‘ตกลงแล้วเราเป็นอะไรกัน’ ประโยคคลาสสิคเวลาเปิดดูหนังรักประเภทลักปิดลักเปิด ขับรถไปรับไปส่ง รายงานตัวทุกชั่วโมงว่าอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ แล้วสุดท้ายเธอก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน ชวนให้คิดถึงปัญหาคาราคาซังระหว่างความสัมพันธ์ของไรเดอร์กับบริษัทแพลตฟอร์ม ที่ตอนนี้ยังแก้ไม่ตกว่าควรจะจัดหมวดหมู่ให้อยู่ในประเภทนายจ้างลูกจ้าง หุ้นส่วนธุรกิจ หรือที่ต่างประเทศมีความพยายามจะจัดกลุ่มแบบสายกลางให้เป็น ‘worker’ ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างลูกจ้าง (employee) ที่มีนายจ้าง กับพนักงานอิสระ (self-employed person หรือ independent contractor) ก็ยังไม่ได้คำตอบ ชวนให้น้อยใจไปอีกว่าไรเดอร์ทุ่มทุนลงไปขนาดนี้แล้วเราก็ยังไม่มีเยื่อใยอะไรลึกซึ้งต่อกัน
ความทุ่มเทของเหล่าไรเดอร์ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากคุณนับถือใจคนที่ทำเพื่อคุณ ถ่ายรูปรายงานคุณทุกระยะ ยอมใส่เสื้อคู่ที่คุณไม่ได้ซื้อให้แต่บังคับให้เขาซื้อมาใช้ ยอมขับรถที่ทั้งไกลทั้งเสี่ยงเพื่อทำงานหาเลี้ยงคุณ คุณย่อมน่าจะนับถือไรเดอร์ด้วย เพราะสิ่งที่เขาทำก็ไม่ต่างกัน
ในแต่ละวัน ไรเดอร์ต้องถ่ายรูปยืนยันกับบริษัทว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนไหนของการรับงาน ต้องสวมเสื้อแจ็กเก็ตและใช้กระเป๋าที่มีตราโลโก้ของบริษัท หากไม่ใช้ก็จะถูกตักเตือน ปิดระบบรับงานชั่วคราว หรือถูกจำกัดการรับงาน และเมื่อปฏิเสธงานก็จะถูกตัดสิทธิได้รับค่าตอบแทนพิเศษ ในทางตรงกันข้าม หากไรเดอร์ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนจากบริษัทหรือต้องการต่อรองสภาพการจ้าง ก็จะถูกปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยว่าพวกเขาเป็นเพียงหุ้นส่วนธุรกิจ หรือพาร์ทเนอร์ (partner) หรือผู้รับงานอิสระ ไม่ใช่นายจ้าง-ลูกจ้าง
หากวันวาเลนไทน์คือวันที่เราจะใช้บอกลาความสัมพันธ์กับคนรักที่เป็นพิษเพื่อยืนยันว่าเรานั้นคู่ควรกับความสัมพันธ์ที่ดี ในวันกรรมกรสากลทุกวันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี (หรือที่รัฐเรียกอย่างลดทอนอินเนอร์ของผู้ถูกกดขี่ว่าเป็นวันแรงงานแห่งชาติ แต่ไม่ชอบใจให้พวกเราออกมาประท้วงเพื่อสภาพการจ้างงานที่ดีขึ้น) ก็เป็นโอกาสดีที่จะเชิญชวนผู้อ่าน –ซึ่งอาจเป็นทั้งคนงานบนแพลตฟอร์ม ผู้บริโภค หรือผู้ขับขี่ร่วมถนนกับเหล่าพี่น้องไรเดอร์– ได้ใช้วันกรรมกรสากลนี้เป็นโอกาสบอกเลิกการจ้างงานที่ขูดรีด ด้วยการมาร่วมหาคำตอบของความสัมพันธ์อันคลุมเครือที่แม้แต่รัฐและบริษัทแพลตฟอร์มยังไม่กล้าตอบ มองมันด้วยมุมมองและจิตวิญญาณของคนงาน
และหากพบว่านี่คือความสัมพันธ์การจ้างงานที่เป็นพิษ ก็เลิกคิดว่าเราเป็นเพียงพาร์ตเนอร์กันเสียนะ!
