30 คือช่วงวัยที่ใครหลายคนรู้สึกว่าคือจุดเปลี่ยนหรือเช็คพอยท์บางอย่างของชีวิต
30 คือช่วงวัยที่ใครหลายคนตั้งคำถามมากมายถึงอดีตที่ผ่านมาและอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น
คำถามคือ ทำไมเราถึงอะไรอะไรกับวัย 30 กันนัก? และเราก็มักเห็น Bucket List ประเภท ‘สิ่งที่ควรทำก่อนอายุ 30’ เต็มไปหมด
วรรคทองเรื่องวัย 30 ของ William James นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดว่าไว้ เมื่อวัย 30 มาถึง ตัวตนของเราจะหล่อหลอมจนแข็งแกร่ง และยากที่จะเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้ (In most of us, by the age of thirty, the character has set like plaster, and will never soften again.)
งานวิจัยหลายชิ้นสนับสนุนแนวคิดนี้ ด้วยผลการศึกษาที่บอกว่า บุคลิกภาพหลัก (Big Five traits ซึ่งเป็นสิ่งที่จะไม่แปรเปลี่ยนไปง่ายๆ ตามอารมณ์) เป็นผลมาจากองค์ประกอบด้านพันธุกรรม (ยีน) ซึ่งมันจะลดการเปลี่ยนแปลงและหยุดนิ่งเมื่อวัย 30 มาถึง นั่นเป็นผลให้ตัวตนของเรานิ่งและชัดขึ้นเมื่อก้าวเข้าสู่อายุ 30
โดยคอมมอนเซนส์ (ซึ่งสนับสนุนด้วยงานวิจัยส่วนใหญ่) เราก็เห็นแหละว่า บุคลิกภาพและนิสัยใจคอของคนเรามักจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงวัยรุ่น โดยเฉพาะวัย 20 ต้นๆ แล้วก็จะเปลี่ยนแปลงน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ซึ่งมันทำให้บรรดานักจิตวิทยาหรือเว็บไซต์ต่างๆ ออกมาตบไหล่เตือนเราว่า เฮ้ย! จะ 30 ละเว้ย จะเปลี่ยนตัวเองยากละนะ ทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้แล้วหรือยัง?
ถึงอย่างนั้น ก็มีอีกฝ่ายออกมาโต้แย้งว่า บุคลิกภาพของเราไม่ได้เกิดจากพันธุกรรมทั้งหมด สิ่งแวดล้อมก็มีผล และที่สำคัญคือเราทุกคนล้วนเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่
ยังไงก็แล้วแต่ อายุ 30 ก็ยังคงถูกมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตสำหรับใครหลายคน เราเลยของรวมเอา 30 อย่างที่เว็บไซต์ต่างๆ แนะนำให้เราทำก่อนอายุ 30 บ่อยที่สุดมาไว้ให้ เผื่อใครกำลังก้าวใกล้ 30 ก็แนะนำให้เก็บไว้เป็นเช็คลิสต์ได้
อันดับแรกเลยคือออกเดินทาง 90% ของลิสต์แบบนี้ มักบอกให้เราไปในที่ที่ไม่เคยไป ไปในที่แปลกใหม่ และถ้าทำได้ ให้ไปโดยลำพัง เพราะเราจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้เจอเพื่อนใหม่ และรู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งประสบการณ์ในการเดินทางย่อมทำให้เราโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
อันดับสองของสิ่งที่แนะนำให้ทำ คือการทำอะไรเพื่อคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นลงทุนบริจาค หรือลงแรงเป็นอาสาสมัคร ส่วนอันดับสาม บอกให้เรียนภาษาต่างประเทศหรือฝึกทักษะพิเศษอะไรสักอย่าง แน่นอนล่ะว่า มีสกิลพิเศษก็สามารถเอาไปต่อยอดเรียนรู้หรือทำสิ่งอื่นๆ รวมถึงอาจจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในระหว่างฝึกฝนสิ่งเหล่านี้ด้วย
อันดับสี่คือบอกให้หัดทำอาหาร เอาไว้ดูแลตัวเองและครอบครัว รวมถึงเป็นงานอดิเรกที่ทำได้ง่ายๆ ที่บ้านด้วย และอันดับห้า คือให้ย้ายไปอยู่ที่ใหม่ อาจจะไปอยู่ ไปเรียน หรือไปทำงาน อาจจะเป็นต่างเมืองหรือต่างประเทศ แต่นั่นก็คือการก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนที่อยู่มานานนั่นเอง
อ้างอิงจาก : nymag.com