เราเชื่อว่าหลังจากโฆษณา Unif 400 ของเต๋อ—นวพล ธำรงค์รัตนฤทธิ์ออนแอร์ น่าจะมีหลายคนที่ปวารณาตัวมาเป็นแฟนคลับ ‘น้องฝรั่ง’ หรือ ซอนญา— ชิษณุชา ดอนเนลลี่ นักแสดงลูกครึ่งไทย-ไอริชวัย 16 ปี (ใช่แล้ว เธออายุเพียง 16 ปีเท่านั้น) แห่งวงไอดอล Sweat16 แห่งค่าย LOVEiS ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานหลังซุ่มซ้อมมาเป็นปี
เมื่อมองในเบื้องหน้า ซอนญาอาจเหมือนไอดอลทั่วไปที่กระโดดจากการเป็นนักร้องมาเป็นนักแสดง แต่หากรู้จักตัวตนของเธอให้ลึกลงไป ภายใต้ชุดสีสันสดใสเธอคือเด็กสาวที่มีความคิดความอ่านโตเกินวัย ทั้งยังพ่วงความสนใจที่หลากหลายทั้งในการเรียนร.ด. เล่นกีฬาหลากชนิด สังเกตมนุษย์รอบตัว เพาะกาย แต่งนิยายสืบสวนสอบสวน เคยอยากเป็นสัปเหร่อ หรือแม้กระทั่งชอบนั่งใคร่ครวญกับปัญหาโลกแตกอย่าง “ถ้าคนเราตกลงไปในอวกาศจะเจอพื้นหรือไม่”
แน่นอนว่าตัวอักษรด้านบนนี้คงอธิบายตัวตนของซอนญาไม่ได้ทั้งหมด เราจึงอยากเสนอ 16 ข้อต่อไปนี้ ที่บอกเล่าความเป็นซอนญา แล้วคุณจะหลงรักเธอเหมือนกับเรา (และใครหลายๆ คน) แน่นอน
1. เป็นไอดอลวง Sweat16 เพราะอยากเก็บเงินให้เยอะที่สุด
“ที่หนูมาอยู่ในวง Sweat16 เพราะตอนแรกหนูพยายามหางานเพื่อจะเก็บเงินให้ได้เยอะที่สุด คือหนูมีแพลนจะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ประเทศของคุณพ่อ (ไอร์แลนด์) เพราะหนูกะจะทำอาชีพที่นั่น แต่ไปต่างประเทศต้องใช้เงินเยอะหนูเลยหาวิธีหาเงิน ทีนี้ตอนนั้นหนูทำงานอยู่แล้วมันเด้งขึ้นมาในเฟซบุ๊กว่ากำลังมี Yoshimoto Asia Star Audition หนูก็ลองคลิกๆ ไปดูแล้วก็ลองไปออดิชั่น
“พอเข้ามาในวงมันไม่ได้แตกต่างจากที่คิดมากเพราะว่าหนูอยู่ในวงการตั้งแต่เด็กๆ ก็รู้ว่าเบื้องหลังมันก็ต้องทำงานหนัก ซ้อมหนัก หนูเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว (หัวเราะ) แต่ที่ไม่ได้คาดคิดคือไม่นึกว่าจะต้องร้องเพลงเสียงสูงขนาดนั้นแล้วหนูเป็นคนเสียงต่ำ ร้องเพลงโทนเบส โทนอัลโต พอมาอยู่ที่นี่ต้องร้องโทนสูง โทนโซปราโน ก็ต้องหาช่องเสียงให้ได้ นี่ซ้อมมาหนึ่งปี หนูใช้เวลาประมาณสามเดือนกว่าหนูจะปรับหาช่องเสียงได้”
