พื้นที่เมืองกำลังขยายตัวไปทั่วโลก ปัญหาแบบเมืองๆ ก็เริ่มขยายวงกว้างออกไปหาผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ ไลฟ์สไตล์ในแต่ละวันอาจทำให้เรายุ่งวุ่นวายจนไม่ทันได้สังเกตเห็นความเสี่ยงสารพัด
ทั้งฝุ่นพิษ PM 2.5 เชื้อโรคอันนำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บ ไปจนถึงภูมิอากาศที่แปรปรวน ก็ล้วนส่งผลต่อการทำงานของร่างกายอย่างชัดเจน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งตัวช่วยสำหรับรับมือความเสี่ยงต่อสุขภาพที่ดีที่สุด ก็คือระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายที่ทำงานหนักตลอด 24 ชั่วโมงตลอดชีวิต เป็น “สิ่งสำคัญที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา” แต่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของเราทุกคน
อย่าปล่อยให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานหนักอยู่เพียงลำพัง เพราะเพียงเราลองปรับวิธีใช้ชีวิตเล็กๆ น้อยๆ ก็ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้ไม่ยาก
ไลฟ์สไตล์พาร่างพัง
หนึ่งวันของเรายังคงมี 24 ชั่วโมงเช่นเคย แต่วิถีการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป งานการในยุคสมัยใหม่ที่เรียกร้องศักยภาพและเวลาในชีวิตของเรามากขึ้น จากที่เคยทำงานตามเวลาชัดเจน เรากลับต้องผสานชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับงานมากขึ้น เรากินอาหารเช้าไปพร้อมอ่านข้อมูลการประชุม เราเตรียมพรีเซนต์จนถึงเช้าเพื่อให้โปรเจกต์ใหญ่โดนใจลูกค้า และอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้การออกกำลังกาย หรือการเลือกสรรอาหารสุขภาพถูกเลื่อนความสำคัญไปอยู่ในลำดับท้ายๆ เสมอ ทั้งหมดเป็นเหตุให้ภูมิคุ้มกันร่างกายลดลง หรือทำงานได้อย่างไม่เต็มที่
จึงไม่น่าแปลกใจเมื่อเราได้เห็นสถิติจากสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืดและวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย ที่เปิดเผยว่าจำนวนผู้ป่วยโรคภูมิแพ้เพิ่มสูงขึ้นถึง 3-4 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เพราะเพียงก้าวออกจากบ้านเราก็ต้องปะทะกับฝุ่นควันในอากาศ สารเคมีปนเปื้อนนับไม่ถ้วน รวมถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ไม่เอื้ออำนวยให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ง่ายนัก
ภูมิคุ้มกันต่ำทำป่วยง่าย
ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) เปรียบเสมือนกองกำลังที่คอยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย รวมถึงคอยกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายด้วย เมื่อเอาชนะเชื้อโรคได้ระบบภูมิคุ้มกันก็จะจดจำวิธีการรับมือและคอยปกป้องร่างกายเราได้ดีขึ้นเมื่อต้องพบเจอเชื้อชนิดเดิมอีกครั้ง
แต่หากร่างกายของเราเกิดภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติ ไม่ว่าจะทำงานมากเกินไปจนเป็นสาเหตุให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง หรือทำงานน้อยเกินไปจนรับเอาเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกายก็อาจส่งผลให้ป่วยง่าย หายช้า ติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ เมื่อคนหนึ่งป่วย ก็เพิ่มความเสี่ยงที่จะส่งต่อเชื้อให้คนรอบตัว เพื่อนร่วมงานเจ็บป่วยตามไปด้วยได้ นอกจากนี้ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำยังส่งผลถึงค่าใช้จ่ายและเวลาที่ต้องใช้ไปเพื่อการรักษา ฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเป็นปกติดังเดิมอีกด้วย
สร้างภูมิคุ้มกันด้วยตัวเอง
