พอเพื่อนมีแฟน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
เมื่อก่อนตอนที่เรากับเพื่อนยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน เวลามีเรื่องอะไรเราก็คอยแชร์กันตลอด ไปไหนไปกันได้เสมอ กลับดึกแค่ไหนก็ไม่เป็นปัญหา แต่ไม่รู้เจ้าเพื่อนสนิทไปสะดุดหลุมรักท่าไหน จู่ๆ ดันมีแฟนขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่เคยสัญญากันดิบดีว่าจะเล่นบอร์ดเกมที่บ้านพักคนชราด้วยกันแท้ๆ
อันที่จริง การที่เพื่อนเราจะปิ๊งกับใครก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะขนาดเราเองก็ยังหวังจะได้เจอใครสักคนเหมือนกันเลย ยิ่งหากเพื่อนได้เจอกับคนที่รักเขาจริงๆ ก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นเราก็อดเศร้าใจไม่ได้ จากที่เราเคยเป็นความสำคัญอันดับหนึ่ง ตอนนี้กลายเป็นว่าเพื่อนต้องแบ่งเวลาส่วนใหญ่ให้กับคนของตัวเอง แทนที่จะมาเจอเราได้บ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน จนทำให้รู้สึกกังวลไม่ได้ว่าเราอาจไม่ได้สำคัญกับเพื่อนเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
เมื่ออะไรๆ ก็ดูไม่เหมือนเดิม ความเศร้าจึงเริ่มกัดกินในใจ แม้จะยินดีที่เพื่อนได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ แต่อีกด้านก็รู้สึกใจหายไม่ได้ ว่าความสัมพันธ์ที่เคยมั่นคง อาจกำลังสั่นคลอนเพราะแฟนของเพื่อนทั้งที่เพิ่งเจอกันได้ไม่นาน

เมื่อวัยผู้ใหญ่เป็นเรื่องยากเย็น
ในวันที่เติบโตขึ้น เราและเพื่อนต่างก็มีชีวิตและความฝันเป็นของตัวเอง ทำให้ต้องแยกย้ายกันไป แต่ถึงอย่างนั้นการมีเพื่อนในวัยทำงานก็เป็นสิ่งที่ช่วยชุบชูใจเราจากวันที่ยากลำบากไม่น้อย เพราะหนึ่งในคนที่ทำให้ช่วงเวลาเลวร้ายของเราไม่แย่เกินไป และทำให้ช่วงเวลาประสบความสำเร็จมีความหมายมากขึ้น คงเป็นเพื่อนสนิทของเรานี่เอง
จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์บนวารสาร Frontiers in Psychology ในปี 2023 ศึกษาเกี่ยวกับมิตรภาพของวัยผู้ใหญ่และความเป็นอยู่ที่ดี ชี้ให้เห็นว่า การมีเพื่อนอยู่เคียงข้างในวันที่เราเติบโตขึ้นช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้น เพราะมิตรภาพในวัยผู้ใหญ่ไม่เพียงแต่ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจที่มีคนคอยอยู่เคียงข้างเท่านั้น แต่เพื่อนยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา คนคอยหยอกล้อให้เรายิ้มได้ในวันเหนื่อยล้า แถมยังเป็นพื้นที่ปลอดภัย ที่ช่วยให้เราเติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็งด้วย
แม้การมีเพื่อนในวัยผู้ใหญ่จะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ถึงอย่างนั้นการรักษาความสัมพันธ์ในวัยนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นวัยที่ต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงมากมาย จนทำให้เราและเพื่อนต้องห่างกันไปอย่างน่าใจหาย
เคที่ กิลลิส (Kaytee Gillis) นักจิตบำบัดและนักเขียนหนังสือด้านจิตวิทยา อธิบายว่าถึงสาเหตุที่การรักษาเพื่อนในวัยผู้ใหญ่เป็นเรื่องยาก คือ การเปลี่ยนแปลงของวงสังคม ที่ผ่านมาในช่วงวัยเด็กหรือวัยรุ่น เราอาจรู้สึกว่าการได้เจอเพื่อนไม่ใช่เรื่องยาก เพราะส่วนใหญ่มักถูกห้อมล้อมไปด้วยคนรุ่นเดียวกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นร่วมชั้น ค่าย หรือกิจกรรมนอกห้องเรียน มีโอกาสในการพบปะเข้าสังคมมากมาย แต่พอล่วงเลยเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ วงสังคมที่เคยเปิดกว้างก็ค่อยๆ แคบลง เพราะต้องหันมาให้ความสำคัญกับงาน ครอบครัว หรือเป้าหมายส่วนตัวมากขึ้นแทน

ไม่ต่างจากเพื่อนของเรา ช่วงนี้อีกฝ่ายอาจกำลังโฟกัสกับชีวิตของตัวเองเช่นกัน และการให้เวลากับแฟนที่เพิ่งคบกันไม่นาน ก็อาจเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญทั้งหลายที่เพื่อนยกให้เป็นอันดับแรกๆ เพราะคนที่เพื่อนกำลังคบหาด้วย อาจเป็นคนที่เขาต้องลงหลักปักฐานหลังจากนี้ นั่นจึงทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนๆ ค่อยๆ ห่างหายกันไป
