที่ก้าวพ้นจากวังวนของยาเสพติดได้สำเร็จ…
สำหรับเรา Simply Complicated จึงเป็นเหมือน ‘การแก้ตัว’ โดยการบอกเล่าความจริงให้บรรดาแฟนคลับได้รู้ว่าเดมีเป็นอย่างไรกันแน่หลังออกจากสถานบำบัดในครั้งนั้น ความจริงคือนักร้องสาวยังไม่สามารถเลิกยาได้อย่างเด็ดขาด แถมกลับมาเสพอย่างหนักหน่วงกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ บางครั้งเธอขึ้นแสดงด้วยอาการเมามายอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายของเธอซูบซีดผ่ายผอม ส่วนอารมณ์ก็ดาร์กเกินกว่าคนรอบตัวจะรับมือได้
แต่แน่นอนว่าพวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ผู้จัดการส่วนตัวของเดมี Phil McIntyre เริ่มต้นจากการตักเตือนและขอให้เธอเข้ารับการรักษาอีกครั้ง แต่เมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผล เขาจึงต้องใช้ไม้แข็ง โดยรวบรวมคนใกล้ตัวและทีมงานมาประชุม ‘Intervention’ (การแทรกแซงเมื่อใครบางคนมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมจนเกินทานทน) พร้อมขู่ว่าจะทิ้งเธอไป เดมีจึงยอมเข้ารักษาตัวในสถานบำบัดในที่สุด
อย่าเพิ่งคิดไปว่าหญิงสาวทำตัวเป็นเด็กไร้เหตุผล เพราะการดื้อรั้นของเดมีตั้งอยู่บนฐานความคิดที่ว่า เมื่อมีตัวช่วยเป็นยาเสพติดและแอลกอฮอล์ เธอสามารถควบคุมและจัดการทุกอย่าง—ความเครียดจากหน้าที่การงาน แรงกดดันจากสังคม และอื่นๆ—ได้อยู่หมัด ดังนั้นการแทรกแซงที่ทำให้เธอตระหนักว่าตัวเองกำลังเก็บกดปัญหาเอาไว้ และรับรู้ความห่วงใยจากคนรอบตัวจึงสำคัญมาก ทั้งยังถือเป็นก้าวแรกสู่การรักษาตัวอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องชื่นชมคนรอบตัวที่พร้อมช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่
ในปี 2017 นี้เดมีเลิกยาและแอลกอฮอล์มาครบ 5 ปีแล้ว พร้อมกลับมามีร่างกายที่สมส่วนและแข็งแรงจากการทานอาหารถูกหลักและการออกกำลังกายเป็นประจำ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราประทับใจเป็นพิเศษกลับไม่ใช่พัฒนาการของเธอ แต่เป็นการที่หญิงสาวเปิดเผยว่า แม้จะเห็นเธอกำลังไปได้สวยทั้งในหน้าที่การงานและการรักษาตัว แต่เธอก็มีวันแย่ๆ เหมือนกัน บางครั้งเธอหลุดกลับไปกินไม่ยั้ง (binge eating) และบางครั้งเธอก็คิดว่ามันคงจะง่ายกว่านี้ถ้าเธอใช้ ‘ตัวช่วย’ แบบเมื่อก่อน
ความจริงใจอันเป็นซิกเนเจอร์ประจำตัวของเธอชนะใจเราไปเลย เพราะเดมีจะสร้างภาพตัวเองให้ตัวเองดูดีสมบูรณ์แบบก็ได้ แต่เธอเลือกที่จะพูดความจริง ซึ่งความจริงนี้ช่วยให้คนที่ประสบปัญหาคล้ายกันกับเธอรู้ว่า การรักษาตัวให้หายดีไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน แต่เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาหลายเดือน หรือหลายปีด้วยซ้ำไป ซึ่งระหว่างนั้นอาการก็อาจจะขึ้นๆ ลงๆ ได้บ้างเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยอมแพ้โดยสิ้นเชิงเสียหน่อย
“ฉันคิดว่าผู้คนมองฉันเป็นบุคคลต้นแบบเพราะฉันไม่สมบูรณ์แบบ ฉันซื่อสัตย์เกี่ยวกับความเป็นไปของตัวเองในตอนนี้” นักร้องสาวให้สัมภาษณ์กับ billboard.com “การอธิบายเรื่องพวกนี้ต่อหน้ากล้องเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับฉัน แต่มันจำเป็น ผู้คนควรจะได้รู้ว่าการรักษาตัวไม่ใช่การเดินทางที่สวยหรู ไม่ใช่ว่าทุกวันจะง่าย บางวันก็ท้าทายใช่เล่นเหมือนกัน”
นอกจากออกมาเป็นกระบอกเสียงให้กับผู้ป่วยโรคจิตเวชแล้ว เดมียังก้าวเข้าสู่การเป็นนักเคลื่อนไหวและคนทำงานเพื่อสังคม (แทบจะ) เต็มตัว โดยหญิงสาวก่อตั้ง Lovato Treatment Scholarship Program ซึ่งสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้กับผู้ป่วยโรคจิตเวชที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพราะเธอตระหนักว่ายังมีผู้ป่วยอีกมากที่เข้าไม่ถึงการรักษา ซึ่งเธอจริงจังกับเรื่องนี้มากถึงขั้นขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์ในงาน Hill Day ของ National Council for Behavioral Health เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปรับปรุงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต
“สิ่งที่ฉันอยากเห็นคือการปฏิรูปนโยบายด้านสุขภาพจิตของภาครัฐ และฉันคิดว่าผู้คนควรเข้าถึงการรักษาโรคจิตเวชได้มากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้” เธอกล่าว
และดูเหมือนว่าเดมีจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ เพราะเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เธอเข้ารับตำแหน่งเป็น ‘ทูตสุขภาพจิต’ (Mental Health Ambassador) ประจำองค์กร Global Citizen โดยภารกิจหลักของเธอคือการทำลายภาพจำแง่ลบ (stigma) ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต รวมทั้งร่วมโปรเจกต์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งโปรเจกต์แรกของเธอในตำแหน่งคือการช่วยเหลือเด็กๆ ผู้อพยพในประเทศอิรักกับองค์กร Save the Children
แม้อายุอานามจะเพิ่งเข้าเบญจเพส แต่ประสบการณ์ชีวิตของป๊อปดีว่าสาวคนนี้กลับเต็มไปด้วยสีสันครบทุกโทน ยิ่ง เธอเคยไต่บันไดขึ้นสูง แต่ก็เคยตกลงเหวลึกเช่นกัน เธอเคยปิดบังความจริง แต่ตอนนี้เธอเปิดเผยทุกสิ่งและใช้เสียงของตนเองอย่างเต็มที่
ด้วยเสียงที่ขับร้องบทเพลงระดับมัลติ-แพลทตินัม และเสียงที่ช่วยเหลือคนอื่น—ซึ่งควรได้รางวัลที่ยิ่งใหญ่กว่ามัลติ-แพลตตินัมเสียอีก
อ้างอิง