หน้าตาสุดมึน เสื้อโปโลสีชมพู และกระเป๋าคาดเอวเฉิ่มเชยคือภาพแรกๆ ที่ทำให้ Rich Chigga หนุ่มน้อยจากอินโดนีเซียเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ไม่ใช่ว่าลุคคุณพ่อเด๋อๆ กำลังอินเทรนด์หรอกนะ แต่เมื่อเด็กหนุ่มหน้าตี๋จับลุคนั้นมาอยู่ในเอ็มวี Dat $tick เพลงแร็ปดุเดือดว่าด้วยอาชญากรรม เหล้ายา ความรุนแรง และสรรพสิ่งคลิเช่ต่างๆ ซึ่งเสียดสีขนบเพลงแร็ปทั่วไป เกิดเป็นสุนทรียะแบบใหม่ ที่แม้จะแปลกแปร่งแต่ก็ดึงดูดใจผู้คนได้เป็นอย่างดี
อ้อ และนอกจากเนื้อเพลงแล้ว อีกสิ่งที่น่าจะดึงดูดใจผู้คนในยุคที่มีดราม่าใหม่ๆ ไม่เว้นวัน นั่นก็คือสเตจเนมของเขาที่โคตรจะ non-PC
Rich Chigga หรือชื่อจริงว่า Brian Immanuel ถือกำเนิดเมื่อปี 1999 ในครอบครัวชนชั้นกลางในจาร์กาต้า เมืองหลวงของอินโดนีเซีย ซึ่งแม้เจ้าตัวจะบอกว่าครอบครัวเป็นชนชั้นกลางค่อนไปทางต่ำ แต่เราเชื่อว่าน่าจะเป็นชนชั้นกลางค่อนไปทางสูงมากกว่า เพราะน้องไบรอันแกเรียนโฮมสคูลมาตั้งแต่ชั้นประถม ได้เรียนดนตรีและเคยทำวงดนตรีเล่นๆ กับพี่น้อง ทั้งยังสนิทสนมกับอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ต่างๆ ในการถ่ายทำและตัดต่อวิดีโออยู่เป็นนิจ
สมัยยังโนเนม ไบรอันวัย 10 ขวบเป็นเด็กคนหนึ่งที่เนิร์ดรูบิกมากๆ เขาใช้เวลาว่าง (ซึ่งมีเยอะมากจากการเรียนโฮมสคูล) ไปกับการดูยูทูบเพื่อศึกษาเทคนิคการเล่นรูบิกให้ไวสุดๆ หลังจากนั้นจึงเริ่มลุกลามไปดูคลิปอื่นๆ ในยูทูบ ตั้งแต่คลิปรีวิวสิ่งของ คลิปตลก ไปจนถึงดูและฟังเพลงแร็ปและฮิปฮอปของศิลปินชื่อดังอย่าง Macklemore, Childish Gambino และ Tyler, the Creator
ด้วยยูทูบนี่เองที่ไบรอันพัฒนาภาษาอังกฤษและเซนส์ความตลกของตัวเอง ในวัยเพียง 12 ปีเขาจึงเริ่มตั้งตนเป็นคอเมเดี้ยนบนโลกออนไลน์ โดยเริ่มจากการทวีตข้อความหรือรูปภาพตลกๆ ก่อนจะขยายมายังแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น ไวน์ (ซึ่งปัจจุบันล้มหายตายจากไปแล้ว) และยูทูบซึ่งเป็นดั่งจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่าง
งานในฐานะคอเมเดี้ยนของไบรอันนั้นเป็นตลกแบบที่ถ้าคุณขำคุณก็ขำฉิบหายวายวอด แต่ถ้าคุณไม่ขำคุณก็จะไม่ขำเลย แถมอาจรู้สึกว่าไอ้หมอนี่ทำบ้าอะไรอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่ non-PC มากๆ เช่น ครั้งหนึ่งเขาตัดต่อรูปตัวเองยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ บารัค โอบามา ผู้กำลังฉีกยิ้มกว้าง ซึ่งดูเผินๆ ก็เหมือนจะไม่มีอะไร…ถ้าเด็กหนุ่มไม่ได้ตัดต่อ N-word ลงไปบนเสื้อที่ตัวเองใส่อยู่ด้วย!
