การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทำให้ประชาชนทั่วแผ่นดินไทยตกอยู่ในห้วงแห่งความเสียใจ ผู้คนต่างแต่งกายด้วยชุดสีดำเพื่อเป็นการไว้ทุกข์ให้กับพ่อหลวงของแผ่นดิน
กระนั้นปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อ Demand มีมากจนทำให้ Supply ไม่เพียงพอ ราคาเสื้อสีดำไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืดหรือเสื้อเชิ้ตก็แพงขึ้น ในห้วงเวลานี้เองที่ทำให้คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง นำริบบิ้นสีดำไปแจกตามสถานที่ต่างๆ สำหรับติดแสดงสัญลักษณ์ของความอาลัยในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
หลังจากนั้นในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ทวิตเตอร์ของภาพดังกล่าวก็ถูกรีทวิตไปมากกว่า 10,000 ครั้ง ส่งผลให้หลายๆ คนในโลกออนไลน์ ตัดสินใจนำเสื้อหรือริบบิ้นมาร่วมแจกตามสถานที่ต่างๆ
The MATTER มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณส้ม คุณอั้ม และคุณปอนด์ หนึ่งในคนกลุ่มแรกๆ ตัดสินใจไปแจกริบบิ้นกลางกรุงและสถานที่อื่นๆ จนกลายเป็นกระแส ว่าพวกเขามีแรงบันดาลใจจากอะไร
The MATTER : ไม่ทราบว่ามีแรงบันดาลใจอย่างไร ถึงได้ตัดสินใจไปแจกริบบิ้นดำกันครับ?
คุณอั้ม : เราก็ทำแจกลูกค้าที่ร้านขายยากับที่ออฟฟิศน่ะค่ะ ไม่ได้เดินแจก เพราะไม่สะดวกไปเดินแจกเลยแรงบันดาลใจก็คือ เห็นคนที่เค้าอยากแสดงความอาลัย แต่ไม่มีเสื้อดำ หรืออาจจะมีเงินไม่พอซื้อ ก็สามารถติดริบบิ้นแทน เป็นอีกทางให้เค้าได้แสดงความอาลัยค่ะ อยากมีส่วนสร้างให้สังคมสงบกว่านี้ ให้มีทางเลือกในการถวายความอาลัย ไม่ใช่ว่าไม่ใส่เสื้อดำแล้วเท่ากับไม่รักในหลวง เหมือนกับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สื่อให้คนในสังคมเห็นว่า การแสดงความอาลัยรักไม่ได้มีแค่หนทางเดียวค่ะ
คุณปอนด์ : ปอนด์ทำงานในส่วนของราชการ ซึ่งต้องไว้ทุกข์ 1 ปี แล้วตอนที่เริ่มไอเดีย คือ อาจารย์ที่ทำงาน เค้าบ่นว่าหาซื้อเสื้อแล้วเสื้อหมด ช่วงวันเสาร์ ปอนด์ก็เก็บของแล้วเจอม้วนริ้บบิ้นที่เคยใช้ช่วงไว้ทุกข์ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เมื่อปี พ.ศ. 2554 เลยเอามาตัดและทำเป็นริ้บบิ้นตามแบบใน google ดู
พอทำไปสองสามอัน เห็นว่า ริ้บบิ้นก็มี เข็มกลัดเอย ด้ายเอย มีครบ เลยคิดว่า เอ๊า!! ทำแจกซะเลย เผื่ออาจารย์หลายๆ ท่านที่ไม่มีเสื้อดำ หรือว่าไม่ได้ใส่มาในบางวัน ตอนแรกคือคิดแค่ว่า แจกไม่กี่ท่าน เลยโพสต์บอกในเฟซบุ๊ก หลังจากนั้นวันนึง มีอาจารย์หลายๆ ท่านอยากได้ เลยโพสต์แจก และตั้งใส่แก้วที่หน้าโต๊ะทำงานซะเลย ความคิดที่แจกคือ คิดว่าอยากทำอะไรบ้าง เป็นการทำบุญเพื่อพระองค์ท่าน ตัวปอนด์เองก็อยู่ต่างจังหวัด แถมทำงานตลอด 7 วัน หาเวลาที่จะทำงานอาสาสมัครยากมากกกก ที่ทำริ้บบิ้นแจกนี่คือเราทำในส่วนที่เราทำได้ เรามีเวลาทำ ใช้ทุนไม่มาก คนอื่นที่ได้ไปก็ได้ใช้งาน ได้ประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่ายค่ะ