‘อิสระจากความรับผิดชอบต่อคนงาน’
เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและการเติบโตของเศรษฐกิจแบบกิ๊ก (gig economy) ทำให้เกิดการจ้างงานแบบใหม่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่มาพร้อมกับคำโฆษณาถึงความเป็นนายตัวเอง เกิดเป็นวลี “ไรเดอร์คือพาร์ทเนอร์อิสระ”
บริษัทแพลตฟอร์มใช้ความอิสระเป็นจุดเด่นของงานดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย อันได้แก่ อดีตพนักงานออฟฟิศที่เบื่อหน่ายงานประจำที่มีนายจ้างคอยจ้ำจี้จ้ำไช และคนที่ไม่สะดวกทำงานเต็มเวลา เช่น นักเรียนนักศึกษา ผู้ปกครองที่มีลูกเล็ก ผู้พิการ ฯลฯ ให้มาสมัครเข้าทำงาน โดยเสนอการทำงานที่ไม่ต้องตอกบัตรเข้างาน ไม่ต้องทำงานให้ครบ 8 ชั่วโมงต่อวัน ไม่ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของนายจ้าง ไม่ต้องผูกมัดกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ถึงขนาดไม่ต้องเป็นลูกจ้าง-นายจ้างกับบริษัทด้วย เพราะเรากับบริษัทจะกลายเป็น ‘พาร์ตเนอร์’ หรือหุ้นส่วนกันแทน
เมื่อคำว่าพาร์ทเนอร์อิสระเป็นสิ่งแปลกใหม่ล่อตาล่อใจในตลาดการจ้างงาน ในช่วงแรกของอาชีพหลายคนตื่นเต้นว่านี่จะเป็นการจ้างงานทางเลือกที่ดีและมีอิสระ หลายคนลาออกจากชีวิตแบบ 8-8-8 กระโดดมาขี่มอเตอร์ไซค์เป็นไรเดอร์ รู้ตัวอีกทีก็จบลงด้วยการทำงานวันละ 10-12 ชั่วโมง เพราะบริษัทแพลตฟอร์มเริ่มปรับลดค่าตอบแทนต่อเที่ยววิ่งลงเรื่อยๆ ตามขั้นตอนถอนทุนคืนหลังการทุ่มตลาดครั้งใหญ่เมื่อแรกเปิดตัวธุรกิจ ทำให้พักหลังๆ คนจำต้องทำงานนานขึ้นเพื่อรักษาระดับค่าตอบแทนให้ได้เท่าเดิม ระหว่างที่ต้องแบกรับต้นทุนการทำงานหลายอย่างไปด้วย
“หนูวิ่ง LINE MAN ได้ 2 ปี เดิมค่ารอบสูงมาก จนกระทั่งต้นปี LINE MAN แยกตัวจาก Lalamove ประกาศรับคนเพิ่มมาแย่งงานคนเก่า ซ้ำยังลดค่าส่งของไรเดอร์ลง จากเดิมหนูทำงานวันหนึ่ง 6 ชั่วโมงได้เงิน 700-800 บาท ปัจจุบันทำงาน 6 ชั่วโมงเหลือ 300 กว่าบาท ยังไม่หักค่าน้ำมันด้วยนะพี่ น้ำมันจะ 30 บาทต่อลิตรแล้วนะ บางวันเราวิ่งจนน้ำมันหมดถัง ค่าน้ำมันวันละร้อย แล้วหนูจะเอาอะไรกิน”*
ไรเดอร์หญิงรายหนึ่งกล่าวระหว่างการชุมนุมประท้วงบริษัทแพลตฟอร์มที่อาคาร T-One เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังบริษัทประกาศปรับลดค่าตอบแทนลงจากเดิม 62 เหลือ 50 บาท
