ชีวิตก็เหมือนกับรถไฟเหาะตีลังกา ขึ้นๆ ลงๆ ลุ่มๆ ดอนๆ วันที่ดีก็ดีใจหาย วันที่แย่ก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอด
เมื่อวันแย่ๆ มาถึง หลายคนใช้วิธีปล่อยความรู้สึกเชิงลบออกไป ตั้งสติและถามตัวเองว่ารู้สึกอย่างไร ไปจนยอมรับว่าวันนี้คงไม่ใช่วันของเราจริงๆ หากไม่ไหว ก็เล่าให้ใครสักคนฟัง กำลังใจคือสิ่งสำคัญในช่วงเวลาแบบนี้ และเมื่อคุณผ่านมันมาได้ คุณจะไม่กลัวอะไรในชีวิตอีกเลย
โชติกา ปริณายก
อาชีพ : Creative
“เอาจริงไม่ได้เป็นคนมองโลกแง่บวก แถมเป็นคนคิดเยอะเครียดง่าย เวลาเจออะไรมันก็เลยจะดีลยากหน่อย ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่แบบพีคไม่ไหวแล้วเป็นเรื่องงานแล้วกัน ช่วงที่ freak out ไปเลยคือถือแอคเคาท์ (ลูกค้า) เยอะจนโฮลไม่ไหว แล้วทุกตัวดันมามีปัญหาพร้อมกันหมด ความรู้สึกมันเหนื่อยเหมือนใจจะขาดแต่ยังไงก็หยุดไม่ได้ เพราะงานต้องส่งทุกตัว
“จริงๆ คือดีลไม่ได้ 5555 สุดท้ายคือร้องไห้หนักมาก แต่เราว่าการร้องไห้มันก็เป็นการช่วยอย่างหนึ่ง คือปล่อยอารมณ์แย่ๆ ออกมาให้หมด แล้วทำมันต่อ ไม่ก็พักหรือนอนหลับไปเลย แล้วตื่นมาเริ่มใหม่ หรือถ้าแย่กว่านั้นเราไปหาจิตแพทย์เลย ฟังดูบางคนอาจคิดว่า เฮ้ย หนักขนาดนั้นเลยเหรอ แต่จริงๆ สำหรับต่างประเทศมันเป็นเรื่องปกติมากนะ เพราะความนอยด์ความเครียด ส่วนหนึ่งมันเป็นเรื่องของฮอร์โมนแล้วก็สารเคมีในสมอง”
ศศิภา ปิยะจันทร์วิจิตต์
อาชีพ : Content Creator / นางฟ้า
“วันนั้นเป็นวันที่ตัดสินใจไม่ไปเชียงใหม่กับเพื่อนที่คณะ เหลือเราคนเดียวรออยู่หน้าจอ รอผลสอบวิชาที่ F มา 2 ครั้ง ถอนมา 1 ครั้ง แล้วผลก็ขึ้นว่า F (ครั้งที่ 3) จากเด็กที่เคยเป็น Top 5 ของโรงเรียน เรียนเก่งมาตลอด ตอนนั้นถือว่าพีคมากสำหรับเด็กอายุ 18 คนนึงที่คิดว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้ว แต่ก็ตัดสินใจย้ายคณะ สู้เอง เดินเรื่องเอง ย้ายไปสังคมคณะใหม่ที่ไม่ง่าย แต่ก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตค่ะ”
ซู-ศุภารมย์ รอนยุทธ์
อาชีพ : Food and Beverage Attendant / Props Maker / Visual Merchandiser
“เรื่องที่แย่ที่สุดในชีวิต คือ เรื่องที่ญาติพี่น้องของเราบางคน อาจจะเข้าใจอะไรเราผิดหรือฟังความไม่ครบสองฝั่ง เลยได้กล่าวกับเราว่า เราเป็นตัวทำลายครอบครัวของเราให้เเตกแยก เราจะภูมิใจเหรอถ้าเราเรียนจบเเล้วกลับมาไม่เหลือใครเลยในครอบครัว
“เรื่องมันเริ่มจากตอนนั้นเราตัดสินใจเรียนต่อ (เราอยู่ต่างประเทศแล้ว) เเต่ยังเก็บเงินไม่ครบที่จะจ่ายค่าเทอมเเรกที่แสนเเพงได้ เมื่อได้ยินอย่างนั้นเหมือนหัวใจขาด เจ็บปวดมาก ร้องไห้เหมือนคนบ้าเลย ทีนี้เราเลยมาตั้งสติ มาดูว่าค่าเทอมที่ต้องจ่ายเหลือเท่าไหร่ ต้องหาเงินให้ได้เท่าไหร่ เหลือเวลาอีกกี่วัน เรื่องค่าเทอมมันแพงเกินว่าเราจะทำงานหาเงินคนเดียวให้ครบได้ เลยปรึกษาเพื่อนและรุ่นพี่ เล่าความมุ่งมั่นเเละเป้าหมายในชีวิตในพวกเขาฟัง เราโชคดีที่มีคนรองข้างดีเขาจึงให้เรายิมเงินมาโปะค่าเทอมเเรกก่อน หลังจากนั้นเราก็ค่อยๆทำงานเเละทยอยคืน
