ความเคยชินกับความผิดปกติต่างหากที่ผิดปกติที่สุด
ในเวลาที่เราเจอปัญหาตามถนนหนทางในกรุงเทพฯ การให้บริการบางอย่างที่ดูน่าหงุดหงิดและกวนใจ แต่เราก็ได้แต่ถอนหายใจว่า “เฮ้ออออออ ก็ยังงี้แหละ นี่มันเมืองไทย นี่มันกรุงเทพฯ” เฮ้ย! อะไรกัน ทำไมมันเป็นยังงั้น!? ทั้งที่บางอย่างมันดูเป็นเรื่องที่ไม่ปกติเลย แถมยังเป็นความไม่ปกติระดับสากลอีกต่างหาก
กล่าวคือมันเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครลองมาได้ยินก็ต้องงงเป็นไก่ตาแตกด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะสายไฟฟ้า (โอ้ ขอโทษที มันคือสายโทรคมนาคมต่างหาก) พื้นฟุตปาธที่ไม่สม่ำเสมอกันอย่างสม่ำเสมอ หรือกระทั่งน้ำที่ท่วมแล้วท่วมอีกทั้งที่ก็ลงทุนงบประมาณไปอย่างมหาศาล ป้ายหาเสียงของบรรดาพรรคที่ขยันทำมาบังวิสัยทัศน์ของผู้ใช้ถนน (บ่งบอกถึงวิสัยทัศน์ของคณะได้เป็นอย่างดี) นี่ยังไม่รวมถึงมาตรฐานต่ำๆ ของระบบราชการและเอกชนที่เห็นแล้วต้องเบะปากมองบน
แต่เมื่อเทียบกับการที่เราต่างนิ่งนอนใจ คิดไปเองว่าความยุ่งเหยิงแสนชุ่ยที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องปกติวิสัย นี่แหละที่ผิดปกติที่สุด!
YouPin หรือที่แผลงเป็นคำไทยๆ ได้ว่า ‘ยุพิน’ ซึ่งเราจะเรียกต่อไปว่า ‘ป้ายุพิน’ คือแอพลิเคชั่นที่อาจกล่าวได้ว่าเกิดจากความหงุดหงิดที่ว่า แต่การบ่นก่นด่าเพียงอย่างเดียวก็อาจทำให้เรามองข้ามสิ่งสำคัญที่เราอาจลืมไปว่า สิ่งเหล่านี้เราเองก็เป็นเจ้าของ เราเป็นส่วนหนึ่งของเมือง/ชุมชนที่อยู่ การที่มันไม่สะดวกขึ้นมาก็ถือว่าเราเองนี่แหละเป็นผู้เดือดร้อนที่ควรจะเรียกร้องได้อย่างเต็มภาคภูมิ และไม่มากก็น้อยจะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ด้วย
YouPin จะช่วยให้สังคมดีขึ้นได้อย่างไร
เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นด้วยแนวคิดที่อยากจะให้เจ้าของชุมชน ก็คือพวกเราเองนี่แหละ มาช่วยกันแก้ปัญหาที่พบเห็น รวบรวมและส่งต่อไปยังผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานรัฐในส่วนไหน โดยหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือและแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้
เป็นใครมาจากไหนจะให้หน่วยงานเหล่านั้นมาฟัง
ไก่กาอาราเล่ที่ไหนกัน YouPin เป็นโครงการที่ผ่านการประกวดจาก UNPD (United Nation Development Program) ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศในประเภท Big Ideas Competition for Sustainable Cities and Urban Communities ในปี 2016 นอกจากนี้ยังมีผู้สนับสนุนจากอีกหลายองค์กร เช่น TCDC, Boonmee Lab, Social Technology Institute, Thai Netizen Network, ห้องหุ้นสุข, Way, UrbanWhy.com, เครือข่ายจิตอาสา, Ma:D, The Reading Room
ชื่อ ‘ป้ายุพิน’ ไม่กลัวแก่ เพราะความหมายมันลึกซึ้ง
ทีมพัฒนาเขาเล่นคำระหว่าง ‘ยุ’ คือเป็นการยุให้คนช่วยกัน ‘พิน’ การพินปัญหาปักหมุดที่เท่ากับเราจะได้เริ่มกลายเป็น Active Citizen ช่วยกันเปลี่ยนแปลงชุมชนของตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งถ้าเป็นป้าแก่แต่ก็เป็นป้าแก่แต่เฟี้ยว เป็นหูเป็นตาให้เพื่อนบ้าน เวลาใครมีปัญหาก็มาเล่าให้ฟัง ป้าแกจะรับฟังหมดไม่มีตัดรำคาญ