การเจรจาครั้งนั้นจบลงด้วยคำปฏิเสธของบริษัทว่าให้ไรเดอร์เข้าใจด้วยว่ากำลังอยู่ในภาวะขาดทุน ไม่สามารถใช้ราคาเดิมได้ ทั้งที่ข้อมูลจากงานวิจัยของสถาบันแรงงานและเศรษฐกิจที่เป็นธรรมชี้ชัดว่าความขาดทุนของแพลตฟอร์มเป็นขั้นตอนปกติในการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (ecosystem) ที่บริษัทจะอัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมให้ลูกค้า ในขณะเดียวกันก็อัดฉีดราคาค่าตอบแทนให้ไรเดอร์สูงๆ โดยบริษัทจะยอมขาดทุนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเบียดขับคู่แข่งทุกเจ้าออกจากตลาดแล้วขึ้นเป็นผู้ผูกขาดแต่เพียงเจ้าเดียว
แต่ก็คล้ายความสัมพันธ์เป็นพิษที่ฝ่ายหนึ่งหยิบฉวยความเป็นเหยื่อมาร้องขอความเห็นใจ หลายบริษัทยังคงใช้ข้ออ้างว่าขาดทุนต่อไปเพื่อให้การผลักภาระเรื่องค่าแรงและต้นทุนมายังไรเดอร์มีความชอบธรรมมากขึ้น
“หนูส่งตัวเองเรียนรามฯ มีค่าหอ ค่าน้ำมัน ค่าโทรศัพท์ต้องจ่าย จากวิ่งพาร์ทไทม์ 6 ชั่วโมง หนูต้องขยายเป็นวิ่ง 10 ชม. เพื่อให้ได้เงินเท่าเดิม รายจ่ายมันไม่คอยเรา”
ไม่ใช่เพียงบริษัทเดียว ย้อนไปเมื่อปีที่ผ่านมา Grab คือบริษัทแพลตฟอร์มขนส่งอีกเจ้าหนึ่งที่มีเหตุการณ์ไรเดอร์ออกมาชุมนุมเรียกร้องสภาพการจ้างมากกว่า 1 ครั้ง ไรเดอร์ชายรายหนึ่งซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำการชุมนุมสะท้อนว่าบริษัทพยายามบอกว่าเขาเป็นพาร์ทเนอร์อิสระ เป็นหุ้นส่วน แต่กลับบังคับให้ไรเดอร์ที่วิ่งงานข้ามจังหวัดต้องเปิดรับงานทุกประเภท ซึ่งอาจเป็นงานที่ไรเดอร์ไม่เต็มใจรับ ไม่ชอบทำ หรือพิจารณาแล้วว่าทำแล้วไม่คุ้มค่าน้ำมันรถ
“ถ้าเราเป็นพนักงานอิสระ เราต้องมีสิทธิเลือกไม่รับงานที่ไม่คุ้มทุนไม่ใช่หรือ” เขาถาม
ไรเดอร์รายเดิมกล่าวอีกว่า ครั้งหนึ่งเขาประสบอุบัติเหตุระหว่างทำงานให้บริษัท แต่เมื่อแจ้งไปแล้วบริษัทบอกให้ใช้เงินประกันจาก พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ที่ติดมากับรถมอเตอร์ไซค์ส่วนตัวก่อน
“เราไม่ได้เจ็บอะไรมาก เพียงแต่กระดูกงอและเดินไม่ได้ โรงพยาบาลให้เรานอนรักษาตัว 1 สัปดาห์ก็ปล่อยให้พักฟื้นต่อที่บ้านได้ แต่ระหว่างอยู่บ้านเราจะเอาอะไรกิน เอาอะไรใช้ จึงตัดสินใจโทรไปหา Grab อีกครั้ง แต่บริษัทยืนยันว่าจะจ่ายค่ารักษาให้ต่อเมื่อเกินจาก พ.ร.บ. เท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมการขาดรายได้ช่วงหยุดงาน”**
