หลังจากที่องค์ความรู้เรื่องเชื้อไวรัส COVID-19 ขยับเขยื้อนและมีการรับรองจากองค์กรอนามัยโลก หรือ WHO ว่า ไวรัสชนิดนี้ร้ายกาจสามารถแพร่กระจายได้ไกลกว่า 2 เมตร หรือที่เรียกภาษาอังกฤษว่าเป็น ‘การแพร่กระจายทางอากาศ (Airborne)’
ขณะที่ ล่าสุดมีการทดลองจากฮ่องกง ซึ่งการรายงานว่าไวรัส COVID-19 สามารถฟุ้งเป็นละอองฝอยผ่านท่อน้ำทิ้ง ทำให้ผู้ที่อยู่ห่างกันกว่า 10 ชั้น แพร่เชื้อสู่กันได้
ความรู้ต่อโรคที่พัฒนาขึ้น ทำให้เราเช็คความเข้าใจกันใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่ออยู่อาศัยในที่พักที่ใกล้ชิดกับผู้อื่นอย่าง ตึก/คอนโด มีที่ไหนบ้างที่เราต้องระวังตัว
The MATTER ชวน นพ.ชนาธิป ไชยเหล็ก อดีตแพทย์โรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลชุมชน อดีตเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค และขณะนี้กำลังศึกษาต่อด้านระบาดวิทยาภาคสนาม (FETP) ที่มหาวิทยาลัยมหิดล มาประมวลว่าพื้นที่ไหนบ้างที่เสี่ยงอันตราย และควรระวังป้องกันตัวอย่างไร
แอร์บอร์น (Airborne)
กรมควบคุมโรคติดต่อ (CDC) ของสหรัฐฯ และองค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมายืนยันตรงกันแล้วว่า ไวรัส COVID-19 สามารถแพร่กระจายทางอากาศได้ กล่าวคือสามารถออกมาพร้อมการหายใจ, ออกกำลังกาย, การร้องเพลง ตลอดจนการตะโกนเชียร์กีฬา แล้วลอยอยู่ในอากาศได้ โดยละอองที่ออกมาจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบคือ
- ละอองขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งตัวนี้จะตกลงสู่พื้นค่อนข้างรวดเร็ว
- ละอองขนาดเล็กมาก ซึ่งละอองรูปแบบนี้แหละที่มีโอกาสลอยอยู่ในอากาศได้นานตั้งแต่ระดับ ชั่วโมง-นาที ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมโดยรอบของมัน
ส่วนการที่เชื้อเข้าสู่ร่างกายยังคงเป็นแบบเดิม กล่าวคือ มีทั้งหมด 3 วิธีได้แก่ การหายใจนำไวรัสเข้าสู่ร่างกาย, การตกลงบนเยื่อบุผิว เช่น การถูกจามใส่ และการสัมผัส ทั้งนี้ วิธีการสัมผัสไม่ใช่ช่องทางหลักในการได้รับเชื้อไวรัสชนิด
การรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายยังขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและปริมาณของเชื้อ กล่าวคือ ถ้าได้รับเชื้อในปริมาณที่ไม่มากพอ อาจจะไม่เกิดการติด และถ้าหากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อากาศถ่ายเท ไม่แออัด ก็สามรถช่วยลดโอกาสได้รับเชื้อได้
ตรงนี้เสี่ยงไหม ตรงไหนเสี่ยงบ้าง
เมื่อองค์ความรู้เริ่มเปลี่ยนแปลง การอาศัยอยู่ในที่พักโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีคนอื่นอยู่ด้วย เช่น คอนโดหรือตึกแถวจึงต้องกลับมาทบทวนแนววิธีปฏิบัติตัวกันใหม่
The MATTER จึงได้หอบคำถามไปถาม นพ.ชนาธิป ไชยเหล็ก ว่าพื้นที่ส่วนไหนบ้างที่น่ากังวล และมีปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อความเสี่ยงของพื้นที่นั้นๆ ซึ่งอธิบายว่ามีอยู่ 4 อย่าง ได้แก่ ระยะเวลา, ระยะทาง, ลักษณะของกิจกรรม และสภาพแวดล้อม
- ระยะเวลาในการปฏิสัมพันธ์กัน โดยหากนานเกิน 15 นาทีจะทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
- ระยะทาง ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเมื่อสองฝ่ายอยู่ใกล้กันมากกว่า 2 เมตร
