ในอุตสาหกรรมดนตรี ถ้าวงสักวงจะเกิดได้อย่างครบถ้วนกระบวนความ อาจต้องมีเรื่องของ ‘ภาพ’ เข้ามาเกี่ยวด้วย และถ้า The Velvet Underground มี Andy Warhol ช่วยส่งให้พวกเขากลายเป็นไอคอนวงสำคัญของดนตรีอาว็องการ์ด ทางด้าน Sex Pistols วงพ่อแห่งดนตรีพังก์ก็มี Malcolm McLaren ที่ช่วยหนุนพวกเขาภายใต้ punk movement
ฉันใดฉันนั้น อัลบั้มชุดล่าสุดของ The Xx อย่าง I See You ก็มี Alasdair McLellan เป็นคำตอบ
ไม่เพียงแต่ซาวด์อัลบั้มที่สว่างขึ้นอย่างชัดเจน ภาพที่ปล่อยออกมาก็มีความเป็นมิตรมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะภาพในมิวสิกวิดีโอ On Hold ที่บ่งบอกชัดเจนถึงไดเร็กชั่นของอัลบั้มใหม่ และเต็มไปด้วยลายเซ็นของ Alasdair McLellan ช่างภาพแฟชั่นชื่อดัง ที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับมิวสิกวิดีโอครั้งแรก
‘ท้องฟ้าไล่สีในเท็กซัส ความสัมพันธ์ของชีวิตวัยรุ่น ปาร์ตี้ สเก็ตบอร์ด อเมริกันฟุตบอล เชียร์ลีดเดอร์ เซ็กซ์ และวงดนตรีที่มาในสีดำ’ อะไรอย่างนี้
“จริงๆ เราคุยกันไว้นานมากแล้วว่าอยากทำงานร่วมกัน พอมีโอกาสผมก็ไม่อยากทำแค่งานภาพถ่าย ผมอยากทำอะไรที่มันท้าทายกว่านั้น เลยทำมิวสิกวิดีโอมันด้วยซะเลย” McLellan เล่า “ไอเดียหลักๆ คือเราจะถ่ายเอ็มวีในทุกที่ที่พวกเขาทำอัลบั้มชุดนี้ และถ่ายทอดเมืองนั้นๆ ให้ออกมาในรูปแบบของวง ไม่มีอะไรต้องเจาะจงเป็นพิเศษ มีแค่องค์ประกอบดีๆ ไม่ปรุงแต่ง และเรียบง่าย”
มิวสิกวิดีโอเพลงแรก ‘On Hold’ ถ่ายทำที่เท็กซัส ตัวที่สองคือ ‘Say Something Loving’ ถ่ายทำที่ลอนดอน ล่าสุด The Xx เพิ่งปล่อยเอ็มวีตัวที่สามออกมาคือ ‘I Dare You’ ที่ถ่ายทำในลอส แอนเจลิส และได้ Paris Jackson ลูกสาว Michael Jackson กับ Millie Bobby Brown น้องแอลโล้นซ่าจาก Stranger Things มาร่วมแสดงด้วย นอกจากนี้ยังมีดีไซเนอร์ขวัญใจเราอย่าง Raf Simons มาเป็นครีเอทีฟให้อีก
นอกจากตัวไอเดียที่น่าสนใจแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นของซีรีส์มิวสิกวิดีโอเซ็ตนี้ คือการที่มันอบอวลไปด้วยเซนส์ของความเป็นภาพถ่ายสูงมาก ไม่ว่าจะ pause ไว้ที่ช็อตไหน ก็สามารถกลายเป็นภาพถ่ายดีๆ ได้หมด ยกความดีทั้งหมดให้กับชายที่ชื่อว่า Alasdair McLellan
ไม่ว่าคุณจะชอบดูหนังสือแฟชั่นหรือไม่ก็ตาม คุณมีโอกาสเจอผลงานของ McLellan ได้ง่ายกว่าที่จะแมทช์ Tinder กับใครสักคน
