“ทำไมช่วงนี้สดใสจังเลย กำลังมีความรักหรือเปล่าน้า” คนที่มีความรักมักจะถูกทักแบบนี้เสมอ พอส่องกระจกดูแล้วก็รู้สึกว่าเปล่งปลั่งขึ้นกว่าเดิมจริงด้วย มันเป็นเพราะอะไรกันนะ
คำพูดคลั่งรักที่บอกว่า ‘ความรักชนะทุกสิ่ง’ อาจจะไม่เกินจริงเลย เพราะความสัมพันธ์ที่แข็งแรงจะทำให้เราทำได้ทุกอย่างตั้งแต่เปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น ลดความเจ็บปวดทางร่างกาย ไปจนถึงเรื่องเล็กน้อยอย่างผิวที่จะสดใสขึ้น
ความเปล่งปลั่งที่เกิดขึ้นยามมีความรักก็ไม่ใช่เรื่องที่เราคิดไปเอง เพราะ Jennifer Linder แพทย์ผิวหนังได้บอกเอาไว้ว่าความรู้สึกวูบวาบที่เราสัมผัสได้ในเวลาที่ตกหลุมรักใครสักคนนั้น บ่งบอกถึงกระบวนการทางร่างกายที่ส่งผลดีกับผิวของเราในแบบที่มาส์กแผ่นก็ทำไม่ได้
Andrew Affleck แพทย์ผิวหนังอีกหนึ่งคนได้แนะนำเอาไว้เช่นกันว่า ถ้าอยากรู้ว่าเรามีความสุขแค่ไหน ผิวสามารถบอกเราได้ เพราะผิวเป็นหนึ่งในสิ่งที่ไวต่อความรู้สึกที่สุด
ทำไมคนเราถึงดูเปล่งปลั่งยามมีความรัก?
เมื่อเรามีความรัก การไหลเวียนเลือดในร่างกายของเราจะดียิ่งขึ้น และทำให้การส่งสารอาหารไปยังเซลล์ผิวมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเราถึงดูอ่อนเยาว์ขึ้นนั่นเอง
นอกจากเรื่องการไหลเวียนเลือด ยังมีเรื่องของฮอร์โมนออกซิโทซิน ที่เกิดจากการสัมผัสกันระหว่างเราและคนรัก ซึ่งเป็นเรื่องดี เมื่อระดับออกซิโทซินพุ่งขึ้นสูง เพราะช่วยทำให้ร่างกายของเราซ่อมแซมตัวเองได้ดียิ่งขึ้น แล้วออกซิโทซินยังมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งนำไปสู่ผิวที่สุขภาพดี ยืดหยุ่น ไม่หย่อนยาน และอ่อนกว่าวัย
ส่วนสารโดพามีนที่หลั่งออกมาตอนเรามีความสุขนั้น ก็มีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยฟื้นฟูความเสียหายของเกราะป้องกันผิว ซึ่งเกราะป้องกันผิวของเราทำหน้าที่ป้องกันสิ่งแปลกปลอม อย่างมลภาวะ รังสียูวี หรือสารเคมีที่จะเข้ามายังร่างกาย ยิ่งเกราะป้องกันผิวแข็งแรงเท่าไหร่ ผิวก็ยิ่งสวยใส ห่างไกลจากสิว และริ้วรอยก่อนวัยได้มากเท่านั้น ดังนั้นสารโดพามีนก็เป็นหัวใจสำคัญของผิวที่เปล่งปลั่งสดใส
Andrew Affleck ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ถ้าเรากำลังมีความสุข ก็อาจพูดได้ว่าเรามีความเสี่ยงน้อยลงที่จะเป็นโรคผิวหนัง โรคสะเก็ดเงิน และแผลของเรายังหายเร็วขึ้นอีกด้วย
ไม่ใช่แค่ภายนอกดูสดใส แต่ในใจก็โกลว์
แต่ความเปล่งปลั่งนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับร่างกายของเราเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงภายในใจของเราด้วย เพราะในเวลาที่เรากำลังมีความรัก คนรักของเราจะส่งอิทธิพลที่ดีกับเราทั้งในเรื่องของความมั่นใจในตัวเอง การตัดสินใจ และการพาตัวเองไปสู่ไลฟ์สไตล์ที่ดีกว่าเดิม