“ความลำบากคือหนูเป็นคนที่หน้านิ่งแล้วไม่ค่อยยิ้มเวลาออกงานก็เลยต้องพยายามยิ้ม พยายามอเลิร์ต กินช็อกโกแลต ขนมเข้าไปให้มันยิ้มและอเลิร์ตตลอด สำหรับหนูมันก็ไม่ยากเท่าไหร่นะ นอกจากยิ้ม บางทียิ้มจนเหงือกแห้ง (หัวเราะ)”
2. เป็นเด็กฝรั่งที่ต้องเทคแคร์แฟนคลับแบบไอดอลญี่ปุ่น
“ด้วยความที่หนูเป็นเด็กฝรั่ง ถ้าเป็นดาราฝรั่งเขาจะใกล้ชิดกับแฟนๆ มาก จะถ่ายรูปเซลฟี่ด้วยกันได้ แต่พอมาตรงนี้ก็ถ่ายไม่ได้ หรือ บางทีเวลาเขาให้ของมาหนูก็รู้สึกอยากตอบแทนเขาจังเลยนะแต่ไม่รู้จะตอบแทนยังไงดี หนูก็จะใช้เวลาทักทายแฟนๆ ในโซเชียลถ้าเกิดหนูมีเวลาว่างจากการเรียน ก่อนนอน หรือตอนตื่นนอนมาใหม่ๆ สักแป๊บหนึ่ง”
3. เป็นนักเรียนภาษาญี่ปุ่น
“ตอนซ้อมช่วงแรกๆ จะมีอาจารย์ญี่ปุ่นแล้วก็อาจารย์ไทยสลับกันสอน เหมือนอาทิตย์หนึ่งอาจารย์ญี่ปุ่นมาสอน อาทิตย์ต่อไปอาจารย์ไทยมาสอน จะมีเรียนร้องเพลงกับอาจารย์ญี่ปุ่น เรียนเต้น แล้วก็มีเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วย”
“หนูไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อนแต่ว่าแต่ก่อนดูอนิเมะบ่อยมาก เพราะว่าเมื่อก่อนว่าง ไม่ค่อยมีงานก็เลยจะดูอนิเมะทุกวันหลังทำการบ้านเสร็จ หรือบางทีก็ดูซีรีส์ญี่ปุ่นแนวสืบสวน อ่านมังงะ แต่พอเข้ามาในวงก็ไม่ได้ดูเท่าไหร่ หนูก็พอมีพื้นฐานมานิดหนึ่งจากการดูอนิเมะนี่แหละค่ะ แต่พอเรียนสูงๆ มันก็เริ่มยากขึ้น”
4. เป็นนักแสดงโฆษณา
“ตั้งแต่เด็กหนูก็แคสต์งานไปเรื่อย มีงานอะไรโมเดลลิ่งก็จะส่งไป แต่งานนี้คุณแม่หนูเขาบอกว่าเขาเรียกหนูมา จะเปิดแคสติ้งรอบพิเศษให้เพราะเขาอยากให้หนูมาเล่นมากๆ หนูก็เลยไปแคสต์ แล้วก็ได้”
“โฆษณา Unif นี่เป็นครั้งแรกที่ได้แสดงแบบจริงจัง มีบทนางเอกซะอย่างนั้น ก็เครียดอยู่ ด้วยความที่หนูเป็นคนที่สตริคต์กับตัวเองหนูก็เห็นว่าพี่ๆ นักแสดงเขาโตกว่าหนูเยอะมากหนูก็ไม่อยากจะทำให้เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่ได้เรื่องเลย หนูก็กดดันอยากทำให้มันดีที่สุดไม่ให้เป็นตัวถ่วง”