“ไรเดอร์คือพาร์ทเนอร์อิสระ” คือคำกล่าวอ้างที่มักได้ยินอยู่เสมอจากตัวแทนบริษัทเมื่อเราพยายามทวงถามว่า บริษัทจะรับผิดชอบคนงานได้อย่างไรบ้าง ฟังแล้วก็เจ็บปวดหัวใจคล้ายคนอกหัก ยิ่งเมื่อพิจารณาว่ามีไรเดอร์ที่ประสบอุบัติเหตุระหว่างทำงานให้บริษัทแพลตฟอร์มรายวัน แต่บริษัทกลับปฏิเสธไม่จ่ายเงินทดแทนในอัตราที่กฎหมายกำหนด แล้วใช้วิธีช่วยค่าทำศพแบบสมัครใจรายละหลักพันบาทแทน ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่า ‘อิสระ’ ที่บริษัทแพลตฟอร์มใช้โฆษณาอาจเป็นการเล่นคำอย่างตลกร้าย ที่ย่อมาจาก ‘อิสระจากความรับผิดชอบต่อคนงาน’
‘ทำงานให้ แต่ไม่ได้เป็นอะไรกัน’ คำกล่าวของแพลตฟอร์ม (ที่รัฐดันเชื่อ)
จากคลิปสัมภาษณ์ของรองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานบนเพจเฟซบุ๊กของประชาไท ที่ออกมากล่าวอย่างไม่ฟันธงว่า “ในบางส่วนก็ชี้ชัดเจนไปไม่ได้ว่า (ไรเดอร์) เป็นลูกจ้างภายใต้กฎหมาย พ.ร.บ. 2541 หรือเปล่า” แล้วก็ทำให้คิดถึงความมุมานะอุตสาหะอย่างล้นเหลือของกระทรวงแรงงานในพักหลังมานี้ที่จะเข็นร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาแรงงานนอกระบบ พ.ศ. … หรือที่เรียกกันอย่างไม่เป็นทางการว่า ‘พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานนอกระบบฉบับใหม่’ ออกมาใช้ให้ได้ โดยพยายามจะตีขลุมว่าไรเดอร์และเหล่าคนงานบนแพลตฟอร์มนั้นเป็นการจ้างงานแบบไม่มีนายจ้าง ก็ให้อยู่ในกลุ่มก้อนแรงงานนอกระบบไปแล้วกัน
มิไยที่ไรเดอร์จะอธิบายต่อเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานหลายกรมกอง (และหลายครั้ง) ว่าการจ้างงานของพวกเขามีลักษณะบังคับมาก ชนิดที่ว่าน่าจะเข้าข่ายเกณฑ์การมีอำนาจบังคับบัญชาของนายจ้างแน่ๆ ก็ได้รับคำตอบมาว่ายังตอบชี้ชัดไม่ได้ เพราะไรเดอร์หนึ่งคนอาจทำงานกับหลายแอพพลิเคชัน
ต่อให้ไรเดอร์จะชี้แจงว่าที่ต้องทำงานกับหลายแอพพลิเคชั่นก็เพราะบริษัทแรกอาจรับคนมาเพิ่มจนเขากดรับงานไม่ทัน หรือบริษัทแรกลดค่าตอบแทนจนไม่พอกินจนต้องหนีมาสมัครกับบริษัทที่สองเพื่อกระจายความเสี่ยง หรือกระทั่งพบว่ามีบางคนที่อึดทนทำงานกับบริษัทแพลตฟอร์มเจ้าเดียวไม่หนีไปไหน ท่านเจ้าหน้าที่ก็ยังบอกว่า
“ไม่ได้ ยังฟันธงไม่ได้ ขอไปรวบรวมข้อมูลมาก่อนแล้วกันนะ”
