ช่วงเวลาแห่งความสุขของทุกปีมาถึงแล้ว ถึงบ้านเราจะเป็นเมืองพุทธ แต่เรื่องฉลองมีรึเราจะพลาด วันคริสต์มาสเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง…ถึงปีนี้อากาศจะไม่เข้ากับเทศกาลเท่าไหร่ แต่เอาน่า ตามห้างร้าน หรือลานหน้าเซ็นทรัลเวิร์ลก็มีการประดับประดาไฟ มีต้นคริสต์มาส มีสีเขียวสีแดงกันตามธรรมเนียม
The MATTER เลยขอส่งความสุขต้อนรับวันคริสต์มาสด้วยเรื่องราวสนุกๆ ไว้อ่านพร้อมๆ กับตอนรับของขวัญเนื่องในวันคริสต์มาสกัน
ทำไมวันคริสต์มาสถึงสำคัญ
บ้านเรามีวันสงกรานต์ สำหรับโลกตะวันตก คริสต์มาสก็ดูจะมีความสำคัญในระดับเดียวกัน ส่วนหนึ่งคงเป็นช่วงเวลาในรอบปีที่ได้หยุดยาว เหล่าดอกหญ้าในป่าปูน คนเมืองพลัดถิ่นฐานทั้งหลายได้มีโอกาสกลับบ้านไปพักผ่อนหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งปี
วันคริสต์มาสเรียกได้ว่าเป็นวันหยุดที่ชาวตะวันตกตั้งหน้าตั้งตารอคอยกันเลย วันที่ 25 ธันวาเป็นช่วงเวลาในรอบปีก็ทุกคนต้องกลับไปเฉลิมฉลองกับครอบครัวของตัวเองที่บ้าน มีการตกแต่งบ้านช่อง ตั้งต้นคริสต์มาส ทำอาหารเลี้ยง มอบของขวัญให้แก่กัน เรียกได้ว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน จุดให้อากาศอันหนาวเหน็บช่วงปลายปีอบอุ่นหัวใจของผู้คนได้ดีเยี่ยม
ดังนั้น ช่วงคริสต์มาสที่มันควรจะสนุกสนานอบอุ่น เลยมีเรื่องเศร้าหลายๆ เรื่องจงใจใช้คริสต์มาสเป็นฉากเพื่อขับให้เรื่องของตัวเองขมหนักเข้าไปอีก เช่น เด็กหญิงขายไม้ขีดไฟ ที่ตอนจุดไม้ขีดไฟก็จะมีภาพในความปรารถนาท่ามกลางความหนาวเหน็บปรากฏขึ้นมา เป็นต้นคริสต์มาสและของขวัญที่อบอุ่นสวยงาม
คริสต์มาสกับเพแกน
วันคริสต์มาสเป็นวันที่เราฉลองกันเนื่องในวาระวันประสูติของพระเยซู แต่เอาจริงๆ ในทางประวัติศาสตร์ไม่ได้มีข้อสรุปหรือหลักฐานแน่ชัดว่าทำไมเราถึงเฉลิมฉลองกันวันที่ 25 ตามปฏิทินตะวันตก บางทฤษฎีก็บอกว่าเป็นการนับจำนวน 9 เดือนนับจากที่พระแม่มารีได้รับการประกาศข่าวสำคัญ (Annunciation – การได้รับข่าวประเสริฐว่าพระบุตรจะมีการปฏิสนธินิรมลในครรภ์ของพระแม่มารี)
อีกทฤษฎีสำคัญคือบอกว่าเป็นการที่คริสตจักรรับเอาประเพณีของพวกเพแกนเข้ามาไว้เป็นส่วนหนึ่งของศาสนา คืองี้ เพแกนเป็นศาสนาพื้นถิ่นที่มีมาก่อนคริสต์ศาสนา วิธีการที่จะเผยแผ่ศาสนาอย่างหนึ่งก็คือการควบรวมเอาอะไรบางอย่างที่มีอยู่แล้วเข้ามาเป็นวันสำคัญวันหนึ่งซะเลย