ปกติการที่เรารักใครสักคน เราก็มักจะอยากเป็นคนที่ดีขึ้นมาเพื่อเขาอยู่แล้ว ลองสังเกตตัวเองในช่วงที่มีความรักดูว่าเราตื่นเช้าขึ้นหรือเปล่า เราอยากเริ่มต้นทำอะไรใหม่ขึ้นมาบ้างไหม ในแบบที่ยามปกติเราจะไม่ทำมันแน่ อย่างบางคนก็ตื่นเช้ามาวิ่งก่อนจะไปทำงาน หรือเริ่มจอยกับการใช้เวลาชมท้องฟ้ายามเย็นในสวนสาธารณะสักแห่ง
มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าคู่รักมักส่งผลดีต่อกัน ในเรื่องของการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเลิกสูบบุหรี่ ตัดสินใจฉีดวัคซีน หรือว่า ถ้ามีคนใดคนหนึ่งเลิกดื่มแอลกอฮอล์ อีกคนก็จะมีแนวโน้มในการเลิกดื่มด้วยสูงกว่าปกติถึง 5 เท่า
เมื่อกี้เราพูดถึงออกซิโทซินไปแล้วในทางที่ว่ามันดีอย่างไรกับผิว คราวนี้มาดูที่เรื่องของจิตใจบ้าง จากงานศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาพบว่า เมื่อคู่รักกอดกัน พวกเขาจะมีระดับออกซิโทซินในเลือดสูงขึ้นมาก ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดความเครียดและทำให้พวกเขาอารมณ์ดีขึ้น
ในทางกลับกัน เมื่อเราแยกจากคนรัก เราจะมีความเครียดที่มากขึ้น เพราะมีงานศึกษาอีกชิ้นหนึ่งที่นำคู่รักมาวัดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลหรือฮอร์โมนความเครียด ก่อนที่จะจับพวกเขาแยกจากกันเป็นเวลา 4-7 วัน และพบว่าเมื่อถูกแยกออกจากกัน พวกเขามีระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงขึ้น และหลับยากกว่าเดิม
ไม่ใช่แค่ความรักโรแมนติกที่ทำให้เราสดใส
ความเปล่งปลั่งนี้อาจพบได้บ่อยในคนที่กำลังมีความรักรูปแบบโรแมนติก แต่ความรักระหว่างครอบครัว หรือความรักระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยงก็สามารถทำให้เราสดใสขึ้นมาได้เหมือนกัน
มีงานศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of Psychology and Aging พูดถึงการได้รับความรักจากเพื่อนที่ใกล้ชิด ว่ามีความสัมพันธ์กับความดันเลือดที่ลดลงได้ เมื่อเทียบกับการอยู่อย่างโดดเดี่ยว
Benjamin A. Steinberg ผู้ช่วยศาสตราจารย์คณะแพทย์ศาสตร์ สาขาอายุรกรรมหัวใจและหลอดเลือดกล่าวว่า เขาพบว่าผู้ป่วยที่มีคนแวะมาเยี่ยมเยียน และให้กำลังใจบ่อยๆ มักจะมีการฟื้นฟูจากความเจ็บป่วยที่ดีกว่า เพราะระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ต่ำลงจากการได้รับความรัก และเขายังกล่าวอีกว่าจะเป็นความรักจากเพื่อน ครอบครัว หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงก็มีส่วนช่วยทั้งสิ้น
การมีความรักที่ดีไม่ว่าจะในรูปแบบใด ส่งผลดีกับเราในแทบทุกสิ่ง ไม่ว่าจะมีความมั่นใจมากขึ้น อยากเริ่มทำสิ่งใหม่ มองโลกด้วยฟิลเตอร์สีสดใสขึ้นแล้ว แล้วยังส่งผลไปจนถึงรูปลักษณ์ภายนอกของเราที่เปล่งประกายขึ้นด้วย
อ้างอิงข้อมูลจาก