ผู้นำหลายคนในประวัติศาสตร์โลก แม้จะพาสังคมเดินไปข้างหน้า ก็ยังเหยียบเท้าใครนับไม่ถ้วน แต่พวกเขากลับประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจ โดยมีคุณลักษณะของ ‘อาชญากรโรคจิต’ เป็นแรงผลักดัน พวกเขาไร้ซึ่งความเกรงกลัว มีอิทธิพลทางสังคมสูง และมีเกราะภูมิคุ้มกันความเครียดอย่างน่าเหลือเชื่อ
แต่หันไปทางไหนก็เต็มไปด้วยผู้นำบ้าพลังที่คุณได้แต่หวั่นใจ ไม่ต้องมองไกลที่ไหน เพราะพวกเขาอาจเป็นหัวหน้าคุณ หรือเป็นคนในครอบครัวที่ต้องทนอยู่ร่วมกันให้ผ่านไปวันๆ
จริงหรือที่บุคลิกแบบไซโคพาธ (Psychopath) คือหนทางเดียวของการเป็นผู้นำ?
หากคุณติดตามข่าวบรรยากาศชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2016 ก็คงอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมรูปแบบหาเสียงจึงวนอยู่กับการชกใต้เข็มขัด สาดเสียเทเสียว่าใครเลวร้ายกว่ากัน มองไปดู ‘โรดรีโก ดูแตร์เต’ รับบท ‘ผู้ลงทัณฑ์’ สู่การเป็นประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ แล้วพิพากษาโดยใช้ศาลเตี้ยจัดการกับสังคมแบบรัฐคาวบอย บ้านป่าเมืองเถื่อน
หรือย้อนกลับไปในอดีตหน่อย พวกเราก็พบว่า ท่านผู้นำ Führer อย่าง ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ ก็ล้วนใช้พลังแหล่งความเกลียดชังในการผลักดันให้ประเทศเยอรมันไปข้างหน้า แต่ในขณะเดียวกันจากสายตาคนเยอรมันบางกลุ่มก็ยังมองว่า ‘วินสตัน เชอร์ชิล’ อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็กระหายอำนาจและความรุนแรงไม่แพ้กัน จากเหตุสั่งสังหารลูกเรือชาวฝรั่งเศส 1,300 ราย
แต่จะให้มานั่งไล่เรียงรายชื่อผู้นำโลกที่ไร้ความปราณี คงยาวเป็นหางว่าวงู ตั้งแต่บางนาจรดชลบุรี
ในขณะที่เรากำลังอยู่ระหว่างรอยแยกอันน่าหวาดเสียวของสังคมโลก ความขัดแย้งทั่วภูมิภาค การเลือกตั้งโลกที่ดูเหมือนละครน้ำเน่า แต่การมาชี้นิ้วแขวนป้ายว่าใครมันเป็น ‘โรคจิต’ ก็ไม่ใช่วิสัยของนักวิเคราะห์จิตที่ดีจะทำกัน เพราะมีกฎทองคำทางจริยธรรมที่ชื่อว่า Goldwater Rule โดย สมาคมจิตเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกา (American Psychiatric Association) ที่ไม่แนะนำให้นักจิตแพทย์กล่าวหาใครลอยๆ โดยปราศจากการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว
Fun Fact : กฎ Goldwater Rule ที่ว่า เริ่มต้นในยุค 1960 หลังจากนิตยสาร Fact ไปสอบถามนักจิตวิทยา 1,189 คน เพื่อทำเป็นผลโพลว่า นาย Barry Goldwater ไม่มีคุณสมบัติของผู้นำที่ดี ทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงและสั่งฟ้องนิตยสารดังกล่าวประมาณ 75,000 เหรียญ สมาคมจิตเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกาจึงต้องถอยมาตั้งหลัก และปรับจูนทัศนคติของเหล่าหมอๆ กันครั้งใหญ่ ซึ่งกฎดังกล่าวยังมีผลสู่ปัจจุบัน ที่จะไม่กล่าวหาใครก่อน
แต่สื่อปัจจุบันจำต้องเรียกฐานผู้อ่านและวิเคราะห์บริบททางสังคมอย่างถึงเนื้อถึงหนัง กฎที่ว่าจึงถูกเบลอไปบ้าง และมีนักจิตวิเคราะห์มือสมัครเล่นจำนวนไม่น้อย เปลี่ยนหน้า Facebook ตัวเองเพื่อวิเคราะห์ปัญหาสุขภาพจิตผู้นำโลก
เส้นบางๆ แต่โยงใยซับซ้อน
เหล่าผู้นำที่พวกเราศรัทธา (และถูกบังคับให้ศรัทธา) พกพาบุคลิกภาพแบบวิกลจริตขึ้นโพเดียมอย่างนั้นหรือ? แบบนี้ก็ไม่ต่างจากอาชญากรหรือฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนเพื่อสนองความสุขตัวเองอย่างนั้นล่ะสิ?