มีครั้งหนึ่งที่ไรเดอร์ของบริษัท Lalamove รวมกลุ่มกันเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึงกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎรเรื่องบริษัทบังคับหักเงินประกันสินค้าเสียหายแบบเหมาจ่ายถ้วนหน้าคนละ 200 บาท โดยไม่แจ้งล่วงหน้า และเป็นการเก็บเงินซ้ำซ้อน เพราะหากไรเดอร์ขนส่งสินค้าเสียหายก็ต้องจ่ายค่าชดเชยสินค้าเพิ่มไปอีก
สุดท้ายที่ประชุมมีมติมอบหมายให้กองคุ้มครองแรงงานนอกระบบ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เป็นผู้สอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อ ท่ามกลางเสียงทัดทานว่าไม่ควรมอบหมายให้กองคุ้มครองแรงงานนอกระบบเป็นผู้ดูแล ในเมื่อยังไม่มีคำสั่งชี้ชัดว่าไรเดอร์บนแพลตฟอร์มคือแรงงานนอกระบบ
บรรยากาศการสอบสวนในเวลานั้น เจ้าหน้าที่ผู้สอบสวนถามตั้งแต่ว่ารู้จักบริษัทแพลตฟอร์มแห่งนี้ได้อย่างไร มาสมัครได้อย่างไร อ๋อ เพื่อนชวนมา สมัครอย่างไร อ๋อ กรอกข้อมูลออนไลน์แล้วนัดไปที่ตึก อ๋อ แล้วบริษัทอยู่ที่ไหน มีกี่ตึก อบรมกันชั้นไหนห้องไหนบ้าง กว่าจะได้เข้าเรื่องความเดือดร้อนจริงๆ ก็กินเวลาไปโข เจ้าหน้าที่อ้างว่าเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนจำเป็นต่อการตัดสินใจมากที่สุด
วันนั้นไรเดอร์ให้ข้อมูลตั้งแต่ราว 10 โมง ใช้เวลา 4 ชั่วโมงจึงให้ข้อมูลเสร็จ เหล่าไรเดอร์ที่มาร้องทุกข์เดินสะโหลสะเหลจากสำนักงานออกมากินอาหารเช้ากันตอน 14:00 น. หลังเจ้าหน้าที่กองคุ้มครองแรงงานนอกระบบกล่าวว่า
“ขอบคุณสำหรับข้อมูล ยังตัดสินชี้ขาดไม่ได้ และทางกองฯ ไม่มีอำนาจช่วยเหลือโดยตรง ให้ลองติดต่อสำนักงานเขตในพื้นที่ดูอีกครั้ง”
ความคิดเห็นของกองคุ้มครองแรงงานนอกระบบ
ดูจะสอดคล้องไปในทางเดียวกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
อันเป็นองค์กรแม่ ที่ไม่กล้าฟันธงว่าคนงานบนแพลตฟอร์ม
ควรมีสถานะการจ้างงานแบบใด
อย่างไรก็ตาม ในกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการระดับชาติ “แรงงานแพลตฟอร์ม: จะกำหนดอนาคตการจ้างงานอย่างไรให้คนงานมีส่วนร่วม” ที่จัดโดยหน่วยงานภาคประชาสังคมร่วมกับกรรมาธิการการแรงงานเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตัวแทนกรมสวัสดิการฯ ให้ความเห็นว่า การจ้างงานบนแพลตฟอร์มดูมีลักษณะ ‘จ้างทำของ’ แบบแรงงานนอกระบบมากกว่า การจ้างงานบนแพลตฟอร์มจึงไม่แน่ชัดว่าจะเข้าข่ายการจ้างแรงงาน เพราะเชื่อว่าไรเดอร์มีอิสระในการเลือกรับงานได้ตามที่บริษัทแพลตฟอร์มอ้าง
