เสียงพูดในการโน้มน้าวเป็นได้มากกว่าอารมณ์ความรู้สึก แต่มันคือการ ‘สร้างอิทธิพล’ เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นผู้ตามเชื่องๆ ด้วยกลยุทธ์จากธรรมชาติ เพราะวิทยาศาสตร์บอกอะไรได้ลึกกว่านั้น!
“คุณมีนักพูดที่ชื่นชอบเป็นพิเศษไหมครับ?”
“คุณมักได้ยินเรื่องอะไรเป็นประจำจากพวกเขา?”
“แล้วคุณเคยรู้สึกว่ากำลังถูกโน้มน้าวความรู้สึกอยู่หรือเปล่า?”
พวกเราส่วนใหญ่เป็นนักฟังที่ตื่นตัวอยู่เสมอหากได้ยินเรื่องราวที่น่าสนใจ นักเล่าเรื่องที่มีเสน่ห์สามารถพาผู้คนให้ลัดเลาะดำดิ่งไปกับสายธารแห่งเรื่องราวผ่านเนื้อหาและท่วงทำนองที่ออกแบบมาอย่างดี ท่ามกลางความเปราะบางของความใคร่รู้ใคร่เห็น มันเป็นเรื่องปกติที่เราจะเปิดใจให้ใครสักคนเข้ามาเป็นนักเล่าเรื่องหน้าใหม่ในสังคมไทย
บ้านเราจึงมี ‘นักพูด’ อยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าพวกเขาจะมีพื้นฐานความเชื่ออย่างไร หรือมีวัตถุประสงค์ใดแอบแฝงอยู่ในใจ แม้กระทั่งในประวัติศาสตร์ ความขัดแย้งและสงครามก็ล้วนมีจุดกำเนิดจากการพูดปลุกเร้าเพียงไม่กี่ประโยค การพูดขับเคลื่อนพลวัตแห่งมวลชน กล่าวกันว่าหากคุณอยากจะเป็นผู้นำที่มีอิทธิพลสูง การพูดเป็นสิ่งแรกที่คุณควรฝึกฝน
“จงใช้คำพูดของคุณเป็นใบเรือ แล้วให้สายลมแห่งความเชื่อ พัดพาคุณไปสู่ดินแดนที่ไม่มีใครเคยพบ”
แต่ก็ยืนยันไม่ได้หรอกว่า จุดหมายนั้นอาจจะเป็นเกาะอันอุดมสมบูรณ์ หรือเป็นพื้นที่รกร้างไร้ความหวังก็เป็นได้
การเป็น “ผู้ฟัง” อยู่ในสัญชาตญาณของทุกคน
สัญญาณเสียงในหมู่สรรพสัตว์มีความหมายและสัญญะอันสลับซับซ้อน ตั้งแต่เสียงร้องของกบในบ่อบึงที่ดังระงม จวบจนเสียงกรีดแหลมของฝูงลิงบนยอดไม้สูง ทุกสรรพเสียงมีวัตถุประสงค์ พวกสัตว์ใช้เสียงเพื่อบ่งบอกพื้นที่อาณาเขตหวงห้าม บอกสุขภาพร่างกาย บอกถึงวิกฤตความรักและความสัมพันธ์ แม้กระทั่งบ่งบอกความสมบูรณ์ทางพันธุกรรมที่พร้อมจะถ่ายทอดให้ทายาทรุ่นต่อๆ ไป
เหล่าสัตว์ตามธรรมชาติถูกฝึกฝนผ่านรูปแบบวิวัฒนาการอันตึงเข้มและไม่เคยปรานีปราศรัย พวกมันจึงจำเป็นต้องให้ความสนใจที่จะสดับฟังเสียงเหล่านั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ โลกกระตุ้นให้พวกมันพร้อมแข่งขันอยู่เสมอ เพื่อที่พวกมันจะสามารถปรับตัวให้พร้อมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพิ่มโอกาสให้มีชีวิตรอดมากขึ้น ขยายเผ่าพันธุ์และเห็นแสงตะวันของวันถัดไป
นกที่มีเสียงร้องไพเราะดุจดนตรี (Songbirds) บางครั้งพวกมันก็จำเป็นต้องใช้เสียงดังขู่กรรโชก เพื่อเป็นสัญญาณในการจู่โจมอริศัตรู เสียงที่กังวานบ่งบอกถึงร่างกายที่เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง การที่นกสามารถคาดคะเนคู่ต่อสู้จากเสียงที่มันได้ยิน ล้วนทำให้มันหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรงและลดความสูญเสียถึงเลือดถึงเนื้อ
โลกที่ไร้สรรพเสียง มันอาจไม่น่าอยู่นัก เพราะคุณจะไม่สามารถเชื่อมโยงตัวเองกับการเปลี่ยนแปลงรอบข้างได้