วันเฉลิมฉลองที่ทางคริสต์รับมาเป็นวันฉลองที่สำคัญสุดๆ ของเพแกนชื่อว่าวัน Saturnalia เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลเห-มายัน (Winter Solstice Festival) ประมาณว่าเป็นวันที่กาลเวลาของโลกดำเนินมาถึงฤดูหนาวโดยสมบูรณ์ ในวันดังกล่าวจะเป็นวันที่กลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน ในหลายๆ วัฒนธรรมโบราณจะเป็นวันแห่งการเก็บเกี่ยวเพื่อสะสมรับฤดูหนาวที่กำลังมาถึง
วัน Saturnalia เป็นเทศกาลสำคัญของพวกโรมัน มีบันทึกว่าเป็นวันที่โคตรชิวที่สุดแห่งปี เป็นวันอภิมหาการพักผ่อน กวีโรมันในสมัยต้นคริสตกาลชื่อ Gaius Valerius Catullus บอกว่าเทศกาลที่ว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดของปี การแต่งกายที่เคยเข้มงวดผ่อนคลายลง ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ อย่างตุ๊กตา เทียนไข นกตัวเล็กๆ ถูกเอามาแลกกัน ในวันนี้เป็นวันพิเศษยิ่งขึ้นไปอีกเพราะถ้าคนจนไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าก็จะมีการให้ฟรี เจ้านายกับข้าทาสมีการสลับเสื้อผ้ากัน ธุรกิจการงานต่างๆ ก็ห้ามทำ ต้องพักและป่วนกันอย่างเดียว
จักรวรรดิโรมันกับวันที่ 25 ธันวา
ในชื่อเทศกาล Saturnalia เราเห็นคำว่า ‘Saturn’ อันหมายถึงเทพเจ้าแห่งความตายแฝงอยู่ในชื่อ ด้วยตัวเทศกาลเองหมายถึงวันสิ้นสุดของฤดูใบไม้ร่วง เป็นวันที่ฤดูหนาวกำลังจะมาเยือนเต็มตัว เป็นเทศกาลที่ฉลองเพื่อเป็นเกียรติกับ Saturn ด้วยคำว่า Satus ในภาษาละตินหมายถึงการขุดพรวน
แต่เราอาจรู้สึกว่า ตั้งวันที่ 25 แน่ะ ทำไมมันหนาวจัดจัง ดูจะไกลไปปะสำหรับวันสุดท้ายของฤดูใบไม้ร่วง
คืองี้ มีทฤษฎีบอกว่าแต่เดิมวัน Saturnalia มันไม่ได้กำหนดไว้วันที่ 25 ในยุคโน้นเลย สมัยจักรพรรดิออกัสตินถือเอาวันที่ 17 ธันวาคมเป็นวันฉลองซึ่งกินเวลาตั้งสองวัน ในยุคต่อมาก็คงรู้สึกว่าสองวันจะไปมันอะไร เลยฉลองกันรวดเจ็ดวันกันไปเลย ซึ่งพอตอนหลังมีการประกาศใช้ปฏิทินแบบโรมัน (Roman Calendar) ช่วงพีคของเทศกาลก็จะตกอยู่ในช่วงวันที่ 25 ธันวาคมพอดี
อาณาจักรโรมันกลายมาเป็นอาณาจักรที่รับเอาคริสต์ศาสนาเต็มตัวในสมัยจักรพรรดิคอนแสตนตินในช่วงราวคริสตศักราชที่ 312 เป็นการจบสิ้นการที่อาณาจักรอุปถัมภ์เพแกนและเข้าสู่การเป็นอาณาจักรของพระเจ้าเต็มตัว Dr. David Gwynn อาจารย์ประจำสาขาประวัติศาสตร์โบราณและประวัติศาสตร์โบราณยุคใกล้แห่ง Royal Holloway มหาวิทยาลัยลอนดอนบอกว่า จริงๆ แล้วช่วงเปลี่ยนผ่านจากเพแกนสู่คริสต์ศาสนา การเฉลิมฉลองเดิมๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะจบสิ้นในทันที เช่น Saturnalia เองก็ยังมีการเฉลิมฉลองต่อเนื่องมานับศตวรรษ