โครงการที่คล้ายกันในต่างประเทศ
ต่างประเทศมีโครงการที่คล้ายๆ กันชื่อว่า SeeClickFix ซึ่งเปิดให้แต่ละชุมชนรายงานปัญหาต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มซึ่งเป็นสื่อกลางนำข้อมูลที่ได้ไปประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อเพื่อแก้ปัญหา
ส่วนในประเทศไทยก่อนหน้านี้ก็เพิ่งมีการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า ‘ปั่นเมือง’ แต่เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้จักรยานในชีวิตประจำวันมากกว่า โดยช่วยกันหาเส้นทางสำหรับการเดินทางที่เหมาะสมกับจักรยาน ระบุตำแหน่งของร้านซ่อมจักรยานในบริเวณต่างๆ สภาพของเส้นทางจากประสบการณ์จริง และอีกสารพัดเพื่อเป็นประโยชน์แก่นักปั่น
จะรู้ได้ยังไงว่ารัฐจะฟังเรา
ในความเป็นจริง ถ้าจะรอให้หน่วยงานนั้นๆ มาตรวจสอบจนเจอปัญหาที่เกิดขึ้นจริงคงจะใช้เวลานานจนเราอาจจะรอกันแทบไม่ไหว ความหวังที่ว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์คงจะเป็นไปได้ยาก ดังนั้นการมีเทคโนโลยีอย่าง YouPin มาคอยเชื่อมระหว่างเราซึ่งเป็นประชาชนเจ้าของชุมชนกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบได้ก็น่าจะเป็นการดีมาก เพราะอย่างน้อยไม่ว่าฝ่ายไหนก็อยากจะอาศัยในเมืองที่น่าอยู่ กระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐก็น่าจะใช้ YouPin ได้ด้วยเหมือนกัน เพราะเขาก็ย่อมมีชุมชนที่ตัวเองอาศัยอยู่ทั้งนั้นนี่
เมื่อรัฐไม่ฟังเรา
YouPin อยู่บนระบบเปิด ไม่ว่าใครก็เข้ามาดูได้ว่าตรงไหนมีเรื่องเดือดร้อนอะไรบ้าง อยู่ในสายตาของ Public ตลอดเวลา ใครเดือดร้อนเหมือนกันก็มาสนับสนุนและรวมพลังกันได้ ไม่เหมือนเวลาที่ไปร้องทุกข์คนเดียวแล้วเจ้าหน้าที่บอกว่าแก้ไม่ได้ สุดท้ายเรื่องก็เงียบแล้วก็จบไปเหงาๆ ทีนี้พอมีคนไปร้องเรียนในเรื่องเดียวกันมากขึ้นเขาก็คงจะต้องทำอะไรบ้างล่ะ เป็น Social Sanction ที่ YouPin คาดหวังว่าจะมีพลังไม่ต่างไปจากกระทู้ดังๆ อย่างพันทิปหรือเพจอย่างอีเจี๊ยบเลียบด่วน
ปัญหาจริง vs. แค่บ่น
ไม่ว่าจะเป็นการบ่นไปอย่างนั้นหรือปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคมที่ประชาชนอาศัยอยู่ ก็ล้วนเป็น feedback ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ดังนั้น YouPin จึงคิดว่าเป็นความสำคัญทั้งคู่ เพราะมี ‘สิ่งที่เกิดขึ้นจริง’ อยู่ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะว่าตรงไหนควรจะเข้าไปแก้ไขก่อนหรือหลัง ซึ่งในอนาคตอันใกล้อาจต้องใช้ควบคู่กันระหว่าง user-based กับ AI สำหรับทำงานร่วมกันเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
‘ปัญหา’ ของคนใหญ่เล็กไม่เท่ากัน
เรื่องปวดหัวของเราอาจไม่ใช่เรื่องเดียวกับของเขา แน่นนอนว่าสิ่งที่เรานอยด์ก็อาจเป็นคนละเรื่องกับคนที่อยู่บ้านตรงข้าม ดังนั้น เรื่องที่ถูกร้องเรียนเข้ามาก็อาจจะจิปาถะมหาศาล แต่แอพฯ ก็จะรวบรวมประเด็นที่มีข้อมูลการร้องเรียนมามากพอ จากนั้นก็จะดำเนินเรื่องให้เพื่อประสานงานต่อไป เพราะถือว่าเป็นรื่องสำคัญที่มีผู้เดือดร้อนเป็นจำนวนมาก แต่กับเรื่องเล็กๆ นั้นก็ใช่ว่าจะไม่ใส่ใจนะ แต่ในขั้นนี้ของ YouPin ยังไม่สามารถแยกแยะความเร่งด่วนของปัญหาได้ แต่ก็เป็น Checklist ที่ทีมงานกำลังศึกษาเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วน
