เปิดปีมาไม่กี่วันสำหรับ ค.ศ.2021 ก็มีลางสังหรณ์แปลกๆ ว่า เป็นปีที่ยากสำหรับธุรกิจอีกแล้ว แบบไม่ต้องคาดเดา
แต่ในวิกฤติยังมีโอกาส โรคระบาดทำให้หลายธุรกิจพัง หรือล้มหายตายจากไป ขณะเดียวกันก็กลับกลายเป็นบ่อเงินบ่อทองให้อีกหลายธุรกิจ พร้อมกันที่มีอีกหลายเทรนด์ เป็นเทรนด์แห่งโลกอนาคต ไม่ว่าจะเทรนด์ดิจิทัลที่เข้ามาดิสรัปต์ หรือเทรนด์ผู้บริโภคที่ใส่ใจความยั่งยืน ใส่ใจมนุษยชาติมากขึ้น ทำให้กลายเป็นเทรนด์ธุรกิจที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
สมรภูมิธุรกิจในโลกดิจิทัลรวดเร็ว และหลายคนบอกว่าไม่ใช่ปลาใหญ่กินปลาเล็กอีกต่อไป แต่เป็นปลาเร็วกินปลาช้า
นั่นหมายความว่า ถ้าคุณเห็นโอกาสและกระโดดสองขาคู่ใส่เข้าไปก่อน คุณมีโอกาสจะประสบความสำเร็จ ขณะเดียวกันถ้าคุณเป็นนักลงทุนผู้ชื่นชอบความเสี่ยง การมองเทรนด์อนาคตออก ก็หมายถึงความมั่งคั่งระยะยาวในกระดานพอร์ตของคุณด้วยเช่นกัน
เทรนด์ธุรกิจที่ปีนี้น่าจับตามีอะไรบ้าง? แล้วเทคคอมพานีแบบไหนที่มาแรง เราสรุปมาให้อ่านกัน
ธุรกิจวิจัยยาและวัคซีน
ธุรกิจด้านสุขภาพ เป็นธุรกิจที่คงอยู่ตลอดกาลในฐานะปัจจัย 4 แต่ในปีนี้ – การพัฒนาและวิจัยวัคซีน เป็นธุรกิจที่จะได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งจากผู้เล่นหน้าเก่า Pfizer หรือผู้เล่นที่ข้ามสายธุรกิจมาทำ อย่าง FUJIFILM เป็นต้น
โดยแน่นอนว่าวัคซีนที่ได้รับความสนใจลงทุนที่สุดคือวัคซีน COVID-19 ที่ปีนี้ยังระบาดไม่จบสักที ซึ่งโรคระบาดก็เป็นตัวเร่งทำให้วงการยาทำงานและทดลองกันเร็วขึ้นไปโดยปริยาย ทั้งวัคซีนและชุดทดสอบแบบทำได้เองที่บ้าน
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ WFH
ทั่วโลกยังกลับเข้าออฟฟิศไม่ได้ มากที่สุดก็ได้แค่ทำงานไฮบริดมาประชุมสลับกับนั่งทำงานที่บ้าน ดังนั้นบรรดาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Work From Home จะเป็นธุรกิจที่ทุกคนต้องการ
เอาง่ายๆ เลย บรรดาเฟอร์นิเจอร์ หรือเก้าอี้ ergonomics ที่ออกแบบถูกกับสรีระศาสตร์ น่าจะขายดี หรือแน่นอน แอปพลิเคชันประชุม อย่าง Zoom ที่เปิดขายหุ้นสาธารณะไปแล้ว ก็น่าจะยังได้รับความนิยมสูงต่อไป – รวมไปถึงบรรดาซอฟแวร์รองรับการทำงานที่บ้าน สร้าง Virtual Office, ซอฟต์แวร์ช่วยจัดการทีมทำงาน ช่วยงาน Project Manager
สมรภูมิแห่ง 5G
ปีที่แล้วเป็นปีที่อุปกรณ์ IoT หรือบรรดาของใช้ในบ้านที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ได้รับความนิยมสูงเมื่อคนอยู่บ้านมากขึ้นและเจ้าพวกนี้มันช่วยอำนวยความสะดวกได้มากจริงๆ ไม่ว่าจะพวกผู้ช่วยเสียง Alexa หรือกระทั่งหลอดไฟที่ควบคุมการเปลี่ยนสีผ่านแอปฯ มือถือได้ ซึ่งจำนวนอุปกรณ์ที่เพิ่มมากขึ้น อินเทอร์เน็ตความเร็วเท่าเดิมจึงไม่น่าเพียงพอ