“สำหรับการเล่นบทที่โตกว่าตัวเองหนูไม่ค่อยมีปัญหาเพราะมีแต่คนบอกว่าหนูโตกว่าวัยอยู่แล้วแต่ที่ยากคือบทพูด ตอนนั้นถ่ายหลายเทคมากที่พูดเรื่องสัตว์ที่พูดว่า “สัตว์ตัวนี้เนี่ยนะมันกินอาหารยากมาก” ตอนนั้นถ่ายไปครึ่งชั่วโมงมั้งหนูว่า คือพี่เขาให้ถ่ายหลายเทคมาก มีถ่ายอารมณ์หน้านิ่ง มีถ่ายอารมณ์แบบยิ้มบ้าง คือเขาถ่ายหลายอารมณ์ไปเลือก หนูก็รู้สึกว่า ‘เราทำอะไรผิดเหรอ’ จะเครียดช่วงนั้น”
5. เป็นนักพูดคำหยาบภาษาที่สาม
“ตอนแรกในบท (ของโฆษณา Unif 400) เขาจะให้หนูพูดคำหยาบภาษาไทยแล้วมันขัดปากหนูยังไงก็ไม่รู้ พี่เขาเลยถามว่าแล้วคำด่าภาษาอังกฤษล่ะ หนูก็แบบ อืม What the hell? มั้งคะ ไม่ก็ shit ไม่ก็ภาษานอร์เวย์ คือปกติหนูจะชอบด่าภาษาอื่น นอร์เวย์ รัสเซียอย่างนี้ สรรหามาเยอะมากเพราะว่าพ่อไม่ให้หนูพูดคำหยาบ หนูก็เลยจะไม่พูดคำหยาบภาษาอังกฤษ จะไปพูดคำหยาบภาษาอื่น (หัวเราะ)”
6. เป็นนักกีฬาหลากหลายชนิด
“หนูชอบออกกำลังกายมากค่ะ ถ้าวันหนึ่งไม่ได้ออกกำลังกายนี่จะรู้สึกดาวน์เพราะการออกกำลังกายของหนูมันคือการเอาความเครียดออกไป โดยเฉพาะเวลายกน้ำหนักนี่คือ ฮึ่ย! ฮึ่ย! ฮึ่ย! ฮึ่ย! (ทำท่ายกน้ำหนัก) เครียดเรื่องอะไรมาก็จะต่อยมวย ยกน้ำหนัก ทำอะไรที่มันใช้แรงเยอะๆ”
“กีฬาหลักๆ ที่หนูเล่นมียิงธนู เดี๋ยวจะกลับไปเล่นเพราะว่าตอนนี้ปิดเทอมมีเวลาไปซ้อม ถ้าเกิดเปิดเทอมก็คงไม่มีเวลา แล้วก็มีวิ่งจ๊อกกิ้ง ยกน้ำหนัก ถ้าเล่นที่โรงเรียนจะเล่นวอลเลย์บอลแต่ว่าเล่นคนเดียว (หัวเราะ) เพราะว่าโรงเรียนหนูผู้หญิงน้อยมากแล้วผู้หญิงส่วนใหญ่เขาก็จะเป็นผู้หญิงแบบ ‘ผู้หญิง’ อะ (หัวเราะ) พวกผู้ชายเขาก็จะเล่นบอลกันหรือไม่ก็เล่นบาส หนูก็เล่นบ้างแต่เขาตัวสูงกันมากเลย หนูตัวเตี้ยมากก็เลยจะไม่ค่อยได้เล่นกับเขาเท่าไหร่ ก็ต้องไปเดาะลูกวอลเลย์กับกำแพงคนเดียว เหงาเนอะ (หัวเราะ)”
“ถ้ามีเงินก็อยากยิงปืน หนูยิงแม่นมากถ้าเกิดเป็นปืนพวก 9 ม.ม. แต่ถ้าเป็นปืนสไนเปอร์จะยิงไม่ค่อยแม่น ถ้าเป็นที่ร.ด.เขาจะเป็นปืนแบบสองที่เล็ง อันนั้นหนูจะไม่ค่อยถนัด จะถนัดพวกปืนที่เล็งจุดเดียว แต่ลองไปยิงดูหนูก็ยิงเข้านะ เข้าเป้าสาม”
