เพราะเรายังคงเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่อาจจะเผลอเรอ error บ้างในบางครั้ง เลยทำให้เราไม่สามารถรบร้อยครั้งชนะไปเสียร้อยครั้งได้จริง โดยเฉพาะในโลกของการทำงาน หากประสบการณ์น้อยก็อาจจะยังไม่เจนสนาม จนเกิดข้อผิดพลาดไว้เป็นบทเรียน จนกว่าวิชาจะกล้าแกร่ง หรือแม้แต่ประสบการณ์มาก จะยิ่งรู้ว่า แม้เราคิดว่าเราเตรียมตัวมาดี เตรียมตัวมาพร้อม ก็อาจเกิดข้อผิดพลาดจากสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่เมื่อเราทำพลาดไปอย่าปล่อยให้เลยตามเลย การแก้สถานการณ์ที่ดี จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
ข้อผิดพลาดในการทำงาน เป็นเรื่องที่ชาวเราต้องเคยเผชิญหน้ากับมันกันมานักต่อนัก กว่าจะมายืนได้อย่างทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย อย่างการพิมพ์คำผิดบน presentation ไปจนถึงเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ข้อผิดพลาดเหล่านี้จะกลายมาเป็นบทเรียนที่คอยย้ำเราในครั้งต่อไปเสมอ ว่าเราจะไม่ผิดซ้ำเดิมอีก แต่ใครๆ ก็ไม่อยากทำผิดพลาดทั้งนั้น แม้ผิดพลาดขึ้นมาก็ไม่อยากจะยอมรับมันสักเท่าไหร่
ดร.ทิม ชาร์ป (Dr. Tim Sharp) จิตแพทย์จาก The Happiness Institute ได้พูดถึงเหตุผลที่คนเราไม่ค่อยจะยอมรับว่าตัวเองทำผิดพลาด นั่นไม่ใช่แค่เพราะไม่อยากจะยอมรับผิดเฉยๆ แต่เป็นเพราะคนเรามักไม่ชอบที่จะถูกมองไม่ดี และยิ่งใครที่มีอีโก้มากเท่าไหร่ ความต้องการที่จะถูกมองว่าเขาช่างเพอร์เฟ็กต์ยิ่งสูงเท่านั้น และนั่นก็ทำให้การยอมรับว่าตัวเองทำพลาด ทำได้ยากมากขึ้นตามไปด้วย
แต่การไม่ยอมรับผิด โดยเฉพาะความผิดพลาดในการทำงาน อาจทำให้เรื่องราวนั้นแย่ลงกว่าเดิม สิ่งที่เราควรทำหลังจากรู้ตัวว่าได้ทำบางอย่างที่ผิดพลาด คือ การแก้สถานการณ์ มาดูกันว่า เราจะสามารถแก้สถานการณ์หลังผิดพลาดในที่ทำงานได้อย่างไรบ้าง?
ไม่มีอะไรดีไปกว่ายอมรับผิด
อย่างที่ดร.ทิมได้บอกไปว่า คนเรามักไม่อยากถูกมองว่าไม่เพอร์เฟ็กต์สักเท่าไหร่ เลยทำให้เราไม่ค่อยอยากจะยอมรับว่าเราทำผิดพลาด ทั้งที่เราเองก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่พร้อมจะสร้าง error ได้ตลอดเวลา หากอยากจะแก้สถานการณ์ ไม่ต้องรอให้จนมุม ไม่ต้องรอให้ใครมาชี้เป้า เราควรยอมรับในความผิดพลาดที่เราทำลงไป และต้องรู้ด้วยว่า เราพลาดอะไรไป พลาดในจุดไหน เพื่อทำให้การยอมรับผิดของเรานั้นน่าเชื่อถือ รู้ดีว่าเราผิดอะไร และมาจากความรู้สึกผิดจริงๆ
แผนแก้ไข พลาดแล้วจะทำอย่างไรต่อ
การยอมรับผิด อาจช่วยให้เราไม่กลายเป็นคนอีโก้สูงในที่ทำงานได้ แต่อาจจะไม่ช่วยให้ข้อผิดพลาดนั้นดีขึ้น เมื่อรู้แล้วว่าเราพลาดอะไรไป ต้องหาหนทางแก้ไขสิ่งนั้นด้วย ไม่ว่าจะแก้ด้วยตัวเราเอง ขอความร่วมมือจากเพื่อนร่วมงาน เราจำเป็นต้องมีแผนมากางให้ทุกคนได้เห็นว่า เราแสดงความรับผิดชอบด้วยการหาทางออกให้กับเรื่องนี้ เนื่องจากเราพลาดไปในครั้งก่อนในจุดนี้ ครั้งนี้เราจึงจะแก้ด้วยวิธีดังนี้ ทางที่ดี ควรหาทางออกสำรองเผื่อไว้หลายแบบด้วย
ผิดแล้วไม่โทษคนอื่น
พอต้องยอมรับผิดแล้ว อย่าเพิ่งไปกล่าวโทษผู้อื่นในทันที แม้เขาจะมีส่วนร่วมในความผิดนั้นด้วยก็ตาม ในขณะที่เรากำลังจัดการความผิดพลาดของเรานั้น เราควรโฟกัสอยู่ที่การแก้ปัญหาของเราเพียงอย่างเดียวก่อน อย่าเพิ่งไปกล่าวโทษใคร เพราะนั่นจะทำให้เรากลายเป็นชาวอีโก้สูงที่กำลังลากให้คนอื่นมาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้ด้วย เพียงเพราะเราไม่ต้องการจะอยู่ในที่นั่งลำบากเพียงคนเดียว และไม่ได้สนใจที่จะแก้ปัญหาหรือแก้ไขข้อผิดพลาดของตัวเองสักเท่าไหร่นัก
รู้สึกผิดได้ แต่ไม่จำเป็นต้องจมอยู่กับมัน
การที่เราแสดงความรับผิดชอบและแสดงความรู้สึกผิดนั้น เพื่อให้เห็นว่าเรารู้ถึงข้อผิดพลาด และพร้อมแก้ไขกับสิ่งที่เราทำลงไป อาจฟังดูใจร้ายเสียหน่อย แต่สิ่งที่เพื่อนร่วมงานและเจ้านายอยากเห็น น่าจะเป็นการแก้ปัญหาจากเรามากกว่า ไม่ใช่การจมอยู่กับความรู้สึกผิด นอกจากการลงโทษตัวเองจะไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ยังไม่ดีต่อสุขภาพใจของเราอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบและรู้สึกผิดต่อความผิดพลาดที่เราได้ทำลงไป เมื่อการแก้สถานการณ์ของเราในครั้งนี้ลุล่วงไปแล้ว เราเองก็ต้องเรียนรู้ในข้อผิดพลาดนั้นและไม่ทำผิดซ้ำด้วย เพื่อไม่ให้การรับผิดชอบของเราเป็นเพียงการเอาตัวรอดเพียงครั้งต่อครั้ง
อ้างอิงข้อมูลจาก