5G จึงเป็นคำตอบ เมื่อคนต้องการความเร็วอินเทอร์เนตที่เหนือกว่าคำว่าไฮสปีด แต่ระดับไร้ความหน่วง (latency) ดังนั้นปีนี้การพัฒนา 5G ของค่ายมือถือ ค่ายอุปกรณ์ ของรัฐบาลหลายประเทศก็ยังคงดุเดือด ทั้งในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน เครือข่าย
AI – IoT – VR
อย่างน้อยปีนี้หลายคนทำธุรกิจเชื่อว่า อุตสาหกรรมการผลิต และระบบซัพพลายเชนโลก จะฟื้นคืนสู่ระดับปกติหรือเกือบปกติได้ อย่างไรก็ตาม มันจะมาพร้อมกับภาวะการขาดแคลนแรงงาน ดังนั้นโรโบติก เอไอ และ IoT จะกลายเป็นทางออกสำหรับโรงงานทั่วโลก
หลายโรงงานจะเริ่มลงระบบอัตโนมัติช่วยเหลือในการผลิต ขณะที่หลายสตาร์ตอัพเกิดขึ้นมาพัฒนาและวางขายหุ่นยนต์ที่ช่วยเหลือการทำงานของ กำลังมนุษย์กันมากขึ้น ซึ่งนี่เป็นสายที่เราได้เห็นบริษัทใหม่ๆ เข้ามาห้ำหั่นและประสบความสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง เป็นจำนวนที่มากมายจริงๆ
โลจิสติกส์และการขนส่งแบบไร้สัมผัส
เพราะโรคระบาด ทำให้การส่งของแบบไม่สัมผัสกัน (contactless) เป็นเรื่องที่ถูกดำเนินการและปรับตัวยอมรับการใช้งานจากผู้บริโภครวดเร็วมากขึ้น DoorDash, Postmates โลจิสติกส์ของอเมริกา มีออพชั่นให้เลือกรับของแบบหย่อนหน้าบ้าน ซึ่งได้รับความนิยมมาก โดยปีที่แล้วชาวอเมริกันใช้ออพชั่นนี้เพิ่มขึ้นถึง 20%
ขณะที่หลายเจ้าเริ่มใช้หุ่นยนต์หรือโดรนในการช่วยส่งของ เช่น แบรนด์ Meituan ในอู่ฮั่น ซึ่งเปิดตัวการส่งของด้วยหุ่นยนต์เดลิเวอรี ซึ่งเทรนด์นี้ ปี ค.ศ.2021 มาแน่นอน
Telemedicine การแพทย์ทางไกล
เมื่อโรงพยาบาลไม่ใช่ที่ปลอดภัยอีกต่อไป ดังนั้นเพื่อปรับตัว โรงพยาบาลและการแพทย์จึงเปิดประตูสู่โลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมวิดีโอแชตเพื่อวินิจฉัยโรคคนไข้ ตลอดจนการใช้เอไอในการช่วยวินิจฉัย โดยปัจจุบันมีบรรดาอุปกรณ์ตรวจร่างกายเองที่บ้านออกมาวางขายมากขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะอุปกรณ์ตรวจโรคสำหรับคนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือความดัน ขณะที่มีแอปพลิเคชันบันทึกสุขภาพออกมาหลายเจ้า และหลายเจ้าก็ได้รับการยอมรับใช้ในเชิงการแพทย์จริงๆ
Micromobility ยานพาหนะหนักไม่เกิน 200 kg.
นี่คือเทรนด์การเดินทางที่เริ่มเห็นมากขึ้น กับ micromobility หรือยานพาหนะน้ำหนักไม่เกิน 200 กิโลกรัม และเป็นระบบไฟฟ้ารักโลก ไม่ว่าจะสกูตเตอร์ไฟฟ้า หรือ e-bike
แม้ว่าในช่วง COVID-19 ระบาดใหม่ micromobility จะยอดขายตก แต่ตอนนี้มันกลับมาแล้ว และมันจะมาแรงขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะในประเทศที่มีถนนหนทางดี ขับขี่สะดวกสบาย (ไม่ใช่ไทยแน่นอน) เพราะอะไร? เพราะมันสะดวก ขับง่าย รวดเร็ว และยังทำให้คุณ social-distancing การเดินทางได้โดยไม่ต้องเบียดเสียดกับคนอื่นบนรถไฟฟ้า!