- ลักษณะของกิจกรรม ทำกิจกรรมกับใคร และเป็นกิจกรรมที่ทำให้เกิดสารคัดหลังจำนวนมากหรือเปล่า เช่น ร้องเพลง, ออกกำลังกาย หรือตะโกน (เชียร์กีฬา รวมถึงมวย)
- สภาพแวดล้อม เป็นสถานที่แออัดหรือมีอากาศถ่ายเท
และถ้าหากแยกตามพื้นที่ส่วนต่างๆ ดังนี้
๐ พื้นที่ส่วนกลางของตึก อาทิ Co-working space (ห้องทำงานส่วนกลาง), ห้องโถง
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางที่เป็น Co-Working Space, ห้องโถง และโถงทางเดิน นพ.ชนาธิปอธิบายว่า ในตอนนี้น่าจะยังไม่มีความเสี่ยงมากนัก เพราะผู้พักอาศัยเพียงเดินผ่าน ไม่ได้มีกิจกรรมหรือปฏิสัมพันธ์ร่วมกันเท่าไหร่ แต่ถ้ามีการเปิดให้นั่งใช้ และเริ่มมีกิจกรรมในพื้นที่มาก อาจขยับความเสี่ยงไปสูงได้
อย่างไรก็ตาม หากทำให้พื้นที่มีอากาศถ่ายเทตลอดเวลา หรือติดตั้งเครื่องกรองอากาศแบบเดียวกับกรอง PM 2.5 จะช่วยให้อากาศไหลเวียน และลดความเสี่ยงได้
๐ ลิฟต์
นพ.ชนาธิปอธิบายว่า ลิฟต์เป็นพื้นที่ที่ดูเหมือนเสี่ยงสูง แต่อันที่จริงไม่ได้มากมายขนาดนั้น โดยข้อมูลจาก CDC สหรัฐฯ ล่าสุดยังยืนว่า โอกาสที่จะติดเชื้อผ่านการสัมผัส อาทิ ปุ่มกดชั้น นั้นยังค่อนข้างต่ำ แต่ นพ.ชนาธิปเสริมว่า ด้วยภายในลิฟต์อากาศอาจไม่ถ่ายเทมากเท่าไร ดังนั้น ควรใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และหลีกเลี่ยงลิฟต์ที่มีผู้ใช้บริการภายในมาก
๐ รับอาหาร-ของ
สำหรับการรับอาหาร ความเสี่ยงยังอยู่ในระดับต่ำ เพราะเช่นที่กล่าวไปข้างต้นว่าโอกาสในการที่ไวรัสจะอยู่บนพื้นผิวสัมผัสยังมีน้อย และที่มีโอกาสเสี่ยงที่สุดคือ การออกไปรับของจากผู้ที่มาส่ง ซึ่งเปิดโอกาสให้มีการแพร่เชื้อจาก คน-คน ได้
ดังนั้น ถ้าหากเป็นกังวลควรหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะใกล้ชิด โดยการไม่ออกไปรับของกับมือ ให้ใช้ระบบโอนเงินออนไลน์ (อันที่จริง CDC ยังไม่มีรายงานว่าพบการติดเชื้อผ่านการใช้เงิน) รวมถึงฉีดพ่นสเปรย์แอลกอฮอล์และล้างมือทันทีหลังที่จับของเสร็จ
๐ ติดเชื้อผ่านอาหาร
หลายคนอาจกังวลและสงสัยว่าเชื้อจะสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางของที่เรากินเข้าไปได้ไหม นพ.ชนาธิป ชี้ว่า ความเป็นไปได้มีต่ำ เช่นเดียวกับเว็บไซต์ CDC ของสหรัฐฯ ที่ยืนยัน ยังไม่มีรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อผ่านทางอาหารโดยตรง
ทั้งนี้ นพ.ชนาธิป อธิบายว่าสำหรับอาหารที่ปรุงสุกอยู่แล้ว ไม่มีความน่ากังวลอะไรนัก เพราะเชื้อจะถูกความร้อนทำลายทั้งหมด และสำหรับอาหารรูปแบบอื่น ที่ไม่ผ่านการปรุงสุก อาทิ ซาชิมิ, บะหมี่เย็น หรือลาบก้อย ก็เป็นไปได้น้อยเช่นเดียวกัน เพราะในทางทฤษฎี เชื้อจะถูกระบบย่อยอาหารของร่างกายทั้ง น้ำลายหรือน้ำย่อยละลายทิ้งจนหมดเสียก่อน
และสำหรับร้านอาหารหรือผู้ประกอบอาหารเอง ทางที่ดีก็ควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และหมั่นดูแลสุขอนามัยของอุปกรณ์และสถานที่ประกอบอาหารอย่างรอบคอบ
๐ ฟิตเนสและสระว่ายน้ำ
สำหรับฟิตเนส องค์ความรู้ใหม่ที่พบว่าเชื้อไวรัสสามารถลอยในอากาศได้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำอันตรายของสถานที่ออกกำลังกายแบบปิดเช่นฟิตเนส เพราะนอกจากอากาศจะไม่ค่อยถ่ายเทแล้ว การหายใจเข้า-ออกที่รุนแรงขึ้นระหว่างออกกำลังกายจะยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการระบาดของเชื้อได้
