“ผมอยากให้สังคมไทยตื่นจากภาวะที่ไม่ยอมรับรู้
ตอนนี้สังคมไทยเราเหมือนกำลังงัวเงียครึ่งหลับครึ่งตื่น”รังสิมันต์ โรม
ช่วงสองสามเดือนมานี้ เราจะเห็นกลุ่ม activist ออกมาเคลื่อนไหวกันอย่างเข้มข้น แถมยังโดนค้น โดนจับ โดนขังอยู่บ่อยๆ จนเราอาจจะเห็นเป็นเรื่องชินชา ไอ้การที่เราชินชานี่แหละ มันทำให้ความไม่ปกติในสังคมค่อยๆ กลายเป็นเรื่องปกติในสายตาเรา น่ากลัวนะว่าไหม หื้ม วันนี้มาสวยๆ เนาะ นิดนึงแหละ เผื่อ 5 หนุ่มข้างล่างผ่านมาอ่านจะรับไว้พิจารณามั่งไรมั่งเนอะ
Activist หรือ นักกิจกรรม บ้างก็เรียกกันว่านักเคลื่อนไหว ว่าง่ายๆ ก็คือคนที่ลงมือทำและเรียกร้องในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ซึ่งความเชื่อที่ว่านี้ก็คือประเด็นที่พวกเขาเห็นว่าจำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง ไม่เฉพาะแค่เรื่องการเมืองนะ มีทั้งสิ่งแวดล้อม ศาสนา กฎหมาย และอีกมากมาย ไปจนถึงเรื่องความอยุติธรรมต่างๆ ในสังคมที่พวกเขาไม่สามารถเพิกเฉยได้ เท่ไหมแก ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อต่อสู้กับโครงสร้างทางสังคมของบ้านเราแหละ ที่มันครอบปัญหายิบย่อยเหล่านี้ไว้อีกที
The MATTER ขอพาไปทำความรู้จักกับกลุ่มคนที่ว่านี้ ด้วย 2 คำถาม กับ 5 หนุ่มนักเคลื่อนไหว ว่าพวกเขาสนใจเรื่องอะไร และอยากสื่อสารประเด็นอะไรกับสังคมบ้าง รวมถึงข้อดีของการคบ activist เป็นแฟน! มาๆ มาดูกันเร้ว (กวักมือเรียก)
1. รังสิมันต์ โรม

facebook.com/rossbuch
The MATTER : สนใจและอยากสื่อสารเรื่องอะไร แล้วอยากให้คนอื่นสนใจเรื่องอะไร
เรื่องที่ผมต้องการสื่อสารมากที่สุด คือ ผมอยากให้สังคมไทยตื่นจากภาวะที่ไม่ยอมรับรู้ ตอนนี้สังคมไทยเราเหมือนกำลังงัวเงียครึ่งหลับครึ่งตื่น หรือบางครั้งเราก็จะตื่นแล้วมารวมพลังต่อว่าคนที่เกี่ยวข้องเฉพาะในประเด็นที่มันดราม่าหรือฉาบฉวย เช่น มีคนถูกจับเพราะเก็บซีดีมาขาย สังคมก็ดราม่าว่าไม่ยุติธรรม คุกมีไว้จับคนจน ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป เราก็ลืมเรื่องนี้ไป ปัญหาก็ไม่เคยถูกแก้จริงๆ จังๆ เหมือนสังคมมันกลับไปหลับใหม่ ไม่รับรู้ความเป็นไป และจะตื่นมาพูดเรื่องนี้ใหม่เมื่อเกิดอะไรซ้ำๆ แบบนี้ ซึ่งสุดท้ายสังคมไทยก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย
ผมคิดว่า เราต้องหันมาแก้ไขต่างๆ อย่างจริงจัง ต้องใส่ใจกับเรื่องพวกนี้เหมือนกับว่ามันเกิดขึ้นกับตัวเราเอง ถ้าเราละเลยปัญหาเหล่านี้ ก็มีคนในสังคมอีกมากที่ถูกกดขี่ เราไม่อยากให้สังคมที่เราอยู่ไปกดขี่ใครใช่มั้ย? ถ้าใช่ มันก็ต้องเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงมันจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยเราทุกคนช่วยกัน ผมเชื่อว่าถ้าเราทุกคนร่วมใจกัน สังคมมันก็ดีขึ้น ชีวิตคนไทยมันก็จะเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตที่ดี ไม่ต้องมารอปาฏิหาริย์อย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
The MATTER : อะไรคือข้อดีของการคบ activist
นักกิจกรรมจะทำให้หัวใจคุณเต้นแรงได้ เพราะต้องลุ้นระทึกว่าจะโดนเล่นงานเมื่อไหร่ เหมาะกับคนที่ชอบความตื่นเต้น ฮ่าๆ ตัดมาโหมดซีเรียส ผมว่านักกิจกรรมเป็นคนที่มีเหตุผลมากนะ ถ้าโดนแฟนด่าเรื่องไม่มีเหตุผล มันจะเจ็บปวดมาก เพราะงั้น ถ้าเป็นแฟนนักกิจกรรมแล้วคบกันด้วยเหตุผล รับรองไม่ผิดหวัง ฮ่าๆ
2. เป๋า-ยิ่งชีพ อัชฌานนท์