อันที่จริง ไบรอันเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเขาทำเพลง Dat $tick ด้วยมุมมองของคอเมเดี้ยนมากกว่าแร็ปเปอร์ คำพูดนี้คล้ายเป็นข้อแก้ตัวกลายๆ ให้กับความ non-PC ที่ปรากฏในเนื้อเพลงซึ่งมี N-word โผล่มาอีกครั้ง รวมทั้งความล่อแหลมของสเตจเนม Rich Chigga ที่มาจาก Chinese (คำเหมารวมสำหรับชาวเอเชีย) + Nigga (คำเหยียดร้ายแรงสำหรับคนผิวสี) ที่รวมกันแล้วหมายถึงพวกคนเอเชียนที่หลงใหลวัฒนธรรมฮิปฮอปและอยากเป็นคนดำ ซึ่งยิ่งกลายเป็นความเหยียดในเหยียด ที่ไม่รู้ว่าควรโดนดราม่าที่เล่นไม่คิด หรือเขาคิดแล้วจึงอยากเรียกตัวเองอย่างเสียดสีกันแน่
แต่เมื่อไบรอันเริ่มจริงจังกับเส้นทางดนตรีในฐานะแร็ปเปอร์ และปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ เช่น Who That Be, Glow Like Dat และ Crisis เขาก็เลิกทำเพลงที่เสียดสีความคลิเช่ของเพลงแร็ป เลิกใช้ N-word หรือล้อเลียน racism แล้วหยิบเรื่องราวในชีวิตมาสร้างสรรค์เป็นผลงานแทน
“ผมพยายามเลี่ยงไม่เขียนถึงปืนและการฆ่าแกงกันในเพลงใหม่ๆ ผมอยากแต่งเพลงจากประสบการณ์ตัวเองมากกว่า” เด็กหนุ่มกล่าว
นอกจากนี้เขายังยอมรับว่า ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเปลี่ยนสเตจเนมของตนอยู่เหมือนกัน
“ชื่อนี้มาตอนที่ผมทำเพลงเพลงแรก ตอนนั้นผมคุยกับเพื่อนว่า เฮ้ย จะตั้งชื่อว่าอะไรดีวะ แล้วเพื่อนผมก็บอกว่า เลือกชื่อที่ล่อแหลมโคตรๆ เลยดีกว่า ผมไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรขนาดนั้น ที่แน่ๆ ผมไม่รู้ว่าผู้คนจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟกันขนาดนี้
ตอนนี้ชื่อก็เลยติดตัวผมอยู่ ซึ่งในอนาคตผมอาจจะเปลี่ยนชื่อก็ได้ ไม่รู้สิ ผมหวังว่าจะเปลี่ยนได้นะ แต่สำหรับตอนนี้ ผมไม่มีทางยอมให้ชื่อนี้เป็นสิ่งเดียวที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของผม อันที่จริงมันทำให้ผมมุ่งมั่นทำเพลงให้ดีขึ้นด้วยซ้ำ เพราะเวลาคนฟังเพลงผมจะได้รู้สึกว่า เชี่ย จริงๆ เพลงของหมอนี่ก็ไม่ได้แย่นี่หว่า ผมจะไม่ทำเพลงที่โง่พอๆ กับชื่อหรอก”
ซึ่งก็จริงตามที่เจ้าตัวว่า เพราะหากเราลองหลับหูหลับตาให้กับความ non-PC ของน้องหรือเลือกจะขำไปกับมัน เราจะพบว่า Dat $tick เป็นเพลงแร็ปที่ไม่เลวเลยสำหรับเด็กอายุ 16 ปี (ในเวลานั้น—ตอนนี้น้องอายุ 18 ปีแล้ว) ที่ทั้งแต่งเอง โปรดิวซ์เอง แถมกำกับเอ็มวีเองอีกต่างหาก