“กฎหมายในประเทศออสเตรเลียนั้น วีซ่านักเรียนไม่สามารถทำงานได้เกิน 40 ชั่วโมงต่อ 2 สัปดาห์ เราเรียน Full time ไม่เคยมีวันหยุด เเต่เราก็ตั้งมั่นในเป้าหมายเเละอดทนมากๆ ตอนนี้ปลดนี้ได้หลายคนเเล้ว แต่ก็ยังทำงานใช้หนี้อยู่ ส่วนญาติพี่น้อง ในเมื่อชีวิตเราก็มีปัญหาเเละอุปสรรคมากอยู่เเล้ว ถ้าจะต้องมานั่งรับปัญหาเพิ่มจากญาติพี่น้องที่เขาไม่เข้าใจเรา เราตัดไปเสียดีกว่า
“เราผ่านวันแย่ๆ ได้ด้วยคนรักและเพื่อนๆ รอบข้าง มีคนเข้าใจเเละเป็นกำลังใจให้สำ สิ่งสำคัญคือตัวเองต้องเข้มเเข็ง ร้องไห้ได้ เเต่หลังจากนั้นจะต้องตั้งสติเเล้วมองว่าปัญหาของเราคืออะไร ต้องจัดการอย่างไร เราต้องเรียนรู้ที่จะอดทนและตั้งอยู่ในเป้าหมาย เราเชื่อว่าทุกเรื่องร้ายคือบทเรียนในชีวิต ที่ถ้าวันหนึ่งผ่านมาอีกเราก็จะมีภูมิคุ้นกันตั้งรับได้
“ตอนนี้เรียนจบเเล้ว พอมองย้อนกลับไปว่าความยากลำบากนั้น ทำให้เราเป็นคนที่อดทนเเละพยายามมากๆ ไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างเราจะต้องมาต่อสู้ชีวิตอย่างนี้ เเต่พอผ่านมันมาได้ เราก็กลายเป็นบุคคลที่เราภูมิใจในตัวเองมาก”
พิชชา แดงประสิทธิ์
อาชีพ : นักศึกษา
“วันที่แย่ที่สุดในชีวิตคงเป็นวันที่ตัดสินใจบอกพ่อกับแม่ว่าเราจะหยุดเรียนไปปีนึงก่อนเข้ามหาลัยฯ ตอนบอกออกไปเขาไม่ได้ว่าหรือตำหนิอะไร แต่เห็นสายตาเขาแล้วรู้เลยว่าผิดหวังในตัวเรามาก ยิ่งเห็นเพื่อนคนอื่นมีที่เรียนกันหมด ยิ่งทำให้จุดยืนเราเขว รู้สึกไร้อนาคต
“แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ด้วยการบอกตัวเองตลอดว่า บางทีก็ไม่จำเป็นต้องทำตามมาตรฐานสังคมก็ได้ เราหยุดไปเพื่อหาประสบการณ์ เพื่อมองดูตัวเองว่าอยากเดินไปทางไหนจริง ๆ กันแน่ ไม่ได้จะหยุดเพื่อไม่เรียนต่อหรือหยุดการศึกษาที่มัธยมปลายไปเลย
“พอมองย้อนกลับไปตอนนี้ ปีที่หยุดไปกลายเป็นปีที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิตเลยนะ มันเป็นช่วงเวลา ‘ช่างแม่ง’ ทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องกังวล ซึ่งคงไม่มีปีแบบนี้อีกต่อไปแล้วในชีวิตผู้ใหญ่ข้างหน้า”
ณัฐภัทร ประพันธ์
อาชีพ : graphic designer
“ช่วงปลายปี ’59 แม่เราล้มป่วยขั้นวิกฤต ต้องผ่าตัดใหญ่ นอนโรงพยาบาลเป็นเดือนๆ เรานึกโทษตัวเองอยู่ลึกๆ ว่าทำไมถึงไม่ดูแลแม่ให้ดีกว่านี้ตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นไม่หนัก แม่เข้ารักษาตัวไม่ทันไร พ่อกับน้องก็มาประสบอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ล้ม เช้าวันนั้นเรารีบไปโรงพยาบาลทันที ภาพที่เห็นทำให้น้ำตาร่วงเลย พ่อซี่โครงหักหลายจุด น้องชายหัวกระแทก แขนหัก อาการหนักทั้งคู่ ในตอนนั้นค่าใช้จ่ายคือส่วนที่สาหัสที่สุด เราพยายามทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ โพสต์สเตตัสรับงานกราฟิกเพื่อหาเงินมารักษา ไปโรงพักเพื่อเคลียร์เรื่องรถชน จู่ๆ ก็ต้องเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่ยังไม่พร้อมเลยสักนิด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังนอนดูซีรีส์ ให้แม่ทำกับข้าวให้กินอยู่เลย
“แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี เราได้รับความช่วยเหลือจากคนรอบตัวมากมาย ทั้งกำลังใจและกำลังเงิน จากสเตตัสนั้นที่ถูกแชร์ออกไป ทำให้ได้รู้จักกับผู้ใหญ่ใจดี ที่ยังคอยช่วยเหลือกันจนถึงทุกวันนี้ เหนือสิ่งอื่นใด เรามีพี่สาว น้องสาว ที่แบ่งรับแบ่งสู้กันมาตลอด เรามีครอบครัวที่คอยพยุงกันจนผ่านวันเหล่านั้นมาได้ และขอบคุณตัวเองที่เข้มแข็ง ไม่แพนิคกับสิ่งที่ต้องเจอ การมองโลกในแง่บวกเสมอมันช่วยได้จริงๆนะ วันพรุ่งนี้มันต้องดีกว่านี้ เราเชื่ออย่างนั้น :)”
ลฎาภา โสภณกุลกิจ
“เรื่องพีคในชีวิตส่วนใหญ่จะเจอคนที่ชอบลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นครูกระทำต่อนักศึกษา หัวหน้ากับลูกน้อง หรือลูกค้ากับผู้ถูกจ้าง ด้วยภาษา หรือการกระทำที่ทำให้วันของเรากลายเป็นวันแย่ๆ ได้ทันที สิ่งที่ทำได้ก็คือคุยกับตัวเอง แต่ที่สำคัญคืออย่าเพิ่งโทษตัวเองก่อน ถอยออกมาถามตัวเองว่า นี่เราทำอะไรผิดหรือเปล่า หรือปัญหามันเกิดจากอะไร แล้วถ้าสุดท้าย มันแค่วิธีระบายอารมณ์ของอีกฝั่ง คือแค่คาเรคเตอร์แย่ๆ ของเขาที่แสดงออกมาพอดีโดนที่เรา ก็ต้อง ช่างแม่ง ต้องยอมรับไปว่ามันก็คงไม่ใช่วันของเราจริงๆ”
ธนศิลป์ มีเพียร
อาชีพ : นักศึกษา
“วันที่เราเอนท์ไม่ติดคณะที่หวังนี่แหละ ตอนนั้นรู้สึกเฟลมาก เพราะชีวิตเด็กม.6 การสอบเข้ามหา’ลัยคือทั้งหมดของชีวิต ไม่กล้าบอกที่บ้านว่าไม่อยากเรียนคณะที่ได้ฝืนใจไปเรียนได้ไม่นาน ยิ่งมั่นใจว่า เราต้องซิ่ว! เพราะเรารู้สึกไม่ fit in กับที่นั่นเลย ก็ทะเลาะกับแม่ ไม่คุยกันเป็นเดือน
“ตอนนั้นเครียดมากจนเป็น Depression แม่ก็พาไปหาหมอ จำได้ว่าน้ำหนักลด ซูบมาก ตัวเหลืองเหมือนคนเป็นดีซ่าน ไม่อยากออกไปเจอใครเลย แต่แม่ก็ไม่อยากให้อยู่บ้านเฉยๆ เลยพาเราไปเข้ามหา’ลัยใกล้ๆบ้าน เราก็ไม่ไปเรียน หมกตัวอ่านหนังสืออยู่แต่ห้องจนจะเป็นบ้า บางทีเบื่อๆ ก็แอบหนีออกไปเที่ยวที่โน่นที่นี่ แวะไปหาเพื่อนตามมหา’ลัยโน้น มหา’ลัยนี้ ส่วนตัวแล้วการออกไปเจอคนอื่นๆ มันช่วย heal เราได้ดีกว่ายาของหมอ มีเพื่อนเราคนหนึ่งบอกกับเราว่า “มึงอย่าฆ่าตัวตายนะ” ตอนนั้นเหมือนได้สติคืนมา
“ตอนสอบอีกทีก็ตั้งใจทำกว่าเดิมแต่ไม่ได้เครียดกับมัน และคิดว่าทำไมเราต้องทำร้ายตัวเองขนาดนี้นะ พอคะแนนสอบออกมา เราก็ตกใจนะ คะแนนมันดีมาก แต่ก็ไม่ได้วางใจ พอยื่นคะแนนแล้วสอบติดคณะที่อยากเรียน โคตรดีใจ พอย้อนกลับไปวันที่เราสอบไม่ติดเราก็อยากขอบคุณหลายๆ คน โดยเฉพาะเพื่อนคนนั้น เราก็โทรไปขอบคุณมันที่ช่วยเตือนสติเรา”
บุชชี่-ปนิธาน ถนอมทรัพย์
อาชีพ : freelance