คุณส้ม : ของเรายาวนะ ว่างฟังเหรอ
The MATTER : …ก็ฟังได้นะครับ
คุณส้ม : แรงบันดาลใจมาจาก การล่าแม่มดค่ะ คือ มันเริ่มมาจาก วันที่ 14 ตุลาคม เริ่มมีคนทะเลาะกันเรื่องการแสดงออก แซะกันเรื่องเสื้อผ้า เราเห็นทวีตมีคนพูดว่า “ถ้าเห็นเราทวีตเรื่องติ่ง อย่าว่าเราเลยนะ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฮิลเราตอนนี้ได้” แล้วมีอีกหลายคนที่พูดแบบนี้ ซึ่งน้องๆ พวกนั้นอายุแค่ 20 ต้นๆ แล้วน้องคนนึงแชทคุยกับเรา น้องบอกว่า “หนูไม่ไหวแล้วพี่ หนูไม่ไหวแล้ว” คือ มันไม่ใช่แล้วไง มันไม่ถูกต้อง น้องๆ ทุกคนเศร้านะ แต่จมอยู่ในทวีตก็เศร้า หาอะไรสุขใจดูก็ไม่ได้
พอไป Facebook ก็เจอะเทศกาลล่าแม่มด หันไปทางไหนก็เจอะ พีคสุดคือ เพื่อนรุ่นน้องโทรมาเล่าเรื่องที่บ้านไปเฮโลล่าแม่มด เพื่อนบอกว่าไม่โอเค ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ไม่ไหว คืนนั้นเราก็นอนไม่หลับ รู้สึกว่า มันไม่ควรเป็นแบบนี้ ซึ่งมีบางคนตอบกลับมาว่า แค่เอาริบบิ้นดำไปติดให้ก็จบแล้วปะ ง่ายกว่าแคปประจานลงเน็ต…ก็ใช่ไง ง่ายกว่า แต่…ใครจะทำ
วันที่ 15 เพื่อนอีกคน นางฝากหาริบบิ้นดำให้หน่อย จะเอาไปผูกรถ ก็ออกไปตามหาซื้อนะ มันขาดตลาด ตระเวณไปทั่วเลยแต่หาไม่ได้ สุดท้ายกลับมารอซื้อที่ร้านหน้า มสธ. เค้าบอกว่าของมาบ่ายโมงเราก็หยิบๆ ดูสีอื่น ม้วนเบ้อเริ่ม 140 บาท ถ้าซื้อแยกก็ต้องซื้อเป็นเมตร ระหว่างรอ ไปเดินตากแอร์ใน Tops คิดเรื่องล่าแม่มดฟุ้งซ่านไปแหละจนไปเห็น พี่พนักงาน แกติดริบบิ้นดำที่ไหล่ซ้าย
คุณเอ้ย นี่แหละใช่เลย นี่แหละทางออกของเรา ทาง Tops เค้าทำส่งมาให้พนักงานติด เออ จบปัญหาค่ะ ก็เลยตัดสินใจจะทำริบบิ้นแจก
พอทำจริง ขี้เกียจมาก ตั้งแต่เช้าวันที่ 15 ลองทำแล้วเหนื่อย ยุ่งยาก เจ็บมือ เข็มกลัดแทงซอกเล็บปวดไปหมด ไม่ทำละ ก็ไปเที่ยวไปเดินเล่น พอเปิดเฟซบุ๊กเห็นคนพูดซ้ำๆ ว่า ติดริบบิ้นสิ ทำงั้นสิ ทำงี้สิ แต่ก็แค่พูดน่ะค่ะ นี่ก็นั่งอึนๆ จะทำดีต่อมั้ย สุดท้าย เพลง ‘พ่อ’ ของพี่ปั่น ไพบูลย์เกียรติ ดังขึ้น ไฟมาอีกครั้ง เลยกลับไปซื้อริบบิ้นเพิ่มอีกสองม้วน เข็มกลัดอีกรวม 300 อัน พอกลับถึงบ้านกะว่าจะเริ่มทำก็เจอดราม่าต่อ