สถานะนั้นสำคัญไฉน ทำไมกลุ่มคนที่ครั้งหนึ่งเคยหนีจากการจ้างงานประจำแบบเข้าออฟฟิศทำงาน 8 ชั่วโมงจึงไม่ควรกลายเป็นแรงงานนอกระบบ ก็เพราะว่าสถานะการทำงานนั้นกำหนดทุกอย่าง หากเลือกตัดสินสถานะได้ตรงกับลักษณะการทำงานจริงก็เป็นคุณกับคนงาน หากไม่ตัดสินให้ถี่ถ้วนมากพอก็จะสร้างปัญหาการจัดหมวดหมู่การจ้างงานผิดประเภท (misclassification)
หากรัฐเลือกจะตัดสินให้ไรเดอร์เป็นแรงงานนอกระบบ ก็แปลว่าไรเดอร์อาจหมดสิทธิได้รับการดูแลจากบริษัท เพราะถือว่าไม่ใช่แรงงาน ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฯ ที่บริษัทจะต้องมาดูแลให้ได้รับค่าแรงไม่ต่ำกว่าอัตราขั้นต่ำต่อวัน ต้องนำเข้าประกันสังคมมาตรา 33 ที่ครอบคลุมค่าทดแทนเมื่อประสบอุบัติเหตุจากการทำงาน ต้องจัดให้มีวันหยุดพักผ่อนและเวลาพักระหว่างการทำงานอย่างเหมาะสม ฯลฯ
แอปเปิลในหีบห่อใหม่ก็ยังเป็นแอปเปิล
ที่จริงการจ้างงานแบบรายชิ้น หรือรายกิ๊ก (gig work) ไม่ได้เพิ่งเกิดมาพร้อมกับยุคอินเทอร์เน็ต แต่มีมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1905 เพื่อนิยามการจ้างงานของนักดนตรีแจ๊สที่รับจ็อบเป็นรายครั้ง มีการทำงานที่ยืดหยุ่น แต่ไม่ได้รับสวัสดิการจ้างงานอย่างประกันสุขภาพ หรือสิทธิลาหยุดโดยได้รับค่าจ้าง
ในปัจจุบันยังไม่มีคำตอบสำเร็จรูปที่จะชี้ชัดได้ทุกกรณีว่า ผู้รับงานเป็นรายชิ้นแบบใหม่บนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างไรเดอร์ที่ทำงานบนแพลตฟอร์มเจ้าดัง ทั้ง Grab, Uber, Foodpanda, Deliveroo, LINE MAN ฯลฯ ควรมีสถานะการจ้างงานแบบใด รัฐบาลในแต่ละประเทศก็มักใช้การตีความจากความสัมพันธ์และลักษณะการทำงานที่เกิดขึ้นจริงระหว่างบริษัทและคนงาน โดยใช้หลักกฎหมายที่มีอยู่เดิมเป็นเกณฑ์
ในประเทศฝรั่งเศส มีการนำหลักการเรื่องสภาพบังคับบัญชา (subordination) มาใช้เพื่อชี้ว่าคนงานแพลตฟอร์มมีสถานะเป็นลูกจ้างของบริษัทแพลตฟอร์มหรือไม่ ในประเทศเดนมาร์กพิจารณาตามลักษณะการทำงานที่แท้จริง ในประเทศอังกฤษที่ใช้หลัก ‘สถานะที่สาม’ ก็มีคำพิพากษาออกมาแล้วว่าคนงานบนแพลตฟอร์ม Uber เป็นต้องคืนสิทธิแรงงานพื้นฐานย้อนหลังให้กับคนขับ อาทิ ค่าแรงขั้นต่ำ ค่าจ้างในวันหยุด ในฐานะที่คนงานเป็น worker คนหนึ่งของบริษัท
