ที่นี่ไม่มีเวที ไม่มีอัฒจันทร์ หรือที่นั่งชั้นบ็อกซ์ซีท มีเพียงพื้นถนนฟุ้งฝุ่นดินสีแดงยามผู้แสดงทั้งหลายขยับร่างกายตามจังหวะกลองและกะพรวนจากเศษเหล็กที่ข้อเท้าเท่านั้น
การแสดงไร้คอสตูมหรูหราอลังการ มีแต่ชุดกระโปรงจากผ้าพื้นบ้านสีสันสดใส เวลาเริ่มโชว์ก็ไม่มีกำหนดไว้ตายตัว หากอาศัยความหนาแน่นของจำนวนผู้ชมเป็นตัวชี้วัด เมื่อไหร่ที่คนเยอะพอนั่นแหละถึงจะเป็นเวลาเริ่มที่แท้จริง
และที่สำคัญที่สุด นักแสดงที่โลดแล่นบนเวทีใช่มีเพียงแค่มนุษย์เท่านั้น แต่ยังประกอบไปด้วยลิงบาบูน งูพิษ หรือแม้กระทั่งไฮยีน่าที่กระโดดกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับมนุษย์จนดูราวกับกำลังเต้นรำด้วยกัน
พบกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่ไม่ได้ถูกบรรจุอยู่ในการ์ตูน แต่มาจากชีวิตของคนจริงๆ, ชีวิตของคณะละครสัตว์เร่ที่หากินกับสัตว์ดุร้าย และจับพลัดจับผลูกลายเป็นภาพมีม ลายกราฟิตี้ และแรงบันดาลใจของศิลปินสาวทรงอิทธิพลชื่อบียอนเซ่!
ถ้าพร้อมแล้ว, ยินดีต้อนรับสู่โลกเวทมนตร์ของ Hyena Men
Hyena Men หรือกลุ่มชายชาวไนจีเรียนที่เดินทางไปเปิดโชว์สัตว์ร้ายตามที่ต่างๆ ทั่วประเทศเป็นที่รู้จักขึ้นมาเมื่อสิบปีที่แล้วผ่านภาพถ่ายชุด The Hyena & Other Men ของช่างภาพชาวแอฟริกาใต้—Pieter Hugo ภาพอันทรงพลังของชายฉกรรจ์ที่โพสต์อย่างเป็นธรรมชาติคู่กับไฮยีน่าและสัตว์ร้ายอื่นๆ ดึงดูดสายตาชาวโลกให้อยากรู้จักคนกลุ่มนี้ให้มากขึ้น
“เพื่อนของผมคนหนึ่งส่งอีเมลที่มีรูปชายกลุ่มนี้บนถนนท่าทางเหมือนคนทวงหนี้มาให้ดู” Hugo กล่าว “ทันทีที่ผมเห็นภาพเหล่านั้นผมรู้ทันทีว่าต้องไปเจอและถ่ายรูปพวกเขาให้ได้” นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ช่างภาพหนุ่มวัยสามสิบออกเดินทางร่วมกับเหล่า Hyena Men เป็นเวลาแปดวันเพื่อเก็บภาพเซ็ตที่โด่งดังที่สุดเซ็ตหนึ่งของเขาเอง
หากใครเคยได้ยินคำกล่าวว่าแอฟริกาคือทวีปที่มีสีสันที่สุดเราเชื่อว่าโชว์ของ Hyena Men ต้องเป็นหนึ่งในสีที่แต่งแต้มทวีปนี้แน่นอนเพราะโชว์ของพวกเขานั้นจัดจ้านเหลือเกิน ทั้งการกอดรัดฟัดเหวี่ยง แบกไฮยีน่าไว้บนหลัง หรือแม้แต่ขี่พวกมันเพื่อแสดงความแข็งแรงและพาวเวอร์ของมนุษย์ พวกเขายังฝึกให้ลิงบาบูนกระโดดตีลังกา เล่นกับงูเห่า หรือวิ่งเก็บเงินจากคนดู แถมด้วยโชว์อมงูไว้ในปากหรือให้งูเลื้อยลงไปในกางเกง เมื่อหมดวัน นอกจากความฮือฮาที่ผู้ชมทิ้งไว้ให้แล้ว ยังมีเงินจำนวนมากพอที่จะเลี้ยงครอบครัวทิ้งไว้ให้พวกเขาอีกด้วย