เราก็มีคำถามขึ้นมาว่าเราต้องเลือกข้างหรอ ทางเลือกมันไม่ได้มีแค่แกผิด ฉันถูก พวกแก พวกฉัน มันมีมากกว่านั้นนะ ไม่จำเป็นต้องเลือกล่าแม่มด หรือต่อต้าน ถ้าเจอคนไม่พร้อม ไม่สะดวก ก็ทำริบบิ้นติดเผื่อเขา หรือติดให้ตัวเองมันก็จบแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าถ้าทำผิดแล้วจะโดนด่า โดนล่าแม่มด เราเลยตัดสินใจ จะทำแจก แล้วโพสต์ลงเฟซบุ๊ก กับทวิตเตอร์ ให้ทุกคนเห็นว่าทางเลือกมันมี แล้วเราลงมือทำไม่ได้แค่พูด
แต่ไม่คิดว่าจะรีทวีตกันไปเป็นพัน แชร์เป็นร้อย (หัวเราะ) ตอนเห็นยอดรีทวีต 4 พัน นี่ตกใจมาก เซเลปคนไหนมารีทวีตฉัน กลายเป็นกระแสโดยไม่ได้ตั้งใจ เราไม่ได้ทำเพื่อให้ตัวเรามีชื่อเสียง พรุ่งนี้คนก็ลืมเราแล้ว แต่พรุ่งนี้คนจะไม่ลืมว่า เขามีทางแก้ปัญหาเรื่องสีเสื้อ เหมือนที่พระองค์ท่านทำให้เราดู ท่านไม่เคยตัดสินปัญหาว่าผิดหรือถูก พวกเขา พวกเรา ท่านเดินหน้าหาทางแก้ปัญหาให้กับทุกคน
The MATTER : ในฝั่งราชการ ก็มีปัญหาส่วนการหาเครื่องต่างกายหรือครับ เข้าใจว่าสามารถใส่ชุดข้าราชการปกติ
คุณปอนด์ : ใช่ค่ะ แต่ว่าในมหาวิทยาลัย อาจารย์ส่วนใหญ่เป็นพนักงานในสถาบันอุดมศึกษาค่ะ ซึ่งไม่มีชุดสีกากี มาทำงานคือใส่ชุดทำงานเหมือนบริษัทค่ะ บางท่านก็จะมีปัญหาคือไม่ค่อยมีชุดดำ ไม่ก็มีแค่ชุดสองชุดเผื่อไปงานศพ แล้วยิ่งวัยรุ่นๆ สามสิบอัพ ชอบสีที่สว่างๆ สวยๆ ใส่ดำขาวกันทั้งปีคงต้องเก็บชุดสีอื่นเข้ากล่องแน่ๆ
The MATTER : ที่ทำแจกกันแบบนี้ ใช้งบเท่าไหร่ครับ
คุณอั้ม : ก็ประมาณ 800 บาทค่ะ พอดีซื้อมาเยอะมาก เพราะต้องทำแจกลูกค้าที่ร้านด้วยค่ะ
คุณปอนด์ : ตอนนี้ก็ 90 บาทเองค่ะ เพราะใช้ริบบิ้นอันใหม่ ที่เหลือก็มีอยู่แล้ว
The MATTER : คิดว่าเป็นการเสียเงินที่คุ้มค่าไหมครับ
คุณอั้ม : คุ้มที่สุดที่เคยใช้เงินมาเลยล่ะ
The MATTER : เจอคนมาดราม่าใส่ตอนแจกกันบ้างไหมครับ ?
คุณส้ม : ไม่มีนะ ถึงมีก็แค่ น่าจะไปทำที่ที่คนไม่มีอยู่กันเยอะๆ สยามคนมีกำลังซื้อ คือเราไม่ได้ทำแจกคนจน เราทำแจกคนที่จำเป็นต้องใช้ แต่ถ้าเจอเรื่องดีๆ มีเยอะ ตอนบ่ายตัวส้มหนีไปกินข้าว พนักงานของห้างเขาเอากล่องตั้งบนเก้าอี้ เอาลวดมาแขวนป้ายให้ ตอนแรกก็คิดเทศกิจจะไล่ แต่ป่าวเลย เค้าถามแล้วประกาศโทรโข่งให้
คุณปอนด์ : ยังไม่เจอนะคะ อาจจะด้วยที่แจกให้ก็รู้จักกัน จะมีก็แค่แนะนำเรื่องตัวริ้บบิ้นขอบผ้าจะใช้งานได้ไม่นาน ปอนด์เองเห็นดราม่าเรื่องสีเสื้อ ก็หวั่นๆ เหมือนกัน เพราะมีชุดดำแต่จะลวดลายเยอะหน่อย
The MATTER : จากที่แจกกันในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เห็นในเน็ตตอนเย็นๆ ค่ำๆ ว่ามีอีกหลายท่านที่จะแจกทั้งเสื้อ, ริบบิ้น, ผ้าคาดดำ คิดว่ากลุ่มคนคุณส้ม คุณอั้ม คุณปอนด์ เป็นจุดเริ่มต้นให้คนอื่นๆ ออกมาแจกริบบิ้นกันหรือเปล่า