แน่นอนว่าการห่างหายไปของเพื่อนส่งผลต่อใจเราด้วย โดยนักจิตบำบัดคนเดิมยังชี้ให้เห็นอีกว่า สังคมที่แคบลงในวัยผู้ใหญ่ ประกอบกับการหาเพื่อนใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป ทำให้ผู้ใหญ่หลายคนรู้สึกเหงา และโดดเดี่ยวมากขึ้น เนื่องจากโหยหาความสัมพันธ์ทางสังคม
ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยหากเราจะรู้สึกเศร้าหรือใจสลายในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะหากที่ผ่านมาเรากับเพื่อนเคยเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กันและกัน เพราะการที่เพื่อนมีแฟนก็อาจเป็นสัญญาณหนึ่งของช่วงเปลี่ยนผ่าน และบ่งบอกว่าวันเวลาเก่าๆ อาจไม่ย้อนกลับมาเหมือนเดิมแล้ว ซึ่งอาจยิ่งย้ำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้นไปอีก
รักษาความสัมพันธ์ในวันที่เพื่อนมีแฟน
แม้ว่าเพื่อนจะกำลังง่วนอยู่กับการปลูกต้นรัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรากับเพื่อนต้องห่างหายกันไปเลยนี่นา เพราะมิตรภาพก็ยังเป็นสิ่งที่มีค่า และไม่ว่าใครก็สามารถรักษาความสัมพันธ์นี้ไปพร้อมๆ กับชีวิตรักได้เหมือนกันนะ
มีหลายคำแนะนำจากนักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์จาก glamour magazine สื่อด้านไลฟ์สไตล์จากอังกฤษ ชี้ให้เราเห็นว่าเหตุการณ์ที่เรากำลังเจออยู่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน และเราเองก็สามารถรับมือได้ด้วยวิธีเหล่านี้
ปล่อยให้เพื่อนมีช่วงเวลาฮันนีมูน: เคยได้ยินสำนวนที่ว่า แรกรักน้ำต้มผักยังว่าหวาน หรือเปล่า เช่นเดียวกับความรักที่มักเบ่งบานอย่างเต็มที่ในช่วงแรก ระหว่างนี้เราอาจรู้สึกว่าเพื่อนอาจจะห่างหายไป ไม่ได้ติดต่อเราเหมือนอย่างเคย ซึ่งนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ได้แปลว่าเพื่อนตั้งใจจะทอดทิ้งเราไปจริงๆ แต่อาจจะต้องเว้นระยะและให้เวลาเพื่อนดื่มด่ำกับเวลานี้สักพัก
พบปะเขาและสร้างมิตรภาพ: ช่วงเวลานี้เราอาจสนับสนุนเพื่อน ด้วยการขอให้เพื่อนแนะนำแฟนให้เรารู้จัก หรือถามไถ่เกี่ยวกับแฟนของเพื่อนบ้าง เพื่อลดความตึงเครียดและความกังวลในความสัมพันธ์ เพราะหากปล่อยไว้นานเกินไป อาจทำให้เรารู้สึกจมอยู่กับความน้อยใจได้ง่ายขึ้น แต่อย่ากดดันจนเกินไป ถ้าเพื่อนยังไม่พร้อมนะ ยังไงการให้พื้นที่แต่ละฝ่ายก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ระวังการพูดจาไม่ดี: แม้บางครั้งเราอาจรู้สึกไม่ชอบกับแฟนคนใหม่ของเพื่อน แต่ก็อย่าเพิ่งรีบร้อนผสมโรงเข้าร่วมตำหนิทุกครั้งที่เพื่อนบ่นเรื่องแฟนให้ฟัง เพราะเราไม่มีทางรู้เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังของทั้งคู่ได้เลยว่าเป็นยังไง และคำพูดจากความไม่รู้ของเราอาจยิ่งทำให้ทั้งคู่ตีตัวออกห่างจากเราภายหลังนะ
ลองหากิจกรรมใหม่ๆ: แน่นอนว่าการที่เพื่อนมีแฟน ย่อมทำให้เรารู้สึกเหงาเหมือนมีอะไรขาดหายไป แต่นี่อาจจะเป็นช่วงเวลาดีที่เราจะได้กลับมาอยู่กับตัวเอง ค้นหาและลองทำสิ่งที่ชอบแต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำคนเดียว เช่น ออกไปเที่ยว ลงเรียนคอร์สใหม่ๆ หรือทำงานอดิเรกที่ชอบ เผื่อว่าหัวข้อสนทนาครั้งต่อไปจะมีประเด็นอื่นๆ ให้คุยนอกจากเรื่องแฟนของเพื่อนก็ได้นะ
วางแผนใช้เวลาด้วยกัน: ต่อให้เพื่อนมีแฟน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรามาเจอกันไม่ได้นี่นา เราอาจลองหาวันว่างของเราและเพื่อนทำกิจกรรมที่ชอบด้วยกัน เช่น ทานอาหาร ดูหนัง ร้องเพลงคาราโอเกะ หรือไปดูคอนเสิร์ตด้วยกัน แม้จะไม่ได้บ่อยเท่าเดิม แต่การพยายามมาเจอกันอยู่เป็นระยะๆ ก็จะช่วยให้มิตรภาพเรายืนยาวขึ้นได้
อย่าเก็บความรู้สึกไว้: หากทำทุกข้อแล้วยังไม่ได้ผล ท้ายที่สุดเรากับเพื่อนดูเหมือนกำลังค่อยๆ ห่างกันไป เราอาจต้องลองหาทางพูดเรื่องนี้กับเพื่อนของเราอย่างจริงจังอีกครั้ง โดยพยายามอธิบายว่าเรารู้สึกยังไง และหาทางออกร่วมกัน อย่ารอจนทนไม่ไหวแล้วระเบิดออกมา เพราะอาจทำให้เราพูดจาทำร้ายจิตใจกันและกัน จนทำให้มิตรภาพพังทลาย ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก
แม้จะเป็นเรื่องเศร้าที่เรากับเพื่อนอาจต้องเริ่มห่างกันไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังถูกแทนที่ เพราะไม่ว่ายังมิตรภาพก็ยังเป็นความสัมพันธ์ที่แข็งแรงและมีค่าเสมอนะ
อ้างอิงจาก