เบื้องหลังของ Hyena Men ผู้โด่งดังคือครอบครัวที่มีอาชีพค้าขายสมุนไพรและยาพื้นบ้าน พวกเขาเดินทางขายยาและสมุนไพรมาหลายชั่วอายุคนจนกระทั่งวันหนึ่ง ใครสักคนในครอบครัวได้พกงูพิษและลิงไปกับเขาด้วยระหว่างทริปและต้องตกใจเมื่อมีผู้คนให้ความสนใจมากขึ้นจนยอดขายพุ่งพรวด พ่อค้าหัวใสกลุ่มนี้จึงได้ความคิดจะนำสัตว์ดุร้ายอย่างไฮยีน่า งู และลิงบาบูนมาเป็นจุดขายของพวกเขา และเป็นจุดเริ่มต้นของตำนาน Hyena Men ในเวลาต่อมา
แต่ใช่ว่าเมื่อคิดจะนำสัตว์มาแสดงแล้วจะทำได้ทันที พวกเขาจึงต้องมีตัวช่วยพิเศษเป็นยาสมุนไพรสูตรลับเฉพาะที่เชื่อว่าจะปกป้องพวกเขาจากพิษของสัตว์ดุร้าย และทำให้แม้แต่ไฮยีน่าก็ต้องยอมสยบใต้คำสั่งของพวกเขา ส่วนลูกไฮยีน่าเมื่อโดนจับมาจะถูกป้อนยาที่ทำให้ลืมชีวิตในถ้ำกับแม่ของมันและเชื่องกับเจ้าของอย่างที่เห็น จนเกิดเสียงร่ำลือไปไกลในหมู่ชาวไนจีเรียนว่าพวกเขาคือผู้ครอบครอง ‘เวทมนตร์’ บางคนถึงกับเชื่อว่าบางเสี้ยววิญญาณของพวกเขามีสปิริตของไฮยีน่าแฝงอยู่เลยทีเดียว
อันที่จริง วิถีชีวิตของพวกเขาไม่ได้มีแต่การเร่โชว์เท่านั้น เพราะในช่วงฤดูเกษตร เหล่า Hyena Men จะอยู่กับครอบครัวที่บ้านทางตอนเหนือของประเทศเพื่อทำไร่ทำสวนอย่างชาวบ้านทั่วไป จนกระทั่งถึงช่วงพักจากการทำสวนนั้นที่พวกผู้ชายจะแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยเครื่องแต่งกายจากผ้าทอพื้นบ้านสีสันสดใส เช่ารถตู้ และพาบรรดาสัตว์ออกเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อเปิดการแสดงอย่างที่เราเห็นกัน
สำหรับหนุ่มๆ ที่มาดูโชว์แล้วติดใจอยากเป็น Hyena Men ขึ้นมาก็อาจต้องเสียใจเมื่อพวกเขาจะสืบทอดกันรุ่นต่อรุ่นอย่างเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะในครอบครัวเท่านั้น โดยตั้งแต่เกิด เด็กน้อยจะถูกป้อนและอาบยาสูตรพิเศษเพื่อให้มีภูมิต้านทานต่อสัตว์ร้าย และถูกฝึกให้คุ้นชินกับสัตว์ต่างๆ ในรั้วบ้าน (ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่หมา แมวทั่วไป) ก่อนเติบใหญ่มารับช่วงกิจการต่อในที่สุด