7. เป็นคนชอบเพาะกายและสร้างหุ่นด้วยตัวเอง
“เรื่องการเพาะกายนี่หนูไม่รู้ว่าเริ่มต้นมายังไง แต่หนูชอบอนาโตมี่มนุษย์กับอนาโตมี่ผู้ชายมากๆ เพราะมันเป็นอะไรที่เป็นเหลี่ยม คือถ้าให้เลือกเชปที่ชอบหนูจะเลือกสี่เหลี่ยมหรือสามเหลี่ยม หนูคิดว่าหุ่นเหลี่ยมๆ อย่างนี้ดูดี ดูแข็งแรง อีกอย่างคือหนูรู้สึกว่าถ้าเรามีกล้าม มีพละกำลังเยอะเราสามารถทำอะไรได้เยอะกว่าคนทั่วไป ถ้าเกิดเราไปช็อปปิ้งเราก็สามารถหิ้วของทีเดียวไปที่รถได้เลยโดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น มันเป็นสกิลการ survival อย่างหนึ่ง”
“หนูเล่นมาสองปีแล้วแต่ปีนี้เองที่เพิ่งเริ่มจริงจัง เพราะตอนแรกหนูจะเล่นเวทอย่างเดียวที่บ้านแล้วก็ไม่ได้คุมอาหาร ถ้าเห็นรูปตอนแรกที่เข้ามาออดิชั่นใหม่ๆ หนูจะดูอวบๆ อ้วนๆ หน่อยเพราะหนูไม่ได้คุมอาหาร ตอนนี้ความจริงจังคือหนูเพิ่งมาคุมอาหารให้มันเข้าเชปขึ้นแล้วก็ไปยิมมากขึ้น”
“คือตอนเข้าวงมาแรกๆ เขาก็บอกให้หนูลดแหละเพราะหนูอวบๆ ใช่มั้ย แล้วเขามาบอกพอดีว่าลองคุมอาหารดูสิ หนูก็เลยลองไปรีเสิร์ชดูว่าคุมอาหารต้องกินอะไร ต้องทำอะไรบ้าง หนูก็เลยต้องวัดว่าเรากินอะไรเท่าไหร่ (กี่แคลลอรี่) แล้วใช้ออกไปประมาณไหน ศึกษาเองหมดเลย ลองผิดลองถูกกับตัวเองมาเยอะมาก การไดเอ็ทของหนูคือไม่ได้ไดเอ็ทให้ผอมลงแต่ไดเอ็ทให้มีแรงเยอะขึ้น กล้ามเนื้อเพาะเยอะขึ้น จนตอนนี้เสถียรแล้ว”
8. เป็นคนระเบียบจัด
“หนูมีตารางอยู่ที่บ้านเป็นตารางชีวิตเลย จะมีแบ่งตอนเช้ากับตอนเย็น ตอนเช้าก็จะมีเขียนเป็นตาราง เช่น วันจันทร์ทำความสะอาดอาหารแมว ทำความสะอาดทรายแมว ซักเสื้อผ้า ตอนเย็นตากผ้า จะมีเป้าหมายของแต่ละวันเลยที่จะต้องทำให้ครบ”
“หนูเพิ่งมารู้ตัวว่าหนูสตริคต์กับตัวเองก็เมื่อสามสี่ปีก่อนตอนที่เริ่มควบคุมเวลา พอมาเป็น Sweat16 ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการแบ่งเวลา แค่เวลาสอบแล้วมีอะไรเข้ามาเยอะๆ ก็จะเครียดนิดหนึ่ง เพราะไม่ได้ออกกำลังกายด้วยเลยจะคิดไม่ทัน บางทีก็ไม่ค่อยได้นอน”
9. (เคย) เป็นผู้หญิงคนเดียวในโรงเรียนที่เรียนร.ด.