ดังนั้น เช่นเดียวกับห้องโถงและส่วนกลางอื่นๆ ควรมีการเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท และติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ PM 2.5 เอาไว้ เพื่อทำให้ภายในมีอากาศหมุนเวียนมากขึ้น
ส่วนสระน้ำ นพ.ชนาธิปมองว่ามีความเสี่ยงต่ำ เพราะเป็นพื้นที่ที่อากาศปลอดโปร่ง แต่เป็นไปได้ว่าจะมีการติดกันหากเกิดการสัมผัสบนบก แต่เมื่ออยู่ในสระน้ำแล้ว โอกาสที่จะแพร่เชื้อในน้ำมีน้อย เพราะคลอรีนที่อยู่ในน้ำจะทำลายเชื้อก่อนที่จะแพร่กระจายได้
๐ ห้องน้ำ & ระบบน้ำเสีย
ล่าสุด มีการรายงานจากฮ่องกงว่าคนไข้รายหนึ่งที่อยู่ชั้น 20 ของอาคาร ได้รับเชื้อทั้งที่ไม่ได้ออกไปไหน และไม่มีใครในบ้านติดเชื้อ จึงเกิดการทำแบบจำลองและตั้งสมมุติฐานว่า อาจเกิดผู้พักอาศัยอีกรายที่อยู่ชั้น 10 ของอาคาร โดยเขาติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อผ่านระบบน้ำเสีย ทำให้ผู้อาศัยในชั้น 20 ได้รับเชื้อไวรัส
นพ.ชนาธิปให้ความเห็นในประเด็นนี้ว่า ตามรายงานของ CDC ยังไม่มีการรายงานว่ามีการแพร่เชื้อผ่านทางน้ำเสีย หรือระบบน้ำเสีย บวกกับยังไม่มีรายงานสถานการณ์คล้ายคลึงกันจากที่อื่น ดังนั้น ข้อมูลยังมีน้อยเกินไปที่จะสรุปว่ามีการแพร่กระจายผ่านระบบน้ำเสีย
๐ ผู้ติดเชื้ออยู่ข้างห้อง/ ข้างบ้าน
สำหรับกรณีที่ข้างห้องมีผู้ติดเชื้อ (แต่ไม่แสดงอาการ หรือแสดงก็ตาม) คุณหมอยังยืนยันว่าถ้าหากไม่มีการใช้ระบบอากาศร่วมกัน (ซึ่งปกติก็ไม่ใช้ร่วมกัน) และไม่มีปฏิสัมพันธ์กัน กล่าวคือ ต่างคนต่างอยู่ ความเสี่ยงก็ยังคงต่ำอยู่
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากมีการปฏิสัมพันธ์กันในระยะใกล้กันกว่า 2 เมตรเกิน 5 นาที หรือถ้ามีปฏิสัมพันธ์กันในพื้นที่ปิดที่อากาศไม่ถ่ายเทตั้งแต่ 15 นาทีขึ้น ก็จะมีโอกาสเสี่ยงสูงขึ้น ทั้งนี้ นพ.ชนาธิปชี้ว่า ถ้าทั้งสองฝ่ายใส่หน้ากากอนามัยจะช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวได้อีกมาก
๐ ไม่ออกไปไหนเลย
สำหรับกรณีที่ไม่ได้ออกไปไหนเลย นพ.ชนาธิปมองว่าเป็นไปได้ยากมากที่จะมีการติดเชื้อ เพราะการติดเชื้อต้องมีสาเหตุที่มา เช่น คนในบ้านได้รับเชื้อไม่รู้ตัว หรือได้รับเชื้อแต่ไม่แสดงอาการเป็นต้น
นพ.ชนาธิป ทิ้งท้ายว่า จากข้อมูลของ CDC ยังยืนยันให้มีใช้วิธีเดิมในการป้องกันเชื้อ กล่าวคือ ใส่หน้ากากอนามัย, รักษาระยะห่าง, หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด และถ้าหากทราบว่าไวรัสสามารถอยู่ในอากาศได้นานกว่าเดิม การหมั่นเปิดหน้าต่างและซื้อเครื่องกรองอากาศจะสามารถช่วยให้ไวรัสกระจายตัวและลดความเข้มข้นของไวรัสลงไปได้
ผู้เขียนแถมอีกอย่างหนึ่งคือ อยากให้ทุกคนที่มีโอกาส เข้ารับวัคซีน COVID-19 ให้ไวที่สุด เพราะวัคซีนบางตัวเมื่อได้รับแล้ว หนึ่งเข็มก็เพียงพอที่จะช่วยป้องกันการแพร่เชื้อได้แล้ว (ในกรณีที่เชื้อในร่างกายเรามีไม่มาก) และที่สำคัญสามารถลดการป่วยหนักและนอนโรงพยาบาลได้สูงมาก
วัคซีนเป็นสิทธิพื้นฐานของทุกคน ดังนั้น รับเถอะ รับแล้วจะได้หายห่วง มีแรงมามาช่วยกันด่ารัฐบาลรัฐประหารต่อไป
อ้างอิง:
Can I get COVID-19 from wastewater or sewage? | US EPA
ijidonline (แบบจำลองกรณี ผู้ติดเชื้ออยู่ห่างกัน 10 ชั้นในฮ่องกง)
cdc (การติดเชื้อจากสิ่งของ-คน)