โดยโมเดลธุรกิจ มีทั้งแบบที่คนซื้อมาใช้เอง หรือโมเดลสตาร์ทอัพให้เช่ารถจักรยานไฟฟ้า ซึ่งมีให้บริการตามเมืองต่างๆ
รถ EV ที่ยิ่งเป็นที่ต้องการ
ปีนี้น่าจะเป็นปีที่เห็นความเคลื่อนไหวชัดเจนของรถยนต์ไฟฟ้า – หลายค่ายรถยนต์คาดการณ์เอาไว้แบบนั้น เพราะบรรดาค่ายเก่าและสตาร์ตอัพหน้าใหม่ยังแข่งกันพัฒนาไม่สิ้นสุด ทั้งตัวรถและแบตเตอรี เร่งวางขาย ขณะที่รัฐในหลายประเทศก็เร่งออกกฎหมายช่วยเหลือเพิ่มดีมานด์คนขับ เพื่อกระตุ้นให้ราคารถถูกลงให้ได้
นอกจากรถยนต์ไฟฟ้า ความพยายามในการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับก็ยังมีอยู่ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะ Ride-Sharing อย่าง Lyft หรือค่ายยักษ์ GM ก็ตาม – ราวกับคำมั่นสัญญาว่าอนาคตแห่งการเดินทางกำลังจะมาถึงในไม่ช้า
ธุรกิจเรียนออนไลน์จะกลายเป็นเรื่องปกติ
เพราะ COVID-19 เช่นกัน ที่ทำให้โลกการศึกษาเปลี่ยนไป มันเป็นยุคที่เด็กกว่า 1.6 พันล้านคนทั่วโลก พลาดโอกาสเก็บเกี่ยวความทรงจำในโรงเรียนไปอย่างเสียมิได้ อย่างไรก็ตาม เพราะระยะห่างทำให้แพลตฟอร์ม e-learning ได้รับความนิยมในการใช้งานมากขึ้น และอาชีพติวเตอร์ออนไลน์ ก็มีจำนวนมากขึ้นเช่นกัน
ขณะเดียวกัน บรรดาแพลตฟอร์มคอร์สออนไลน์อัพสกิล ก็ได้อานิสงส์ไปด้วย ไม่ว่าจะ Udacity หรือ Coursera เพราะความไม่แน่นอนของโลกการทำงาน ทำให้วัยทำงานและวัยเรียนหลายคนเริ่มหาสกิลใหม่ๆ มาติดตัว เพิ่มโอกาสในตำแหน่งงานมากขึ้น
Decentralized Finance (DeFi) และสกุลเงินดิจิทัล
การอ่อนลงของค่าเงินหลายประเทศจากวิกฤติโรคระบาด ทำให้คนสนใจคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้น มีสตาร์ทอัพแพลตฟอร์มเทรดจำนวนมากเกิดขึ้นในหลายปีมานี้ ขณะเดียวกัน DeFi ก็เป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นมาพร้อมๆ กัน จากที่มีคนทำคริปโตฯ ออกมาหลายสกุลเงิน (ไม่ใช่มีเพียงแค่บิทคอยน์เท่านั้น)
DeFi คือการทำให้คริปโตฯ งอกเงยมูลค่า โดยเป็นบริการทางการเงิน (Financial Service) บนบล็อกเชน ซึ่งธุรกรรมต่างๆ จะไม่ถูกดำเนินการผ่านตัวกลางใดๆ (decentralized) แต่จะเกิดขึ้นผ่านโค้ด Smart Contract ที่ไม่สามารถแก้ไขได้แทนกัน แค่มีอินเทอร์เน็ต ทุกคนก็สามารถเข้าไปใช้บริการ DeFi ได้จากทุกมุมโลก
แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นการลงทุนที่ความเสี่ยงสูงถึงดาวอังคาร และไม่มีหลักประกันมูลค่าอะไร แต่สำหรับนักขุดเจาะผู้รักการผจญภัย พวกเขาเชื่อว่าเงินดิจิทัลคือการแลกเปลี่ยนแห่งอนาคตดีๆ นี่เอง
อ้างอิงข้อมูลจาก