“หนูเป็นผู้หญิงคนเดียวในโรงเรียนที่เรียนร.ด. เพิ่งปีนี้เองที่มีน้องม.4 คนหนึ่งมาเรียน คือตอนนั้นหนูย้ายจากสาขาหนึ่งไปอีกสาขาที่โรงเรียนเดิม คนที่หนูรู้จักตอนแรกคือพวกเพื่อนผู้ชายก็เลยรู้ว่ามันมีเรียนร.ด.ก็เลยไปเรียนด้วย ตอนแรกหนูก็ชวนเพื่อนผู้หญิงอีกคนหนึ่งไปแต่ว่าครอบครัวเขาไม่ให้เรียนหนูก็เลยไปเรียนคนเดียวเลย (หัวเราะ)”
“ตอนแรกหนูอยากเรียนร.ด.เพราะเห็นว่ามันเกี่ยวกับทหาร แล้วหนูชอบอะไรที่มันมีระเบียบเลยอยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไง อีกเหตุผลคือหนูอยากยิงปืนเพราะหนูเคยยิงปืนกับพ่อที่ต่างประเทศแล้วติดใจก็เลยคิดว่าเรียนร.ด.มันน่าจะมีการยิงปืน ฝึกการเข้าสนามรบ เพราะหนูชอบแนวหนังสงครามมากเลย”
10. อนาคตอยากเป็นนักอาชญาวิทยา (criminologist)
“ถ้าเกิดรับงานแสดงได้อีกหนูก็คิดจะรับค่ะ คือหนูคิดว่าหนูจะช่วยพ่อแม่เพราะว่าพ่อแม่ก็อายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เราก็ยังเด็กอยู่ มหาวิทยาลัยเราแพง พ่อแม่ก็ต้องจ่ายค่าเทอมให้น้องด้วย ไหนจะค่าย้ายไปต่างประเทศ ค่าเริ่มต้นบ้านที่นั่น (ประเทศไอร์แลนด์) ด้วย มันต้องใช้เงินเยอะหนูเลยคิดว่าหนูจะต้องช่วยให้ได้มากที่สุด”
“ตอนแรกหนูอยากจะเป็นสัปเหร่อที่ต่างประเทศ มันแตกต่างจากของประเทศไทยมาก ที่หนูรู้ถ้าเราเป็นสัปเหร่อที่ต่างประเทศ เราจะอยู่ในที่ของเราเงียบๆ แล้วจะมีคนเอาศพมาให้ เราก็ทำนู่นนี่ ทำงานศพให้ แต่พอมาเห็นการทำงานสมัยนี้ที่มีเทคโนโลยี มีไฟเปิดสว่างจ้า มีคนช่วยทำงานห้าหกคนหนูก็ไม่เอาแล้ว คนเยอะเกินไป”
“ทีนี้มีพี่ที่นี่ (ทีมงาน Sweat16) แนะนำให้หนูไปดูซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง หนูก็เลยรู้ว่ามีอาชีพ criminologist (นักอาชญาวิทยา) ด้วย หนูรู้สึกว่าน่าสนใจก็ไปรีเสิร์ชว่าเขาทำอะไรบ้างก็เห็นว่าเขาจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องจิตวิทยามนุษย์ มีลง field work (งานภาคสนาม) แล้วก็มีงานในออฟฟิศ หนูก็คิดว่าเราทำอันนี้ดีกว่า มันจะมีเวลาที่เราได้อยู่ในออฟฟิศของเราแล้วก็มีเวลาที่เราได้ออกไปปฏิบัติงานข้างนอกด้วย แล้วมันเป็นงานเขียนที่หนูชอบ”
11. เป็นนักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวน
“หนูมีเขียนงานของตัวเองเป็นนิยายสืบสวนภาษาอังกฤษแต่ก็ยังไม่ได้ไปลงที่ไหนหรอก เก็บไว้กับตัวเอง เขียนมาได้เล่มหนึ่งกับอีกครึ่ง หนูคิดว่าหนูจะไปเรียนที่ต่างประเทศ ไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มแล้วอาจจะมานั่งอ่านใหม่ มาแต่งใหม่ให้ทุกอย่างมันดีขึ้นแล้วอาจจะเอาไปลองส่งขายดูเผื่อจะได้เงิน”