จุดเริ่มต้นของช่างภาพชาวอังกฤษชื่อดังคนนี้ เริ่มขี้นในวันเกิดครบรอบ 13 ปี Alasdair McLellan ได้ของขวัญเป็นกล้องถ่ายรูป หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นคนบ้าถ่ายภาพและพกกล้องไปด้วยทุกที “ผมจำได้ว่าช่วงนั้นสนุกมากเลย ผมชวนแฟนและเพื่อนมาที่บ้าน เราแต่งตัวเป็นพวกนักดนตรีป๊อปยุค 80’s และเริ่มถ่ายรูปกัน ตอนนั้นเรายังฟังแต่พวกเพลงฮิต Top 40 ตามคลื่นวิทยุอยู่เลย”
เมื่อก้าวเข้าสู่วัย 16 เขาตัดสินใจเรียนถ่ายภาพจริงจังที่โรงเรียน และใช้เวลาว่างไปเป็นดีเจในคลับของพ่อเพื่อน
“เป็นอะไรที่เพี้ยนพอสมควร ผมไปเป็นดีเจในคลับ แต่ตอนนั้นยังกินเหล้าไม่ได้ เพราะอายุยังไม่ถึง” ด้วยความชอบในดนตรีและการถ่ายภาพ ทำให้เขาหลงรักวัฒนธรรมปาร์ตี้ ภาพที่เขาถ่ายส่วนใหญ่ตั้งแต่เริ่มจับกล้องจนเรียนมหา’ลัย เป็นภาพของเพื่อนเขาเอง
“ตอนนั้นผมอยากจะส่งภาพไปแมกกาซีนเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรับไหม เพราะภาพของผมมีแต่เพื่อน ไม่ใช่นางแบบนายแบบมืออาชีพ” ในตอนนั้นเขาสับสนอยู่นาน จนกระทั่งได้เห็นงานของ Corinne Day, David Sims, นิตยสาร I-D และ The Face (แมกกาซีนโคตรพ่อโคตรแม่เปรี้ยวจากยุค 90’s นะ ไม่ใช่รายการทีวีประกวดอะไรนั่น) ช่างภาพและหนังสือพวกนี้ทำให้เขารู้สึกเลยได้ว่า จริงๆ คุณจะถ่ายใครก็ได้บนโลกลงแมกกาซีนแฟชั่น
หลังจากเรียนจบ เขาเริ่มทำงานเป็นช่างภาพให้นิตยสาร I-D และมีผลงานมากมายทั้งใน Another Man, Vogue, 032c, Love, Fantastic Man ฯลฯ รวมทั้งแบรนด์เสื้อผ้าอย่าง Miu Miu, Calvin Klein, Louis Vuitton, J.W.Anderson ฯลฯ และถ้าชื่อทั้งหมด คุณไม่คุ้นเลย ลองนึกถึงภาพปกอัลบั้มล่าสุดของ Adele ดู
ถ้าเสน่ห์ของภาพถ่ายแบบ Portrait คือการดึงความรู้สึกบางอย่างของคนให้ออกมาจากภาพได้ งานของ Alasdair McLellan ครบถ้วนไปด้วยองค์ประกอบแบบนั้น ภาพถ่ายที่เข้าถึงความรู้สึก จับต้องได้ง่าย ดูแล้วเข้าใจตั้งแต่คนธรรมดาไปจนถึงกลุ่มคนจริตหนา “คุณจำเป็นต้องใส่ความเป็นคุณลงไปในงาน บ่อยครั้งขณะถ่ายรูป ผมคิดถึงความทรงจำเก่าๆ ความทรงจำที่มีค่ากับผม ทั้งท้องถนนในบ้านเกิดที่ผมเริ่มถ่ายรูป คนที่ผมตกหลุมรัก หรือแม้แต่จูบแรกของผม” ไม่แปลกใจที่เซ็ตวิดีโอทั้งหมด ให้ความรู้สึก nostalgia แบบนี้แฝงอยู่ด้วย
ไม่เพียงแต่งานวิดีโอเท่านั้น Alasdair McLellan กับ The Xx เพิ่งปล่อยโปรเจกต์ใหม่ออกมาคือ zine ในชื่อ It Could Be Love เป็นภาพถ่ายของวง กึ่งสารคดีและบรรยากาศต่างๆ ในมิวสิกวิดีโอ On Hold ที่ทำออกมาเพียงแค่ 1,000 เล่มเท่านั้น ซึ่งแน่นอน ขณะที่คุณอ่านบรรทัดนี้อยู่ มันได้ Sold Out ไปหมดไปแล้ว
อ้างอิงข้อมูลจาก
Text by Panlert ฟรีแลนซ์ graphic designer
ทำเพจ อินดี้สมัยใหม่ (Indie 10’s) และเป็นดีเจประจำให้ Dudesweet