หน้าร้อนแบบนี้ ใครง่วง รู้สึกไม่ค่อยอยากทำอะไร หรือสมองไม่วิ่ง คุณไม่ได้ซึมอยู่คนเดียว เพราะเรามีข้อแก้ตัวพิเศษสำหรับช่วงเวลาแห่งความร้อนนี้มาให้ เป็นคำอธิบายทั้งในมิติทางวิทยาศาสตร์ กายภาพ และมีนัยหรือข้อมูลทางเศรษฐกิจสังคมด้วย
จริงๆ ถ้ามองจากบริบทเมืองร้อนแบบไทยๆ หน้าร้อนของบ้านเราเองอาจจะไม่ได้เชื่อมโยงกับฤดูแห่งแดดจ้า ฟ้าสดใส หรือการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านนัก บ้านเราร้อนจนไม่สามารถออกแดดได้ถ้าไม่จำเป็น เราเองค่อนข้างเข้าใจผลของความร้อนที่มากเกินจนทำให้อ่อนเพลีย ไหนจะบรรยากาศใกล้วันหยุดที่ชวนให้ทุกอย่างชะงักและชะลอตัวอีก แถมช่วงวันหยุด บรรยากาศทั่วไปก็อาจจะเซื่องซึมลง
The MATTER ชวนดูข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจว่า ช่วงนี้เราไม่ได้ขี้เกียจ หรือซึมอยู่คนเดียวในบรรยากาศหน้าร้อนและช่วงใกล้วันหยุดยาว
กายวิภาคของอากาศร้อนและความขี้เกียจ
ประเด็นเรื่องทำไมอากาศร้อนแล้วเราเหนื่อย หรือขี้เกียจไม่อยากทำอะไร มีบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการแพทย์ตอบไว้ในหลายสื่อ ซึ่งส่วนใหญ่จะชี้ให้เห็นว่า การที่ร่างกายพยายามจัดการอุณหภูมิ ด้วยการพยายามลดอุณหภูมิของร่างกายในภาวะอากาศร้อน เป็นกระบวนการที่กินพลังงาน และทำให้เกิดความอ่อนเพลียได้
กระบวนการรักษาอุณหภูมิค่อนข้างมีความซับซ้อน โดยเอมี เบรม (Aimée Brame) แพทย์จากลอนดอนอธิบายว่า สมองจะรับรู้ความต่างของอุณหภูมิ หลังจากนั้นจึงสั่งการให้เพิ่มความดันในเลือดเพื่อให้เกิดการขับเหงื่อ หลอดเลือดทั่วร่างกายจะขยายตัวกระจายความร้อนไปยังผิวหนัง โดยในกระบวนการนี้คือ การขับเหงื่อสัมพันธ์กับการสูญเสียน้ำของร่างกาย เมื่อเราสูญเสียน้ำก็อาจเกิดภาวะขาดน้ำ รวมถึงเกลือแร่ต่างๆ และทำให้เกิดภาวะอ่อนเพลียได้
หนึ่งในกระบวนการนี้สัมพันธ์กับชีวเคมีของเลือด ร่างกายของเราจะปรับตัวกับความร้อน หนึ่งในกระบวนการที่จะผลิตพลาสมาในเลือดเพิ่มขึ้น ทำให้เลือดไหลไปทั่วร่างกาย และจัดการกับความร้อนด้วยการนำความร้อนไประบายที่ผิวหนังได้มากขึ้นและดีขึ้น โดยมีงานศึกษาพบว่า การปรับตัวเข้ากับอากาศร้อนในราว 1-2 วัน ร่ายกายของเราอาจจะผลิตพลาสมาเพิ่มขึ้นราว 13%
ตรงนี้เองแพทย์ที่ให้สัมภาษณ์กับทาง QUARTZ (qz.com) จึงแนะนำว่า การปรับตัวเข้ากับความร้อนสัมพันธ์กับการเพิ่มสมรรถภาพทางกายด้วย การที่เราจะปรับตัวเข้ากับอากาศร้อนในระดับกายภาพ คือการที่เรายังคงรักษากิจกรรมทางกายไว้ในสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น เช่น การเดินไปมา ออกกำลังกายเบาๆ ผลลัพธ์คือทำให้ร่างกายของเราปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิได้ดีมากขึ้น