พูดถึงเรื่องยาสมุนไพร นอกจากยาสูตรลับเฉพาะที่ว่าและธูปสมุนไพรที่พวกเขาเอาไว้จุดเมื่อออกล่าสัตว์แล้ว ยาที่เป็นสินค้าและรายได้หลักของครอบครัวนั้นยังมีอีกหลากหลายแบบบรรจุมาในถุงพลาสติกง่ายๆ ทั้งยาที่ (พวกเขาเคลมว่า) รักษาโรคมาลาเรีย อาการปวดข้อ อาการปวดท้อง พิษสัตว์แมลงกัดต่อย หรือแม้กระทั่งป้องกันชาวบ้านจากเวทมนตร์ของแม่มด ส่วนพ่อแม่ก็มักจะพาลูกๆ มาขี่หลังไฮยีน่าเพราะเชื่อกันว่าวิญญาณของไฮยีน่าจะคอยคุ้มครองเด็กจากความเจ็บป่วย ฝันร้าย และแม่มดซึ่งยังเป็นความเชื่อของความไนจีเรียนส่วนใหญ่ทุกวันนี้
Hyena Men ต่างบอกว่าโชว์ของพวกเขามักได้รับการตอบรับอย่างดีทุกครั้งไม่ใช่แค่จากแฟนๆ สัตว์ดุร้าย (ที่บางคนก็มาดูหลายปีติดกัน) แต่ยังมีกลุ่มคนที่เดินทางมาเพราะชอบยาของพวกเขา หรือบางคนแค่เคยได้ยินชื่อเสียงเลยอยากมาลองซื้อยาวิเศษนี้ไปใช้บ้างก็มี
แม้จะมีแฟนคลับมากมายแต่ชายกลุ่มนี้ก็ได้รับคำวิจารณ์เยอะว่าพวกเขาทารุณกรรมสัตว์ ส่วน Hugo ผู้เคยติดสอยห้อยตามพวกเขาไปถ่ายรูปกล่าวไว้ว่าคนและสัตว์กลุ่มนี้ล้วนต้องพึ่งพาอาศัยกัน แต่ที่เซอร์ไพรส์คือสัตว์ที่ผู้คนมักจะกลัวอย่างไฮยีน่ากลับไม่เคยแสดงท่าทีก้าวร้าวเลยทั้งยังดูแฮปปี้ดีขอแค่พวกมันมีอาหารกินอิ่มทุกมื้อ ในขณะที่ลิงบาบูนมักจะอาละวาดและซุกซนทำให้โดนลงโทษจากชายเหล่านั้นบ่อยๆ ซึ่งนั่นทำให้เขาเศร้าใจมาก
ถึงอย่างนั้น ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากชาติตะวันตก การแสดงของพวกเขาก็ยังถูกกฎหมายในไนจีเรียอยู่ตราบใดที่บรรดาสัตว์เลี้ยงได้รับวัคซีนต่อเนื่องทุกปี แถมเมื่อภาพถ่ายของ Hugo ถูกเผยแพร่ พวกเขายังกลายเป็นภาพจำของวัฒนธรรมไนจีเรีย กลายเป็นภาพกราฟฟิตี้ในกรุงปารีส และกลายเป็นเรฟเฟอเรนซ์ให้กับซีนที่บียอนเซ่จูงไฮยีน่าด้วยท่าทางนางพญาในเอ็มวี Run the World (Girls) ของเธอ แต่ Hugo กลับไม่ค่อยพอใจนักแถมยังให้สัมภาษณ์ด้วยว่า “ผมคิดว่าเหล่า Hyena Men คงกำลังสงสัยอยู่ว่าพวกเขาจะได้ค่าตอบแทนบ้างมั้ยเนี่ย!
ด้วยความโด่งดัง หนังสือพิมพ์บางฉบับเคยลงข่าวด้วยความสงสัยว่าแท้จริงพวกเขาคือกลุ่มนักทวงหนี้ บ้างก็ว่าเป็นโจรปล้นธนาคาร หรือแม้แต่กล่าวหาว่าพวกเขาเป็นพ่อค้าขายยา (ที่ไม่ใช่ยาสมุนไพรด้วยซ้ำ) ซึ่งคำถามเหล่านี้ยังคงเป็นปริศนาและเอาเข้าจริงก็ไม่มีใครรู้อย่างแน่ชัดว่าเบื้องหลังของพวกเขาคืออะไรกันแน่
แต่ที่แน่ๆ คงไม่มีใครอยากแหยมกับผู้ชายที่จูงไฮยีน่าแน่นอน
ที่มา