ไม่หรอก การประทับตราไปตรงๆ กับบุคลิกคนอันซับซ้อน เหมือนบังคับให้ทุกคนใส่รองเท้าไซส์เดียวกัน
ในมุมมองเชิงจิตวิเคราะห์บุคลิก มีมิติที่แยกย่อยมากกว่านั้น
ไม่มีใครนิยมชมชอบคนโกหกไร้หัวใจ บิดเบือนเรื่องผิดให้เป็นถูก แต่การวิเคราะห์ทางจิตระหว่าง ‘ไซโคพาธ’ กับ ‘ผู้นำ’ ยังมีหลายเฉด ที่ดูเหมือนเป็นเส้นบางๆ ก็จริง แต่มีหลากหลายสี หลายเส้น ซึ่งนักจิตวิทยามักนิยมใช้เครื่องมือในการทำความเข้าใจปีศาจตัวเล็กๆ ที่แอบแฝงอยู่ในใจเราด้วยเครื่องมือวัดบุคลิกภาพ PPI-R (Psychopathic Personality Inventory) หรือการวิเคราะห์ให้เห็นลักษณะบุคลิกภาพที่เกี่ยวข้องกับอาการโรคจิต
เพื่อหาเมล็ดพันธุ์ที่ปีศาจตัวเล็กๆ แอบปลูกไว้ รอวันเติบโต ซึ่งทั้งมีประโยชน์และโทษ ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน
พวกเขาแสดงออกถึงความเหี้ยมโหดผ่านทางการกระทำหรือไม่ (Ruthlessness) ไม่หวาดกลัวต่อสิ่งเร้าหรือเปล่า (Fearlessness) มีความมั่นใจในตัวเอง (Self Confidence) มีเสน่ห์ดึงดูดแบบผิวเผิน (Superficial Charm) มีความสามารถพิเศษ (Charismatic) หรือไม่น่าไว้วางใจ (Dishonesty) ขาดความเห็นอกเห็นใจและสำนึก
งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า บุคลิกของคนโรคจิตประเภทไซโคปาธ (Psychopath) ยังสามารถนำไปปรับใช้ในการนำองค์กรเพื่อนำไปสู่จุดหมายได้ พอๆ กับการหักหลบลงปากเหว
พวกไซโคปาธ มีความซับซ้อนเหมือนมีอะไรมาวางอยู่บนโต๊ะเต็มไปหมด การใช้ PPI-R ทำให้นักวิเคราะห์เห็นความเชื่อมโยงของทักษะครอบงำแบบใจถึง (Fearless Dominance) ที่เกิดจากรวมของคุณลักษณะ 3 ประการ คือ มีอิทธิพลทางสังคมต่อผู้อื่นๆ ไร้ความหวาดกลัว และมีภูมิคุ้มกันความเครียดที่มากกว่าคนอื่น
อย่างไรก็ตาม มันไม่มีสูตรสำเร็จที่สามารถให้คำจำกัดความของไซโคปาธได้ครบถ้วนทั้งหมด ขึ้นอยู่กับจังหวะสถานการณ์และสิ่งเร้าที่พวกเขาได้รับ แม้ในมิติใกล้ตัว บางอาชีพหรือบางสายงาน ก็จำเป็นต้องใช้ความครอบงำอยู่บ้าง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ อย่างตำแหน่งผู้จัดการในธุรกิจแข่งขันสูง คนในสายงานกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร หน่วยบรรเทาสาธารณะภัยฉุกเฉิน หรือแม้กระทั่งแพทย์ผ่าตัด ซึ่งล้วนเป็นอาชีพที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เร่งเร้า และเต็มไปด้วยความเสี่ยง เมื่อการอยู่ในตำแหน่งที่ต้องตัดสินใจอย่างเร่งด่วน ยอมรับเถอะว่าบางสถานการณ์คุณลักษณะไซโคปาธยังรับมือได้ดีกว่า
จัดอันดับผู้นำโลก ใคร ‘ไซโคปาธ’ กว่ากัน
ผลงานของ Kevin Dutton นักจิตวิทยาจากคณะจิตวิทยาการทดลอง (Experimental Psychology) ของมหาวิทยาลัย Oxford เก็บข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์หลายคน โดยให้พวกเขาประเมินบุคลิกภาพผู้นำในประวัติศาสตร์จวบจนผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งล่าสุด โดยใช้เครื่องมือวัดบุคลิกภาพ PPI-R
โดยแยกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ และมีพฤติกรรมย่อย 8 อย่าง
- SI (Social Influence) มีอิทธิพลทางสังคม
- F (Fearlessness) ไร้ความหวาดกลัว
- STF (Stress immunity) มีภูมิคุ้มกันความเครียด
- ME (Machiavellian Ego centricity) เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางแบบทรราช
- RN (Rebellious Nonconformity) กบฏและต่อต้านสังคม
- BE (Blame Externalization) กล่าวโทษคนอื่น
- CN (Self Centered) เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง
- C (Cold heartness) ไร้ความรู้สึก
น่าสนใจที่ ‘ทรัมป์’ กลายเป็นผู้ลงสมัครที่ได้รับคะแนนไซโคปาธมากที่สุด เรียกว่าเอาชนะ ฮิตเลอร์และติดท็อป 5 ไปอย่างน่าครุ่นคิด
นักจิตวิทยามีความเห็นพ้องกันว่า นักการเมืองส่วนใหญ่มีลักษณะร่วมกันหลายประการ เนื่องจากพวกเขาต้องตัดสินใจภายใต้แรงกดดันมหาศาล อย่างการชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงต่างๆ ที่ส่งผลกระทบขนาดมหึมาต่อคนหมู่มากในสังคม หรือที่ต้องต่อกรกับชาติคุกคาม แม้กระทั่งภัยธรรมชาติที่พวกเขาต้องจัดการรับมือในเวลาอันน้อยนิด
ผู้นำไม่น้อยส่งคนหนุ่มไปกลางสงคราม แม้รู้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะกลับมา แต่ก็ยังสามารถโน้มน้าวให้ผู้คนทำสิ่งที่ขัดกับเจตจำนงเดิมได้ ผู้นำต้องใช้การหว่านล้อมและเสน่ห์อย่างยิ่งยวด แม้บางครั้งความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันจะต้องถูกละเลย
ไซโคปาธใกล้ตัวอยู่ข้างๆ คุณ
ไซโคปาธเป็นภัยต่อสังคมมากหรือน้อยเพียงใด? น่าสนใจที่ไซโคปาธเป็นคนที่จัดการตัวเองได้ดีและสามารถจัดการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อให้ตนได้รับประโยชน์อย่างแนบเนียน พวกเขาไม่มีความยากลำบากในการดำรงชีวิตและสามารถประกอบอาชีพการงานได้ดีเลิศ
การศึกษาพฤติกรรมของผู้เป็นโรคไซโคปาธในเวลาที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นการสร้างแนวทางการอธิบายพฤติกรรมของผู้เป็นโรคนี้ทางคลินิกที่มีความสำคัญมากที่สุดในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีผู้กล่าวว่าเป็น “แนวความคิดทางด้านการสืบสวนสอบสวนที่สำคัญที่สุดในตอนต้นศตวรรษที่ 21” เลยก็ว่าได้
คุณจะใช้ความบ้าคลั่งในการขับเคลื่อนสังคมหรือไม่
หรือความชอบธรรมและมนุษยธรรมอย่างเดียวจะทำให้สังคมอยู่รอดตลอดฝั่ง
เพื่อการเดินหมากในโลกที่อันตราย เราหวังว่าผู้นำที่ดี ควรรู้ว่าพวกเขามี ‘ปิศาจหลบซ่อน’ อยู่ และควบคุมมันอย่างระแวดระวังที่สุด
อ้างอิงข้อมูลจาก
Successful Psychopathy : A Scientific Status Report
Scott O.Liienfeld et al. in Current Directions in Psychological Science,Vol 24
What ‘Psychopath’ Means