เสียงกระซิบกระซาบลอยมาตามลม เล็ดลอดจากวงสนทนาที่เดินผ่าน แม้จะไม่ได้ร่วมเป็นหนึ่งในกลุ่มนั้นยังพอจับใจความได้ เริ่มแล้วสินะ พิธีกรรมเล่าขวัญคนในออฟฟิศ
การตั้งวงสนทนาเรื่องคนอื่นโดยเจ้าตัวไม่ทราบ อาจเป็นกิจกรรมที่หลายคนเห็นจนชินตา มุมใดมุมหนึ่งในห้องถ่ายเอกสาร ตู้กดน้ำ หน้ากระจก เสียงซุบซิบในพื้นที่เงียบสงัดดังก้องไปทั่ว หลายคนเลี่ยงปัญหาของการเมืองในออฟฟิศ สงครามที่เห็นได้ด้วยตาหรือสงครามประสาทที่ซ่อนเร้นเหมือนคลื่นใต้น้ำ ด้วยการลอยตัวจากเรื่องราวทั้งหมด ไอ้เราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่อยากเข้าไปเอี่ยวเลยทำไม่รู้ไม่ชี้ไป เห็นก็ทำเป็นไม่เห็น ถ้าเรื่องมันจบแค่นั้นได้ก็ดีสิ
อุตส่าห์ลอยตัวหนีปัญหา (เพราะไม่ใช่เรื่องของเรา) ได้ไม่ทันไร หน่วยกระจายข่าวตามมาประกบตัวถึงโต๊ะอย่างไว “น้องรู้ไหมเกิดอะไรขึ้นบ้าง?” พร้อมรีแคปเหตุการณ์ เรื่องราว ตัวละคร จนแทบจะขึ้นไวต์บอร์ดเขียนแผนผังให้ดูอยู่แล้ว จะมองว่าสิ่งนี้เป็นการชวนคุยขำขันสะเก็ดดาวก็ไม่ผิดอะไร คงอยากหาเพื่อนคุยหรือกลัวเราคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องแหละเนอะ เลยหวังดีมาเล่าใหม่
เล่าไปเล่ามา จากที่จะมารีแคปเรื่องราว เหมือนจะมีเจตนาอื่นแอบแฝงมาด้วย “เขาไม่น่ารักเลยเนอะน้องว่าไหม?” “พี่ว่าถ้าน้องอยู่ด้วยนะต้องโกรธเหมือนพี่แน่นอน” เริ่มแย็บๆ จากถามความคิดเห็น ขยับไปใส่อารมณ์ตัวเองลงไป คุยมาคุยไป เริ่มใส่สีตีไข่ให้อร่อยยิ่งขึ้น สุดท้ายอาจจบลงตรงที่ ลากเราเข้าไปเกี่ยว อาจด้วยในฐานะคนอยากรู้อยากเห็นคนหนึ่ง คนที่สนิทกับใครสักคนในเหตุการณ์ หรือคนที่เริ่มเข้ามามีอารมณ์ร่วมกับเรื่องนี้ ถ้าเราไม่เข้าร่วมก็เปลี่ยนเป้าหมายเป็นคนอื่นทันที
ทุกคนเคยเจอเรื่องแบบนี้กันบ้างหรือเปล่า? เหมือนกับว่าเขาไม่ได้มาหาเพื่อนคุยหลังเกมเท่านั้น แต่เหมือนจะมาหาฐานเสียงไปเป็นพวก ดีไม่ดีอาจกลายเป็นหนึ่งในแก๊งที่เลือกข้างใครสักคนในเรื่องราวนี้ขึ้นมา
เรื่องนี้มันค่อนข้างต่างกับการเป็นคนกลางระหว่างคนที่ทะเลาะกันอยู่เล็กน้อย การเป็นคนกลาง มันอาจเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว คนในทีม ในแผนก โดยที่เราไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายไหน แต่ก็ยังต้องอยู่ท่ามกลางสงครามนั้น เพราะยังต้องทำงานร่วมกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่การเจอเพื่อนร่วมงานชอบปั่นประสาท ปั้นเรื่องราว เป่าหูคนไปเรื่อย ทั้งที่เราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่มีส่วนได้เสียอะไรแต่แรก งานก็ไม่ได้ต้องข้องแวะกัน ใครจะทำอะไรก็ทำไป แล้วทำไมเราต้องเข้าไปมีส่วนในเรื่องนี้ด้วยเนี่ย เหมือนหน้าที่ของคนนั้นคือการหาพวก หากหลวมตัวเข้าไป จากผู้ฟังที่ดี เราอาจกลายเป็นหมากในเกมของเขาโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน
เอาตัวรอดในสงครามที่ไม่ได้อยากเข้าร่วม