มนุษย์เรียนรู้จากประสบการณ์ผู้อื่นผ่านการเล่าเรื่องเช่นกัน เพื่อที่พวกเราจะไม่พบกับสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกภายหลัง การสื่อสารทำให้เรารู้จักทำงานร่วมกัน สร้างชุมชน สังคม และอารยธรรม มันจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมพวกเราถึงนิยมการเป็นผู้ฟังอยู่เสมอ (แม้บางครั้งก็อาจต้องยอมรับว่า เราไม่ได้เป็นผู้ฟังที่ดีก็ตาม) และการฟังมากก็ไม่ใช่เรื่องดี หากผู้พูดมีจุดประสงค์เพื่อโน้มน้าวให้คุณเป็นหมากในกระดานที่ไม่มีทางชนะ
มันจึงจำเป็นที่ต้องตั้งคำถามว่า ‘นักพูดเหล่านั้น ต้องการอะไรจากคุณ’
กลไกของ Voice Pitch
การที่คุณต้องการจะโน้มน้าวใครสักคน มันคงยากที่จะพูดด้วยเสียงระดับปกติที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อมีวัตถุประสงค์ในใจ เราจึงมักกำหนดระดับเสียงพูด (Voice Pitch) อย่างมีนัยยะ ซึ่งแบ่งเป็นเสียงแหลมหรือเสียงสูง (Highness) เสียงทุ้มหรือเสียงต่ำ (Lowness) เป็นหัวใจในการถ่ายทอดกลไกการสื่อสาร เสมือนสายกีต้าร์หรือเปียโน ยิ่งสายยาวหรือหนาขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งสั่นไหวน้อยลงเท่านั้นและเสียงก็จะออกมาเป็นเสียงต่ำ ในขณะสายเครื่องดนตรีที่ยาวและบาง ทำให้มันเปล่งเสียงแหลมสูง
ในมนุษย์นั้นฮอร์โมน “เทสโทสเตอโรน” (Testosterone) มีอิทธิพลในการกำหนดขนาดของกล่องเสียง หรือ “ลาริงซ์” (Larynx) ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญในคอของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ทำหน้าที่ในการป้องกันท่อลม (trachea) และการทำให้เกิดเสียง
- ในผู้ชายมีระดับเสียงตั้งแต่ 85 ถึง 180 เฮิรตซ์
- ส่วนเสียงผู้หญิงมีระดับที่ 165 ถึง 255 เฮิรตซ์ ซึ่งเป็นกลุ่มเสียงที่แหลมสูงกว่าผู้ชายอยู่มาก
อดีตหญิงเหล็กของอังกฤษ Margaret Thatcher ไม่เคยชื่นชอบเสียงแหลมสูงของตัวเอง เธอทราบดีกว่าการจะเป็นผู้นำในช่วงที่ชาติกำลังอยู่ในหัวเลี้ยวหัวต่อ และถูกอริประเทศจ้องจะกินเลือดกินเนื้อ เธอต้องการประชาชนมาอยู่ในอาณัติของเธอให้มากที่สุด พื้นฐานการจะโน้มน้าวคนอย่างมีประสิทธิภาพนั้น เธอต้องใช้เสียงต่ำ (Lower-pitched voice) ในการสื่อสาร
นักประวัติศาสตร์ประจำสำนัก Charles Moore กล่าวว่า Margaret Thatcher ให้ความสำคัญในการฝึกพูดและการควบคุมระดับเสียงอย่างประณีต เพื่อที่จะกรุยทางสู่เส้นการเมืองและเป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลในประวัติศาสตร์
ใช่แล้ว เธอรู้ว่าจะพูดอย่างไรเพื่อเปลี่ยนประวัติศาสตร์
เสียงแห่งการโน้มน้าว
จากบทสนทนาที่เกิดขึ้นพันล้านครั้ง และถูกเก็บบันทึกไว้ปริมาณไม่น้อย ผ่านเทคโนโลยีบันทึกเสียงที่พัฒนามาตลอดร่วม 100 ปี นักภาษาศาสตร์และนักจิตวิทยาได้เห็นอิทธิพลของระดับเสียงในการกำหนดพฤติกรรมอย่างเป็นเชิงประจักษ์