12. เป็นคนชอบอ่านหนังสือและดูหนังดาร์ก
“ถ้าเกิดมีเวลาว่างหนูจะเครียดค่ะเพราะว่าหนูอยู่นิ่งไม่ได้ ถ้าเกิดว่ามีเวลาว่างหนูต้องหาหนังมาดู หาหนังสือมานั่งอ่าน ต้องหาอะไรทำ คือหนูไม่มีทางที่จะนั่งอยู่นิ่งๆ ลอยๆ ถ้าให้นั่งอยู่เฉยๆ กับที่หนูนั่งได้ไม่เกินสองนาทีหนูก็จะเริ่มคันไม้คันมืออยากหาอะไรมาทำ ถ้าเกิดได้มีเวลาว่างที่ไม่ต้องทำอะไรก็ยังจะหาอะไรเข้ามาตลอด”
“ถ้าเกิดเป็นหนังหนูจะชอบดูหนังแนวหนังผี หนังทริลเลอร์เครียดๆ หนังสงคราม แต่ว่านานๆ ทีหนูก็จะดูหนังตลกบ้างแต่นานๆ ทีมากๆ (เน้นเสียง)”
“หนังสือที่อ่านตอนนี้กำลังอ่านนาร์เนีย แล้วก็จะมีหนังสือแนว mystery, thriller, หนังสือสยองขวัญ หรือหนังสือประวัติศาสตร์ก็ชอบอ่านมาก คือแม่หนูเป็นมัคคุเทศก์ที่ต่างประเทศ เวลาจะออกทัวร์ก็จะอ่านหนังสือเป็นสิบๆ เล่ม เวลาว่างๆ หนูจะไปขอหนังสือแม่มาอ่านเพื่อให้มีความรู้ หนูเลยมีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์เยอะ คือหนูชอบเพิ่มความรู้ให้ตัวเองเยอะๆ”
“หนูคิดว่าเราควรจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ เพราะสมมติว่าโลกแตกขึ้นมาล่ะแล้วบังเอิญเรานึกขึ้นได้ว่า “อ้อ เรื่องนี้เราเคยรู้ เราเคยศึกษามา” มันอาจสามารถแก้ไขปัญหาได้ คือหนูคิดว่าเราจะต้องพร้อมกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้”
13. เป็นมนุษย์ที่หลงใหลในความเป็นมนุษย์
“หนูชอบมนุษย์มาก มนุษย์เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากสำหรับหนู หนูเลยชอบจิตวิทยาแล้วหนูก็จะชอบค้นคว้าความรู้เกี่ยวกับมนุษย์ หนูถึงได้ชอบการออกกำลังกาย อย่างเรื่องอาหารที่เรากิน กินแล้วมันส่งผลต่อร่างกายต่างออกไป หนูก็เลยสนใจ บางทีเวลาอยู่กับเพื่อนๆ ในกลุ่มหนูก็จะไม่ค่อยพูดกับเพื่อน ส่วนใหญ่หนูจะดูเพื่อนมากกว่าแล้วดูว่าเขาคิดอะไร”
14. เป็นนักใคร่ครวญปัญหาโลกแตก
“ หนูชอบคิดอะไรที่เป็นไปได้แต่นานๆ ทีหนูก็จะสงสัยในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน อย่างมีคำถามหนึ่งที่หนูเคยถามตัวเอง คือสมมติว่าเราอยู่ในอวกาศแล้วเราตกลงไปข้างล่าง ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเราตกลงไปในอวกาศมันจะมีพื้นหรือเปล่าหรือเราจะกลับมาอยู่ข้างบนแล้วตกลงมาใหม่ (หัวเราะ) ตอนนี้ยังสงสัยอยู่เลย”
15. เป็นผู้ใหญ่
“คือหนูกะจะทำงานเลี้ยงพ่อแม่ด้วยแหละ กะจะซื้อบ้านให้แม่ที่ต่างประเทศ ถ้าทำงานเป็น criminologist มันได้เงินเยอะ แต่มันก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ถ้าเกิดเขียนหนังสือขายมันก็กว่าจะได้เล่มหนึ่งก็นาน ก็เลยคิดว่าอาจจะมีงานแสดงบ้าง แต่อันนี้ก็ไม่รู้ว่ามันจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า คงจะรับงานเล็กๆ หนูว่าหนูเป็นคนแนว entrepreneur จะหาเงินให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ทำหลายๆ อย่างเพราะถ้าหนูอยู่กับงานอย่างเดียวก็อาจจะเบื่อ”