ลืมแอพแบบรัฐๆ ที่ใช้งานยากโคตรไปได้เลย
ตอนนี้ YouPin มีระบบให้เลือกใช้ 2 ช่องทางคือ เว็บแอพฯ และ Facebook Chatbot
หนึ่ง เว็บแอพฯ ให้เราเข้าไปที่ youpin.city/app ก็จะเห็นได้ว่าในหน้าเว็บจะมี 3 ส่วนหลักๆ คือ หน้าปัญหาที่ได้รับการแจ้งเข้าไปในระบบแล้ว ส่วนที่สองซึ่งสำคัญที่สุด คือตัวระบบที่ให้เราใส่ข้อมูลปัญหาต่างๆ โดยต้องแนบรูปภาพและคำอธิบาย พร้อมทั้งปักหมุดรูปนั้นบนแผนที่ และส่วนสุดท้ายคือแผนที่ที่จะทำให้เราเห็นภาพโดยรวมว่ามีบริเวณไหนที่ถูกรายงานปัญหาเข้าไปแล้วบ้าง
ส่วนสอง Facebook Chatbot ก็ง่ายและสะดวกกว่าตัวเว็บมากเพราะเพียงเข้าไปที่หน้าเพจแล้วส่งรายละเอียดต่างๆ ไปทางกล่องข้อความเหมือนกดคุยกับเพื่อนนี่แหละ ก็จะมีคุณป้ายุพินคอยรับข้อมูลปัญหา พร้อมแถมด้วยมุขเล็กๆ น้อยๆ ให้สนุกสนานกัน เครียดมาจากปัญหาสังคมแล้วจะได้ไม่เครียดกับป้าอีก เพียงเท่านี้สิ่งที่เราคิดว่าเป็นปัญหาและอยากได้รับการแก้ไขก็ถูกรวบรวมเข้าสู่ระบบแล้วส่งให้ภาครัฐได้ดำเนินการต่อไป
Chatbot คือช่องทางที่เป็นความหวัง
เพราะโจทย์ของ YouPin คือทำยังไงให้คนแจ้งปัญหาสะดวกที่สุด ช่องทางปัจจุบันที่ประเทศเรามีอยู่ถ้าไม่ใช่คนที่เดือดร้อนมากๆ เขาก็คงไม่พยายามจะแจ้งหรอกเพราะมันวุ่นวายและแสนจะไม่สะดวก หรือจะทำเป็นแอพฯ ก็ปัญหาเยอะเพราะโหลดมาใช้งานครั้งเดียวแล้วก็เลิก คอสในการชวนคนมาดาวน์โหลดก็สูง ค่าพัฒนาแอพฯ ไหนจะค่าโฆษณา บลา บลา ทีมพัฒนาก็เลยสุมหัวคุยกันว่าเฮ้ยต้อง Chatbot สิแจ๋วแหวว ง่าย สะดวก ยิ่งถ้าอยู่ในโซเชียลมีเดียที่คนใช้อยู่แล้วยิ่งดีเนอะเพราะเขาจะได้ไม่ลำบากมากจนท้อที่จะช่วยกันพัฒนาสังคม แต่เสียดายที่ตอนนั้นยังไม่มีใครมาเปิดให้ใช้ Chatbot เลย แต่คุยกันได้ไม่ทันไร พี่มาร์คซัคแห่งอาณาจักร Facebook ก็ประกาศว่าเปิดระบบให้เพจทำ Chatbot ใน Messenger Platform ได้เองเลยในวันรุ่งขึ้น! ประหนึ่งมานั่งฟังทีมคุยกันเลยทีเดียว
ตอนนี้แค่กรุงเทพฯ แต่เป้าหมายคือเมืองไทย!
ตอนนี้แพลตฟอร์มทั้ง 2 ยังอยู่ในช่วงทดสอบ จึงทำให้พื้นที่อื่นนอกจากกรุงเทพฯ ยังไม่สามารถใช้งานได้ แต่ทุกคนสามารถทดลองใช้ได้เพื่อจะได้ส่ง Feedback ให้กับทีมงานเพื่อนำไปพัฒนาระบบให้ดียิ่งขึ้น
ได้แต่หวังว่าเทคโนโลยีที่เปลี่ยนผ่านไปในแต่ละวัน อ่านข่าวทีไหร่ก็เห็นมีแต่การพัฒนาๆๆ ล้ำยังงั้น ไฮเทคยังงี้ ก็น่าจะถึงทีที่ประเทศไทยได้รับอานิสงส์มาสู่การพัฒนาชุมชนบ้าง ไม่ใช่แค่รับ Gadget มาใช้เพื่อความบันเทิง หรือใช้ความทันสมัยเพียงเพื่อการค้าขายเพียงอย่างเดียว สู้เค้านะ ป้ายุพิน! อิน อิน อิน (เอคโค่)
มาร่วมเป็นแก๊งป้ายุพิน
ป้ายุพินกำลังจะจัดงาน Bangkok Urban Hack (แหก) Day เป็นงานที่ให้ผู้คนที่สนใจในด้านต่างๆ ช่วยกันนำข้อมูลมากแฮ็คและสร้างนวัตกรรมต้นแบบ ในรูปแบบ hackathon โดยใช้เทคโนโลยี Open Data และ Big Data ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29–31 กรกฎาคมที่จะถึงนี้