การดูแลภูมิคุ้มกันให้ทำงานเป็นปกตินั้นไม่มีทางลัด แต่จะต้องดูแลตัวเองจากทั้งภายในและภายนอกไปพร้อมกัน เพราะภูมิคุ้มกันทำงานร่วมกันเป็นระบบ การกระตุ้นเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งไม่อาจก่อให้เกิดผลดีต่อร่างกายได้อย่างยั่งยืน วิธีการที่ดีที่สุดก็คือการออกกำลังกาย พักผ่อนอย่างเพียงพอ หาเวลาผ่อนคลายความเครียด และเลือกกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ตามหลักโภชนาการ ก่อนที่จะเพิ่มเติมด้วยวิตามินบางอย่างที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เช่น วิตามินเสริมในรูปแบบต่างๆ แต่สำหรับไลฟ์สไตล์ยุคนี้วิตามินอย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องควบคู่ไปกับแร่ธาตุด้วย เพื่อให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น วิตามินซีคู่กับ Zinc วิตามินดีคู่กับแคลเซียม เป็นต้น
วิตามินซี+Zinc อาหารเสริมภูมิ
วิตามินซีเป็นวิตามินที่เราทุกคนรู้จักคุ้นเคยกันดีตั้งแต่เด็ก มีประโยชน์มากมายทั้งเสริมภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ สร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่อยู่ในกระดูก กระดูกอ่อนและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันทั่วร่างกาย จึงช่วยในการสมานแผล ร่างกายต้องอาศัยใช้วิตามินซีเปลี่ยนคอเลสเตอรอลเป็นกรดในน้ำดี เมื่อได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอร่างกายก็จะสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
ส่วน Zinc หรือสังกะสีนั้นเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการทำงานหลายส่วนของร่างกาย ช่วยในการเผาผลาญ ส่งผลต่อการรับรู้รสชาติอาหาร ซ่อมแซมส่วนที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บ เพิ่มความแข็งแรงของเยื่อหุ้มเซลล์ในผิวหนัง ร่วมมือรวมพลังกับวิตามินซีช่วยดูแลให้ระบบภูมิคุ้มกันของเราพร้อมรับมือ เมื่อต้องเจอศึกหนักจากเชื้อโรค มลภาวะ หรืองานหนักที่ถาโถม
แต่กว่าจะได้วิตามินซีปริมาณเหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่าย เราอาจต้องกินส้มถึง 20 ลูกใน 1 วัน เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม วิตามินซีเม็ดฟู่จึงเข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเสริมภูมิ ให้เรามีเวลาไปสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น
กินให้เป็น ยังไงก็แฮปปี้
อย่างน้อยที่สุดสำหรับการดูแลระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ก็คือการเลือกกินผักผลไม้สดๆ ที่ยังไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปให้มากขึ้นในแต่ละมื้ออาหาร ไม่ว่าจะเป็นส้ม มะนาว ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี กีวี่ แอปเปิล พริกหวานสีเหลือง มะเขือเทศ กะหล่ำปลี ฯลฯ เป็นประจำ รวมถึงเพิ่ม Zinc ให้ช่วยทำงานเสริมกันด้วยเนื้อสัตว์ ตับ อาหารทะเล ชีส ไข่ หน่อไม้ฝรั่ง ธัญพืชต่างๆ เพื่อเติมสารอาหารดีๆ เข้าไปช่วยดูแลจากภายใน
แต่เนื่องจากวิตามินซีตามธรรมชาติสลายตัวง่ายมาก ระหว่างขั้นตอนการขนส่งพืชผักผลไม้ รวมถึงกระบวนการปรุงอาหาร การกินวิตามินซีเสริมที่มาพร้อมกับ Zinc ในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกายก็นับเป็นตัวช่วยดูแลสุขภาพที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เร่งรีบอยู่ตลอดเวลา
ปัจจุบันมีวิตามินซีและ Zinc หลากหลายรูปแบบ เช่น แบบเม็ดฟู่ละลายน้ำซึ่งพกพาง่าย ช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ทันที แถมยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอีกด้วย