“ส่วนใหญ่จะมีแต่คนบอกว่าซอนญานี่ไม่เหมือนอายุ 16 เลยนะ ตอนที่เจอกับพี่ๆ ครั้งแรก (ในกองถ่ายโฆษณาของเต๋อ-นวพล) พี่ๆ เขาก็นึกว่าหนูอายุ 19 ถึง 22 พอหนุบอกว่าหนูอายุ 16 พี่เขาสะดุ้งเลยค่ะ แต่หนูจะไม่ค่อยคิดเรื่องอายุเท่าไหร่ หนูคิดว่าเราคือมนุษย์ เรามีเวลาไม่มาก เรามีเวลาแค่ 80 ถึง 100 ปี หรืออาจจะน้อยกว่านั้นก็ได้ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น เราอาจจะตายก่อนก็ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องทำอะไรก็ได้เพื่อที่เราจะมีชีวิตอยู่รอดแล้วก็สบาย แต่ก็ไม่สบายจนเกินไป”
16. เป็นนักเรียนตลอดชีวิต
“ตอนเด็กๆ หนูเป็นคนที่สนใจอะไรเยอะมาก เมื่อก่อนจะว่ายน้ำ แล้วก็มีเรียนยิมนาสติกด้วยแต่หนูเลิกไปเพราะไม่ชอบการโดนบังคับ พอโดนบังคับมากๆ หนูจะเริ่มตั้งคำถามว่าอะไร ทำไมต้องบังคับ หนูอยากทำอะไรใน pace ของตัวเองบ้าง คือถ้าเกิดหนูกดดันตัวเองหนูจะไม่มีปัญหาแต่ถ้ามีคนอื่นมาบอกว่าซอนญาต้องทำอย่างนี้ ต้องทำอย่างนั้น หนูจะเครียดเพราะว่าตอนเด็กๆ หนูเคยโดนโรงเรียนบังคับเยอะมั้ง พอมีคนมากดดันเยอะหนูก็เลยจะไม่ชอบ”
“ตอนนี้หนูอยากไปเที่ยวในที่ที่เงียบๆ คือหนูเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเที่ยวเท่าไหร่ ชอบอยู่กับที่ แต่หนูอยากไปที่นอร์เวย์เพราะว่าหุบเขาที่นอร์เวย์สวยมาก มันเป็นความโดดเดี่ยว สันโดษ ได้ไปลิ้มรสชาติอย่างนั้น ได้ไปอยู่คนเดียว ได้ไปเที่ยวกับตัวเอง แล้วก็มีอีกสิ่งที่หนูอยากลองทำมากเลย อยากลองทำกับพ่อแม่แต่หนูคิดว่าแม่คงไม่ไหวมั้ง (หัวเราะ) คือหนูอยากลองไปแข่ง The Amazing Race มาก (หัวเราะ)”
“หนูคิดว่าการที่เราเปิดตัวรับสิ่งใหม่ๆ มันทำให้เราได้พัฒนาตัวเองมากขึ้น แล้วการที่เราลองอะไรด้วยตัวเองทำให้เรารู้จริงๆ ว่าสิ่งนั้นมันเป็นยังไง เช่น หนูกินก๋วยเตี๋ยวอยู่แล้วพี่ถามว่ามันเป็นยังไง หนูบอกว่าเผ็ด พี่ก็จะคิดว่ามันเป็นความเผ็ดแบบที่พี่คิด แต่จริงๆ มันอาจจะเป็นความเผ็ดแบบอื่นก็ได้ เพราะฉะนั้นการทำเราลองเองทำให้เราได้รู้จริงๆ ว่ามันเป็นยังไง”
นี่เป็นเพียง 16 ข้อที่ทำให้รู้จักเธอมากขึ้น และเชื่อว่าจากนี้ไป เราคงจะได้รู้จักเธอมากขึ้นอีกเรื่อยๆ ท่ามกลางการเติบโตในฐานะไอดอลและเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีความคิดความอ่านน่าสนใจเสียเหลือเกิน