มาทำงานทุกวันก็เหนื่อยเพียงพอแล้ว ใครจะอยากเอาเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องมาเป็นเผือกร้อนในมือตัวเองกันนะ หากใครจิตแข็งมากพอที่จะไม่ก้าวขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่แรก ยินดีด้วย คุณคือผู้รอดชีวิตจากเพื่อนร่วมงานจอมปั่น
แต่สำหรับใครที่ยังติดเกรงใจ หาทางออกไม่เจอ ด้วยเนื้องานบ้าง ด้วยความสนิทสนมบ้าง เรามีวิธีเล็กน้อยจากเว็บไซต์ LinkedIn ให้คุณได้ติดตัวไว้เอาตัวรอดเมื่อต้องเจอสถานการณ์นี้อีกครั้ง
- มองแง่ดีที่ถูกมองข้ามไป
พอเป็นวงสนทนาที่เจ้าตัวไม่อยู่และไม่ยินยอม มันจะเป็นการพูดถึงในแง่ดีได้สักกี่เปอร์เซ็นต์เชียว (ไม่งั้นก็พูดต่อหน้าไปแล้วสิ) มักจะเป็นเรื่องซุบซิบ ข่าวแง่ลบ พฤติกรรมไม่น่ารัก ตีกับคนนั้น ซัดกับคนนี้ แล้วแพร่ขยายข่าวออกไป เมื่อเรารู้แล้วว่าเราอยู่ในวงสนทนาแบบไหน อย่าลืมว่าเจ้าตัวคนนั้นที่ถูกพูดถึง กำลังถูกพูดถึงโดยคนที่มองเขาในแง่มุมอื่นอยู่ เขาคนนั้นเองอาจจะยังมีแง่ดีที่ไม่ถูกมองเห็น ไม่ถูกพูดถึงอยู่ด้วย - พูดอะไรให้หารสอง
พูดแง่ลบพอทน พูดเกินจริงพอเลย คนมันไม่เข้าตากันอะเนอะ มันก็มีเลยเถิดเติมเรื่องราวไปบ้าง แต่เราคนที่ไม่ได้ไปโกรธอะไรกับเขา อย่าเพิ่งอินเกินจนเชื่อไปเสียหมดล่ะ ต่อให้เรายังนึกแง่ดีของคนต้นเรื่องไม่ออก หรือไม่ได้อยากจะลุกไปสืบสาวราวเรื่องว่ามันจริงแค่ไหน อย่าลืมว่าเรื่องมันถูกเล่าจากคนที่มีอคติต่อกัน ดังนั้นหารได้หาร ไว้หูได้ก็ขอไว้หูก่อน - รับฟังแต่ไม่ตัดสิน
ใครที่อดใจไม่ไหว เอ้ย เลี่ยงไม่ฟังไม่ได้ ลบลี้หนียังไงก็โดนประกบอยู่ดี กลยุทธรับฟังแต่ไม่ตัดสินถือว่าใช้ได้ เพราะต่อให้เราฟังจนจบเรื่อง เราสามารถมีรีแอ็กชั่น พยักหน้า ตอบรับไปตามการพูดคุย แต่อย่าลืมปิดท้ายเรื่องนี้ไว้ว่า เราไม่มีความเห็นใดๆ ในเรื่องนี้ ถ้าจะให้ดีก็ควรมีพยานอยู่ด้วยสักคน เพื่อช่วยยืนยันว่าที่นั่งฟังน่ะ เพราะเลี่ยงไม่ได้ แต่เรื่องความคิดเห็นที่เราเลี่ยงได้ เราได้ลงมือเลี่ยงเรียบร้อยแล้ว - ช่วยหาทางออก
ส่วนมากแล้ว ขาเมาท์ชาวปั่นประสาท จะไม่ได้อยากได้ทางออกของเรื่องเท่าไหร่ โดยเฉพาะขั้นตอนกระจายข่าว แค่อยากให้คนเข้าข้างหรือเห็นด้วยกับเขาเท่านั้น หากเรารู้สึกว่าเราพร้อมชนประมาณหนึ่ง อาจลองแย็บๆ คำถามถึงทางออก “พี่ว่ามันจะจบยังไง?” “พี่อยากให้เขาทำอะไรล่ะ?” อาจช่วยให้ฝั่งนั้นเห็นทัศนคติของเราชัดขึ้นว่า เราไม่ได้คล้อยตามไปกับคำพูดของเขา และกำลังหาทางจบเรื่องนี้ลงด้วยซ้ำ
แม้เราอาจจะเลี่ยงสงครามในที่ทำงานไม่ได้ทั้งหมดก็จริง เรื่องเล็กจิ๋วสร้างความรำคาญหรือเรื่องใหญ่ระดับเคลียร์ใจ อะไรเหล่านี้มันอาจวนเวียนมาเฉี่ยวเราบ้าง แต่ถ้ามันไม่ใช่เรื่องของเราโดยแท้ ไม่เกี่ยวตั้งแต่แรก อย่าเอาชื่อของเราเข้าไปมีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้เลย
ในตอนต้นที่มันเป็นเรื่องราวสนุกปาก มันอยากตื่นเต้นที่มีเรื่องฉาวไว้พูดคุย แต่เบื้องหลังจริงๆ เราไม่รู้เลยว่าใครยืนอยู่ฝั่งใครบ้าง เมื่อเปิดเผยตัวละครขึ้นมา เรื่องเมาท์มอยในวันนี้ อาจทำให้เราเสียโอกาสในความก้าวหน้าเพราะไปเลือกข้างผิดโดยที่ไม่ควรเสียอะไรเลยแต่แรกก็ได้
อ้างอิงจาก