การพิจารณาตามลักษณะการทำงาน คือ การยืนยันหลัก ‘แอปเปิลในหีบห่อใหม่ก็ยังเป็นแอปเปิล’ หมายความว่า ไม่ว่าบริษัทแพลตฟอร์มจะออกแบบหีบห่อบรรจุภัณฑ์ให้วิลิศมาหราอย่างไร ออกแบบให้การทำงานมีลักษณะยืดหยุ่น ดูเลือกได้ คล้ายการเล่นเกมเก็บเงินรางวัลขนาดไหน แต่หากบริษัทแพลตฟอร์มมีอำนาจบังคับสั่งการ จ่ายค่าตอบแทน และลงโทษ-ให้รางวัลคนงานได้แล้ว ก็ถือว่า ลักษณะการจ้างงานภายใต้หีบห่อของเทคโนโลยีก็ยังเป็นเช่นเดิม ไม่ใช่การจ้างงาน ‘แบบใหม่’ อย่างพาร์ทเนอร์ธุรกิจที่ไม่เคยได้รับเงินปันผลจากบริษัท
ส่วนรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ ก็มีกฎหมายระดับรัฐ ที่ชื่อ Assembly Bill 5 (AB5) ที่กำหนดเกณฑ์การทดสอบสถานะคนทำงานเอาไว้ 3 ข้อ (ABC Test) เพื่อประเมินว่าไรเดอร์ที่ทำงานให้กับบริษัทแพลตฟอร์มถือเป็นลูกจ้าง (employee) ของบริษัทแพลตฟอร์มหรือเป็นคนงานอิสระ (independent contractor) โดยคนงานคนหนึ่งจะต้องเข้าข่ายครบทั้ง 3 ข้อ จึงจะถือว่าเป็นคนงานอิสระอย่างแท้จริง ดังนี้
- คนงานเป็นอิสระจากการควบคุมและกำกับของผู้ว่าจ้าง ทั้งในลายลักษณ์อักษรและในทางปฏิบัติ
- คนงานไม่ได้อยู่ในธุรกิจเดียวกับผู้ว่าจ้าง เช่น ช่างประปาที่มาซ่อมท่อน้ำให้กับบริษัทขนส่ง
- คนงานทำงานนั้นอย่างอิสระอยู่ก่อนแล้ว ไม่ได้ทำเพราะผู้ว่าจ้างเป็นผู้อำนวยให้มาทำ เช่น ตนเองขับรถส่งอาหารอยู่ก่อนตั้งนานแล้ว ไม่ได้เพิ่งย้ายมาทำหลังจากเข้าสมัครงานกับผู้ว่าจ้าง
ในวันที่ประเทศไทยยังปล่อยให้ความสัมพันธ์ระหว่างไรเดอร์และบริษัทแพลตฟอร์มคลุมเครือ ไม่แน่ใจว่าระหว่างเราเป็นอะไรกัน เธอและฉันควรมีความรับผิดชอบต่อกันมากน้อยแค่ไหน ก่อนสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์มครั้งต่อไปผู้อ่านลองจัดหมวดหมู่เล่นๆ ดูก็ได้ว่า ไรเดอร์จากบริษัทแพลตฟอร์มที่ท่านเลือกใช้บริการมีสภาพการจ้างงานจริงแบบใด และควรจัดให้เขามีสถานะการทำงานเพื่อรับสิทธิสวัสดิการแบบใด
และอีกครั้ง หากพบว่านี่คือความสัมพันธ์การจ้างงานที่เป็นพิษ ก็เลิกคิดว่าเราเป็นเพียงพาร์ตเนอร์กันเสียนะ!
อ้างอิงข้อมูลจาก
* บทสัมภาษณ์ไรเดอร์หญิง (ไม่เปิดเผยชื่อ) เผยแพร่ครั้งแรกบนเพจสถาบันแรงงานและเศรษฐกิจที่เป็นธรรม
** บทสนทนาระหว่างการจัดเสวนาโดยสถาบันแรงงานและเศรษฐกิจที่เป็นธรรม เผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ https://decode.plus/20200909/