คุณส้ม : ไม่แน่ใจค่ะ อาจจะเป็นที่นายกฯประกาศช่วงบ่ายๆ ก็ได้นะ ว่าให้ใส่เสื้อสีอื่นได้ แล้วติดริบบิ้นเอา
คุณปอนด์ : ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เราเป็นแค่ส่วนเล็กๆ คนเหล่านั้นอาจจะคิดหรือทำมาก่อนอั้มก็ได้ พวกเราไม่ใช่ตัวจุดชนวน แต่เป็นแรงหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนให้มีการแสดงออกถึงความอาลัยในทางอื่นๆ ค่ะ และลึกๆแล้ว คนที่แจกของ หรือทำอะไรแบบนี้เค้าก็คงมีจิตสำนึกที่ดีที่จะทำอยู่แล้ว ไม่ต้องรอให้ใครมาจุดชนวนก็ได้ค่ะ อย่างตอนนี้เห็นมีเอาเสื้อมาขายกันในราคาทุนด้วย ก็ถือเป็นจิตสำนึกที่ดีมากๆ ที่ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคาค่ะ
คุณปอนด์ : ฮ่าๆๆๆ คิดว่าน่าจะใจตรงกันหลายๆ คนอยู่นะคะ ตอนทำแจกก็ตกใจ มีทำแจกกันเยอะเลย ถ้ามันเป็นสิ่งที่ทำแล้วดี ใครเริ่มก่อนหลัง ก็ทำดีเหมือนๆ กัน
The MATTER : มีอะไรอยากฝากให้คนที่อยากออกมาทำอะไรแบบนี้มั้ย
คุณส้ม : ให้ลงมือทำแค่ที่เราทำได้ค่ะ อย่าไปคิดเยอะคิดไกล มันจะไม่ได้ทำอะไรซักอย่าง ไม่ต้องไปคิดหรอกค่ะว่า จะแจกคนทั้งประเทศ จะต้องหมด มันเยอะ มันเหนื่อย มันจะไม่อยากทำ
คุณอั้ม : อยากจะบอกว่า ให้ทำต่อไปค่ะ ทำเท่าที่ทำได้ อย่าทำเกินตัว อย่าลืมคำว่าพอดี บางคนทำให้ผู้อื่นจนตัวเองลำบาก เอาเท่าที่พอดีก็พอ การช่วยเหลือผู้มีปัญหาเป็นสิ่งสมควรทำค่ะ แต่ก็ไม่ควรทำจนตัวเองมีปัญหาตามไปด้วยเช่นกัน
คุณปอนด์ : การช่วยเหลือคนอื่น เป็นสิ่งที่ดีมากๆ ทำมากทำน้อยขึ้นอยู่กับตัวเราว่าทำได้ถึงขนาดไหน ทำเท่าที่ทำไหว เพราะถ้าทำเกินขีดจำกัดเรา กลายเป็นหาเรื่องเดือดร้อนมากกว่าช่วยเหลือคนอื่น ใครมีแรงก็ลงแรง ใครมีทรัพย์ก็ลงทรัพย์ ก็ว่ากันไป คำนี้เคยมีคนบอกไว้ค่ะ
The MATTER : คำถามส่งท้าย ถ้าเจอดราม่าว่าทำไมติดริบบิ้นแค่นี้ จะทำอย่างไร
คุณส้ม : หันไปยักไหล่ แล้วถามกลับว่า ต้องทำขนาดไหนคะ? อะไรนะคะ ให้ติดปลอกแขน ดีเลยค่ะ พี่ทำให้ใช่มั้ยคะ แอดเฟซเลยค่ะ แล้วจะทำแจกมั้ยคะ แจกที่ไหน เดี๋ยวบอกเพื่อนให้มาเอา พี่เป็นคนดีจริงๆ เลยค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
คุณอั้ม : คงเฉยๆ ไปค่ะ เราคงไม่สามารถไปปรับความคิดของใครได้ แต่ถ้ามีคนพูดให้ได้ยินก็ต้องอธิบายเขาไปค่ะ จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็สุดแท้แต่เขาจะคิด จะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ทะเลาะกับคนเหล่านั้น เราไม่ควรทะเลาะกันในช่วงเวลาเช่นนี้ค่ะ
คุณปอนด์ : ก็คงยิ้มๆ แล้วบอก “หนูไม่มีตังค์ซื้อเสื้อค่ะ” ฮ่าๆๆ