หลายครั้งที่ชีวิตเรามันแสนจะขม ความรักไม่เคยเป็นดังที่หวัง ก้มหน้าก้มตาทำงาน เงยหน้าขึ้นมาข้างกายก็ไม่มีใคร
โว้ย อะไรมันจะเศร้าขนาดนี้ ท่ามกลางความเหงาและสีเศร้าๆ ในชีวิตประจำวัน ลองเปิด Netflix ขึ้นมาแก้เซ็งก่อนนอนซะหน่อย Netflix ก็เหมือนจะเข้าใจคนเมืองแสนเหงา หนังที่เด้งขึ้นเป็นหนังโทนสีอบอุ่น เล่าเรื่องราวน่ารักของพวกผู้ช่วยที่พยายามจับคู่เจ้านายที่แสนเดียวดาย อืม การกลับมาของหนังโรแมนติกคอมเมดี้…นานๆ ที นอนดูหนังแบบนี้บ้างก็ชุ่มชื่นหัวใจดีเหมือนกัน
คงด้วย Netflix เข้าใจคนเหงา และจากข้อมูลของคนดู Netflix รายงานว่าในปีที่ผ่านมามีผู้ชม 80 ล้านคนดูหนังแนวรอมคอม คงด้วยความนิยมนี้เองในช่วงหน้าร้อนที่จะถึง Netflix ได้เตรียมส่งหนังแนวรอมคอมของตัวเองออกมาอย่างน้อยอีกหกเรื่อง ถ้าเราจากชีวิตประจำวัน หนังรักแนวตลกเบาสมอง เล่าเรื่องความรักปนเรื่องราวตลกๆ ในชีวิตที่จบลงด้วยความสมหวัง อาจจะทำให้ชีวิตร่วมสมัยของเรามีความหวังและสดใสขึ้นมาบ้าง
ยุคหนึ่ง เราอาจจะเชื่อว่า เฮ้ย การดูหนังแบบนี้มันฝันเฟื่องไปรึเปล่า มันทำให้เรามองความรักสวยงามเกินไปไหม หรือหนังรอมคอมกำลังให้โลกสวยงามเพื่อให้ความหวังกับเรา
ความ Romantic กับ Comedy รวมกันตั้งแต่ตอนไหน
เชคสเปียร์ถือเป็นหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่โยงคำว่า comedy เข้ากับเรื่องรักๆ สนุก เบาหัวใจ การเกิดขึ้นของละครคอมเมดี้ส่วนหนึ่งเกิดจากความเข้าใจมนุษย์และความสามารถในการสร้างสรรค์งานของเชคสเปียร์ สมัยก่อนการไปเสพละครอันมีอิทธิพลมาจากสมัยกรีก คือเราไปดูละครเพื่อไปยกระดับจิตใจ ดังนั้นละครที่ดีที่นักคิดให้การยกย่องคือละครแบบโศกนาฏกรรม ไปดูเพื่อให้เกิดความสงสาร ความกลัว จนเกิดการชำระล้างเพื่อเข้าใจชีวิตขึ้นอีกหน่อยหนึ่ง ละครประเภท tragedy จบแบบมีการตาย เต็มไปด้วยหายนะและความตึงเครียดจึงเป็นละครที่ได้รับการยกย่องว่าสูงค่า ในขณะที่การละครประเภท comedy นักคิดนักปรัชญานั้นไม่ค่อยเห็นค่าเท่าไหร่
พอมาถึงยุคของเชคเสปียร์ งานของเขาถือเป็นงานที่ค่อนข้างชัดเจนในการโยงคำว่า comedy เข้ากับเรื่องรักที่มีองค์ประกอบชวนหัว เป็นบทละครที่พูดถึงคู่รักที่มีความเข้าใจผิดบางอย่าง ก่อนจะค่อยๆ คลี่คลายไปสู่ความสมหวังในท้ายที่สุด ละครคอมเมดี้ที่เด่นๆ ก็เช่น in A Midsummer Night’s Dream, All’s Well That Ends Well และ As You Like It บางเรื่องเชคเสปียร์แต่งโดยมีอารมณ์ขันและเรื่องตลกชวนหัวประกอบด้วย
แน่นอนว่าการละครของแชคเสปียร์ สไตล์การเล่าเรื่องที่เล่าเรื่องรัก อุปสรรคกำแพงความสัมพันธ์ เป็นแนวเรื่องที่ครองรูปแบบการเล่าเรื่อง โดยเฉพาะขนบการละครของโลกตะวันตก คนในโลกสมัยใหม่จ่ายเงินไปดูละครเพื่อหาความบันเทิง จนกระทั่งถึงยุคที่เกิดอุตสาหกรรมหนังฮอลลิวูดขึ้น อิทธิพลแนวเรื่องแบบที่เป็นเรื่องรักโรแมนติกเจือด้วยความขบขัน มีกลิ่นอายของการเสียดลีล้อเลียนหน่อยๆ ก็ยังคงได้รับความนิยมเสมอมา ตั้งแต่การเป็นละครเวที นิยายแนวพาฝัน มาจนถึงหนังโรงใหญ่และละครทีวีซีรีส์ในปัจจุบัน เรายังคงชอบดูเรื่องรักชวนหัวที่จบลงอย่างสวยงาม