อนึ่งการปรับตัวดังกล่าวอาจต้องดูระดับอุณหภูมิด้วย ว่าอุณหภูมิที่เรากำลังเจอนั้นสูงเกินไปหรือไม่ การยังคงเคลื่อนไหวในอากาศร้อนอาจทำให้เกิดฮีทสโตรก หรือควรระวังภาวะขาดน้ำด้วยรึเปล่า
มิติอื่นของความซึมในหน้าร้อน
ความขี้เกียจ หรือความซึมในช่วงหน้าร้อน นอกจากเงื่อนไขทางกายภาพเป็นชีววิทยา และชีวเคมีของเลือดและกระบวนการรักษาอุณหภูมิของร่างกายที่ทำให้เราเหนื่อยหรือขาดน้ำแล้ว หน้าร้อนและความร้อนที่สูงขึ้น ยังอาจสัมพันธ์ในทางอ้อมไปจนถึงความรู้สึกทางสังคมของเราด้วย
อย่างแรกคือ หน้าร้อนสัมพันธ์กับอุณหภูมิทั่วไปที่สูงขึ้น รวมถึงอุณหภูมิในช่วงกลางคืน มีงานศึกษาพบว่า อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลต่อคุณภาพการนอน ตั้งแต่จำนวนชั่วโมงที่เราอาจนอนได้น้อยลง กระบวนการหลับลึกที่อาจสั้นลง นอนหลับได้ไม่ดี หรือมีช่วงเวลาตื่นยาวขึ้น ซึ่งข้อมูลหนึ่งจากสถิติระดับโลกพบว่า ในคืนที่อุณหภูมิสูงกว่า 30% เรามีแนวโน้มจะนอนหลับได้น้อยลงประมาณ 14 นาที
หรือในอีกด้าน เมื่ออากาศร้อนมาก เราเองก็มีแนวโน้มหลีกเลี่ยง หรือไม่สามารถออกไปอยู่กลางแดดได้ ซึ่งการอยู่แต่ในร่ม หรือการไม่ได้สัมผัสแสงแดดในช่วงเวลาไหนเลย ยังอาจส่งผลกับนาฬิกาชีวภาพ และอาจสัมพันธ์กับการขาดวิตามินดี ที่จะทำให้เรารู้สึกง่วงเหงาหาวนอนได้ ทั้งนี้การที่นาฬิกาชีวภาพของเรารวนจากการไม่ได้สัมผัสแสงแดด ยังอาจส่งผลกับวงจรการนอนหลับ หลับไม่ลึก หลับไม่ดี วนเวียนกลับไปสู่ความเหน็ดเหนื่อยในช่วงหน้าร้อนที่ทวีความง่วงซึมเข้าไปใหญ่
นอกจากมิติทางกายภาพแล้ว ความซึมเซาในช่วงหน้าร้อนอาจสัมพันธ์กับบรรยากาศการใช้ชีวิต หน้าร้อนโดยเฉพาะเดือนเมษาเป็นช่วงเวลากึ่งทำงานกึ่งพักผ่อน เป็นช่วงที่เราอาจเหมือนใช้ชีวิตทำงานเพื่อรอวันหยุด ในบรรยากาศใกล้หยุดเราอาจเจอความรู้สึกว่างๆ ผู้คนเริ่มลาพัก กิจและสิ่งต่างๆ ชะลอตัว ร้านค้าเริ่มปิด กิจการเริ่มหยุด ในบรรยากาศพักๆ ว่างๆ และทำงานแบบรอหยุดยาว ก็อาจเป็นอีกสาเหตุของจังหวะชีวิตที่เคยก้าวเป็นจังหวะของเราช้าลง ซึมเซามากขึ้น
สุดท้ายขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจในการฝ่าความร้อนอันสาหัส และจังหวะชีวิตที่อาจจะเชื่องช้าลงในช่วงหน้าร้อนนี้ ถ้าเรารู้สึกง่วงเกินไป อาจจะลองหาทางปรับตัวตามคำแนะนำ เช่น ไปเดินเล่นให้ร่างกายปรับกับอากาศร้อนในช่วงเย็นๆ หรือเช้ามืด หาจังหวะไปเจอแดดบ้าง หรือถ้าเหนื่อยมากนัก ก็พักสักหน่อย เพื่อดูแลเรื่องการนอนหลับในช่วงหน้าร้อนนี้กันนิด
อ้างอิงจาก