แน่นอน เราไม่ใช่คนเดียวที่คิดเห็นเช่นนั้น เพราะหลังจาก Dat $tick โกไวรัลได้ไม่นาน 88rising แพล็ตฟอร์มและค่ายเพลงที่สนับสนุนศิลปินเอเชียนก็ปล่อย reaction video ฟีเจอร์ริ่งแร็ปเปอร์ดาวรุ่งในอเมริกา เช่น 21 Savage, Ghostface Killah และ Desiigner ซึ่งต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เฮ้ย ไอ้หนูนี่ใช้ได้เลยนี่หว่า
วิดีโอดังกล่าวเป็นดั่งการยอมรับจากรุ่นพี่ในวงการ รวมทั้งทำหน้าที่ต่างใบเบิกทางให้ไบรอันได้สลัดภาพคอเมเดี้ยนหยาบโลนแล้วก้าวเข้าสู่แสงไฟในฐานะแร็ปเปอร์ Rich Chigga อย่างเต็มตัว พอดีกับที่ 88rising ตัดสินใจเซ็นสัญญากับเด็กหนุ่ม เขาจึงได้โอกาสตีตั๋วเครื่องบินไปอเมริกา แล้วลงมือทำมินิอัลบั้มซึ่งเจ้าตัวบอกว่าจะปล่อยออกมาภายในต้นปีหน้า โดยระหว่างนี้ก็ปล่อยซิงเกิ้ลออกมาเรื่อยๆ ตามที่เล่าไปแล้วด้านบน แถมมีบางเพลงที่ได้ร่วมงานกับแร็ปเปอร์ที่อยู่ใน reaction video นั้นด้วย
ในวงการ Hip-hop/R&B อเมริกันที่มีศิลปินตัวท็อปมากมาย แร็ปเปอร์หน้าตี๋และซาวด์ที่ไม่เหมือนใครของเขาเป็นรสชาติแปลกใหม่น่าลิ้มลอง Rich Chigga ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนๆ ที่นั่น และได้ทัวร์อเมริการ่วมกับศิลปินคนอื่นๆ ในค่าย 88rising เช่น Joji และ Higher Brothers อีกทั้งในช่วงนี้ Rich Chigga ก็กำลังทัวร์เอเชียอยู่ด้วย (และก็เพิ่งแวะมาบ้านเราเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้เป็นที่พูดถึงในวงกว้าง แต่คนก็ไปดูโชว์แน่นขนัดเชียวล่ะ)
แม้บางคนจะคิดว่า Rich Chigga เป็นคนอเมริกันเชื้อสายเอเชียน แต่หลายคนที่รู้ความจริงว่า จุดเริ่มต้นของเด็กหนุ่มอยู่ที่ชานเมืองจาการ์ต้า ต่างก็มองว่าเขาเป็นตัวแทนชาวเอเชียที่กำลังพาแร็ปเอเชียนไปแร็ปโลก ทว่าเจ้าตัวกลับปฏิเสธที่จะถูกมองหรือยกย่องให้เป็นเช่นนั้น
“ในแง่หนึ่งผมก็เป็นตัวแทนคนเอเชียจริงๆ แหละ มันเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ผมเป็นเอเชียนแร็ปเปอร์ต่อให้ผมไม่ได้จำกัดความตัวเองอย่างนั้น และอันที่จริง 88rising ก็เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมผลงานของศิลปินเอเชียด้วย” เด็กหนุ่มให้สัมภาษณ์
“แต่ส่วนตัวผมมองผู้คนและศิลปะตามตัวตนที่เป็นจริงๆ มากกว่านะ แบบว่ามองมนุษย์เป็นมนุษย์ มองศิลปะเป็นศิลปะน่ะ”
ในเมื่อ Rich Chigga ประกาศตัวมาอย่างนี้ นอกจากเราจะรอฟังมินิอัลบั้มแล้ว ก็อยากรอดูด้วยเหมือนกันว่าเขาจะสลัดภาพเอเชียนแร็ปเปอร์ทิ้งไป (เหมือนครั้งที่เขาสลัดภาพคอเมเดี้ยน) แล้วนิยามตัวเองใหม่ในฐานะอะไร
แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปเป็นอะไร เราเชื่อว่าตัวตนใหม่นั้นต้องแปลกใหม่และน่าสนใจกว่าเดิมแน่นอน
อ้างอิง