ถ้าเราดูหนังรอมคอมดังๆ เราก็จะเห็นลักษณะโครงเรื่องเค้าลางไกลๆ ที่ยังคงมีอยู่ ในเรื่องมักจะพูดถึงชายหนุ่มหญิงสาวที่เหมาะควรกัน เกือบจะรักกัน เจออุปสรรคซึ่งอุปสรรคและเหตุการณ์มักจะเป็นเรื่องโก๊ะๆ กังๆ นอกจากเรื่องเบาสมองแล้ว โดยนัยของหนังรอมคอมคือการล้อเลียนค่านิยมบางอย่าง เช่น หลายเรื่องพูดเรื่องหนุ่มสาวทึนทึก การเป็นผู้หญิงอ้วน การต้องเจอกับแรงกดดันและความคาดหวังในสังคม ก่อนที่สุดท้ายจะคลี่คลายไปได้ด้วยดี
ทั้งหมดนั้น มันก็คือชีวิตที่น่าขำ ที่บางทีเราก็หวังว่าชีวิตขำๆ ของเราจะเจือและมีโชคเรื่องรักกับเขาดูบ้าง
โลกรักในฝันของรอมคอมให้ความหวังหรือหลอกลวงเรากันแน่
ข้อวิจารณ์สำคัญของการเสพงานประเภทพาฝัน คือการที่สุดท้ายแล้วเราจะหลงอยู่ในโลกของความฝันหรือเปล่า เช่น เราอาจจะดูหนังเยอะๆ แล้วไปคิดว่าเอ้อ ผู้ชายในโลกนี้ต้องแบบนี้ คนรักกันต้องเดินจับมือกัน มีคนมารัก ทำให้เราไม่อยู่กับโลกแห่งความจริง
ในทางกลับกัน มีงานวิจัยทางวารสารศาสตร์ที่ Chapman University บอกว่าผลของหนังแนวรอมคอมไม่เชิงส่งผลลบกับความสัมพันธ์ในชีวิตจริง แต่ส่งผลในเชิงบวก จริงอยู่ว่าอิทธิพลของหนังรอมคอมต่อผู้ชม- กลุ่มตัวอย่างที่งานศึกษาใช้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย บอกว่ามีแนวโน้มที่จะรับความเป็นอุดมคติของความรักและคนรัก ซึ่งความเป็นอุดมคตินี้ไม่เชิงว่าเป็นการที่เราจะไปหลงระเริงและไปคาดหวังอะไรผิดๆ แต่มีแนวโน้มส่งผลกับการมองโลก เช่น มีแนวโน้มจะเชื่อเรื่องความรักชนะทุกอย่าง มีตัวอย่างรูปธรรมเช่นนักศึกษาบางคนดูหนังรอมคอมแล้วก็เห็นแฟนตัวเองว่า เฮ้ย คนนี้มันก็ดีเหมือนกันนะ ไม่เลวว่ะ ความสัมพันธ์ก็ดีขึ้นไปซะอย่างนั้น
นอกจากทัศนคติต่อความรักความสัมพันธ์แล้ว ยังมีงานที่บอกว่าการดูหนังรอมคอมส่งผลต่อความคิดในเชิงศีลธรรมด้วย กลายเป็นว่าการดูหนังแนวอบอุ่นหัวใจทำให้หัวใจเราอ่อนนุ่มขึ้น มีแนวโน้มจะเข้าอกเข้าใจคน
ผลเสียของการเสพหนังรอมคอมก็มี คือมีงานศึกษาบอกว่า ไอ้องค์ประกอบเช่นการไปให้ค่ากับการตื้อ กลายเป็นว่าทำให้คนและสาวๆ ใส่ใจเรื่องการถูกการสะกดรอยน้อยลง ซึ่งอาจจะนำไปสู่อันตรายและทัศนคติต่อพฤติกรรมไม่เหมาะสมบางอย่าง ด้วยการไปคิดว่ามันคือเรื่องโรแมนติก
ในระดับภาพใหญ่ คิดว่าคนเราน่าจะพอแยกได้ว่า ภาษาหนังและภาษาวรรณกรรมแบบนี้ เล่าเรื่องสวยงามสมหวัง เราอ่านและดูเพื่อหนีไปจากโลกที่มืดมน ไปสู่โลกสีสันสดใสบ้างสักชั่วโมงสองชั่วโมง สุดท้ายเราอาจจะได้ฟิลเตอร์สดใสมามองโลกหม่นๆ ใบนี้บ้าง
อ้างอิงข้อมูลจาก