“วันแย่ๆ และพีคที่สุดในชีวิต คงจะเป็นวันที่พ่อกับแม่ของบุชชี่เสียค่ะ เหตุการณ์ช่วงนั้นมันแย่มากๆ พ่อเพิ่งเสียไปได้ 2 อาทิตย์ แม่ก็มาเข้าโรงพยาบาล เส้นเลือดในสมองแตกอาการโคม่า ไม่รู้สึกตัว และเป็นจังหวะเดียวกับที่ Britney Spears จะมาเล่นคอนเสิร์ตที่ไทย
“ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนที่ชอบ Britney มากกกกก และชอบมานานแล้ว ถ้าใครตามเราหรือรู้จักเราจะรู้ดี ทีนี้เราได้ไปแข่งการออดิชั่นเป็น Britney Spears และชนะ ได้มีทแอนด์กรี๊ด กับ Britney เราเลือกที่จะไปคอนเสิร์ต และกะว่าอีกวันจะกลับมาเฝ้าแม่ต่อที่กาญจนบุรี แต่แล้วในบ่ายวันคอนเสิร์ตนั้น แม่ก็ได้จากเราไป
“ตอนที่พี่สาวโทรมาบอก คือทำอะไรไม่ถูก จำได้ว่าตอนนั้นนั่งแต่งหน้าอยู่ พอทราบข่าวเท่านั้น มาสคาร่า บล็อกตา เละเทะไปหมด ในใจคือไม่รู้จะทำอะไรต่อดี อีกทางหนึ่งคือแม่ของเรา อีกทางหนึ่งคือความฝัน เราก็เลยต้องมีสติ ค่อยๆ คิดและแก้ปัญหา ตอนนั้นก็รีบติดต่อถามจากโรงพยาบาลแล้วว่า การเอาศพออกไม่สามารถทำได้ เพราะแม่เสียเย็นแล้ว จะทำได้ในวันพรุ่งนี้ เราเลยตัดสินใจ เลือกที่จะไปคอนเสิร์ตก่อนแล้วพรุ่งนี้จะรีบกลับไปหาแม่
“วันนั้นเป็นวันที่แย่มากเราไม่รู้ว่าเราต้องรู้สึกยังไง ดีใจที่ได้เจอ Britney หรือจะเสียใจที่แม่เราเสีย เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของเรา เราขาดเสาหลังของบ้านไป จากที่เคยมีพ่อแม่อยู่ด้วย เราต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียว มันเหมือนจะตาย เหมือนจะไม่ไหว แต่สุดท้าย ก็รอดมาได้นะคะ
“วิธีการรับมือในวันแย่ๆ ของเราคือการมีสติจริงๆ ค่อยๆ คิด เข้มแข็ง และต้องพยายามคิดบวกเข้าไว้ บอกกับตัวเองไว้ว่า เราจะผ่านมันไปให้ได้ และอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้เรารอดมาได้ก็คือกำลังใจค่ะ จงเห็นความสำคัญของกำลังใจจากคนรอบตัว และมันจะทำให้คุณมีกำลังใจที่จะสู้ และเผชิญหน้ากับปัญหาที่เกิดขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือต้องรักตัวเองให้มากๆ
“ทุกครั้งที่มองกลับไปบุชชี่ก็จะบอกตัวเองเสมอว่า เราทำดีที่สุดแล้ว เราจะไม่นึกย้อนว่า รู้งี้วันนั้นทำอย่างงั้น ทำอย่างงี้ เพราะบุชชี่คิดเสมอว่า คิดไปเราก็ทำอะไรไม่ได้ เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ให้คิดซะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นสิ่งที่ดีเสมอ อย่างน้อยๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ทำให้เราโตขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นมากๆ เป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ของเราเลยค่ะ
“และทุกครั้งที่มองกลับไป ก็อยากขอบคุณตัวเองในวันนั้นที่เข้มแข็ง และผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นมาได้
และต้องขอบคุณทุกกำลังใจ ที่ทำให้เราเข้มแข็ง แกร่ง และผ่านวันนั้นมาได้ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”