นักวิจัยใช้ฐานงานทดลองโดยให้อาสาสมัครตัดสินใจว่า เสียงไหนมีภาวการณ์ควบคุม (Manipulated voice) แอบแฝงอยู่ เสียงทุ้มหรือเสียงแหลมที่ดูน่าดึงดูดกว่ากัน แข็งแรงกว่า หนุ่มแน่นกว่า ซึ่งล้วนนำไปสู่บทสรุปว่า เสียงชายที่ทุ้มนุ่มลึก ล้วนดึงดูด และแสดงถึงลักษณะทางกายภาพที่แข็งแกร่งกว่า และมีภาวะแห่งการความคุม Dominant ในขณะเสียงผู้หญิงที่แหลมสูง มักถูกพิจารณาว่า มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม งานวิจัยของ Gregory Bryant จากมหาวิทยาลัย California พบว่าผู้หญิงในช่วงที่มีประจำเดือน อิทธิพลของฮอร์โมนเพศจะทำให้พวกเธอมีเสียงแหลมสูงกว่าปกติ หมายความว่า พวกเธอมีสิทธิดึงดูดเพศตรงข้ามได้มากกว่า และเป็นการแสดงสัญญาณทางร่างกายที่อยู่ในช่วงสมบูรณ์พร้อมเจริญพันธุ์
แต่หากในมิติสรรหาผู้นำ พวกเรามักเลือกคล้อยตามคนที่พูดด้วยเสียงต่ำ (Lower-pitched Voice) ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม
จากกราฟด้านบนเป็นการแสดงผลของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีชื่อว่า Praat ที่ออกแบบโดย Paul Boersma และ David Weenink จากมหาวิทยาลัย Amsterdam พวกเขาพบว่า เมื่อเหล่านักพูดพยายามจะโน้มน้าวผู้ฟังให้คล้อยตาม นักพูดจะใช้กลยุทธ์ระดับเสียงต่ำลงจากปกติ เป็นกลุ่มเสียง Manipulated pitch ซึ่งจะมีช่วงที่ยาวกว่า และต่ำลงจากเดิมราว 40 เฮิรตซ์เป็นอย่างน้อย เพื่อสะกดคนฟังให้อยู่หมัด พวกเขาจะให้เวลากับมันเป็นพิเศษ เพื่อจุดประสงค์ในการชักใยทางการสื่อสาร ให้ความสำคัญกับการเปล่งเสียงคำที่ชัดเจนขึ้นกว่าระดับเสียงปกติ
หากคุณรู้สึกว่าจังหวะการพูดของพวกเขาเริ่มเปลี่ยนไป แสดงว่ามีนัยยะทางการควบคุมซ่อนอยู่ มันจึงเป็นเรื่องจำเป็นต้องพิจารณาสารอย่างละเอียดรอบคอบมากกว่าเดิม แต่นักพูด (หรือนักขาย) ที่เก่งกาจ เขาจะไม่ให้เวลากับคุณมากนัก
เพราะยิ่งต้องเสียเวลาไปมากเท่าไหร่ ยิ่งหมายถึงอำนาจการโน้มน้าวที่น้อยลงเท่านั้น
น่าสนใจสำหรับเพศหญิง ที่พวกเธอสามารถควบคุมเสียงได้ละเอียดกว่าผู้ชายอยู่ 5 ถึง 8 เท่า และเมื่อเธอจำเป็นต้องเลือกใช้เสียงต่ำเป็น Manipulated Voice เธอมักได้รับความนิยมจากผู้คนมากกว่าผู้ชายเสียอีก
เพื่อสะกดคนฟังให้อยู่หมัด พวกเขาจะให้เวลากับมันเป็นพิเศษ
เพื่อจุดประสงค์ในการชักใยทางการสื่อสาร
หัวใจของการโน้มน้าวเบื้องต้นอาจอยู่ที่การควบคุมระดับเสียงอย่างประณีต แต่การที่จะเป็นนักพูดที่ดีอย่างยั่งยืนหากพึ่งพาแค่ระดับเสียงอาจไม่พอ สารที่มีคุณค่าและสาระของเนื้อหาในการสื่อสารยังจำเป็นอยู่อย่างยิ่งยวด
เราไม่รู้ว่านักพูดแต่ละคนต้องการอะไร และพวกเขาก็ไม่เคยรอช้าที่จะหาประโยชน์จากคำพูดเหล่านั้น
แต่ในฐานะผู้ฟังที่ฉลาด การตั้งคำถามกับทุกคำที่ได้ยิน อาจทำให้คุณมองเห็นมิติอื่นๆที่หลายคนมองข้าม
อย่ารีบร้อนที่จะด่วนตัดสินใจ ให้เวลากับมันให้มากตราบที่คุณต้องการ
ฟังด้วยความใคร่สงสัย พูดด้วยใจที่ซื่อสัตย์
ปัญหาล้วนเกิดจากเราสื่อสารโดยที่ไม่ได้ฟังเพื่อให้เข้าใจ แต่ฟังเพื่อให้เกิดอารมณ์
เราควรฟังให้ไปไกลกว่าแค่น้ำเสียง แต่ฟังจนไปให้เห็นถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของการสื่อสาร
อ้างอิงข้อมูลจาก
Anderson, R.,C. Preference for leaders with masculine voices holds in the case of feminine leadership roles, PLoS One
Manipulations of fundamental and format frequencies influence the attractiveness of human male voices.
American Scientist September- October 2016