waymagazine.org
The MATTER : สนใจและอยากสื่อสารเรื่องอะไร แล้วอยากให้คนอื่นสนใจเรื่องอะไร
สิ่งที่เราสนใจคือ สังคมที่เปิดกว้างมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องต่างๆ ที่เป็นกิจการสาธารณะ มีช่องทางให้พลเมืองมีส่วนร่วมในกิจการของรัฐได้
อยากให้คนสนใจกฎหมายและนโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังจะออกหรือออกมาแล้วและบังคับใช้อย่างไม่เป็นธรรม และอยากให้คนสนใจกรณีการละเมิดสิทธิที่เกิดขึ้นจริงในสังคม เช่น คนที่รายงานเรื่องการซ้อมทรมานแล้วถูกตั้งข้อหาหมิ่นประมาท พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ อะไรแบบนี้
The MATTER : อะไรคือข้อดีของการคบ activist
มีอิสระ เพราะแอคทิวิสต์งานยุ่ง ไม่ค่อยว่าง
3. ชิน-ศิรชัย อรุณรักษ์ติชัย

facebook.com/shinalodon
The MATTER : สนใจและอยากสื่อสารเรื่องอะไร แล้วอยากให้คนอื่นสนใจเรื่องอะไร
โดยส่วนตัวแล้วผมสนใจเรื่องท้องทะเล เน้นไปทางงานวิจัยวิทยาศาสตร์ ความหลากหลายทางชีวภาพ การอนุรักษ์ฟื้นฟูระบบนิเวศ และความเชื่อมโยงต่อมนุษย์เช่นอุตสาหกรรมการประมง พื้นฐานผมก็มาจากงานอนุรักษ์งานวิจัย แต่ที่หันมาจับอาชีพช่างภาพก็เนื่องจากต้องการเข้ามาเชื่อมต่อสื่อสารประเด็นเหล่านี้จากนักวิทยาศาสตร์หรือนักอนุรักษ์ ให้เข้าถึงผู้คนทั่วไปได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ก็อยากให้สนใจเรื่องการบริหารการใช้ทรัพยากรทางทะเลของเรานะครับ จริงอยู่ว่าเรามีต้นทุนทางธรรมชาติที่สมบูรณ์ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน แต่จากเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมต่างๆ ก็เติบโต เราใช้สอยทรัพยากรเหล่านั้นไปอย่างมาก ทั้งการท่องเที่ยวแบบ mass ทั้งการประมงเกินขนาด ซึ่งพวกเราต่างก็รู้กันดี คำถามคือก้าวต่อไปจากนี้พวกเราจะรักษาทรัพยากรเหล่านี้ให้คงอยู่ต่อไปได้อย่างไรโดยที่อุตสาหกรรมและอาชีพของคนจะอยู่ร่วมไปด้วยกันได้
The MATTER : อะไรคือข้อดีของการคบ activist
เคยคบ activist คนนึงเป็นแฟนนะครับ เป็นช่วงที่มีความสุขเติมเต็ม passion กันและกันไปด้วย optimism ว่าเราจะทำงานต่อไปกันเพื่ออะไร เหมือนมีคนที่เข้าใจและยอมรับสิ่งที่เราทำน่ะ แต่พอเลิกกันก็โหดร้าย ส่วนข้อดีของการคบ activist คือ แฟนจะมีเวลาให้กับตัวเอง เพราะเนื้องานผมต้องเดินทางเรื่อยๆ อาจจะได้รู้ได้เห็นประเด็นต่างๆ ที่ผมทำ ซึ่งผม(คิดไปเอง)ว่ามันน่าสนใจนะ มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ แม้ว่าบางเรื่องมันจะแอบดูหดหู่บ้าง ดูๆ ไปก็ไม่ได้ดีตามมาตรฐานค่านิยมทั่วไปน่ะ เรื่องสวัสดิภาพและความมั่นคงนี่ยิ่งดูแบบ… 555
4. วิจักขณ์ พานิช

facebook.com/pvichak
The MATTER : สนใจและอยากสื่อสารเรื่องอะไร แล้วอยากให้คนอื่นสนใจเรื่องอะไร
เราจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับประเด็น ‘ศาสนธรรมกับสังคม’ คือทำยังไงให้จินตนาการในเรื่องศาสนธรรมมันไปพ้นกรอบคิดทางศาสนาสัมพันธ์กับประสบการณ์โลกย์ๆ แง่มุมความเป็นมนุษย์ เปิดกว้างต่อจินตนาการและการตีความที่หลากหลายมากขึ้น ในโลกตะวันตกเขาเรียกศาสนธรรมแบบนี้ว่า spirituality หรือ คุณค่าทางจิตวิญญาณ ที่ผ่านมาก็พยายามสื่อสารเรื่องนี้ทั้งในการสอนศาสนศึกษาระดับมหาวิทยาลัย งานอบรมภาวนา งานเขียน หรือการทำสำนักพิมพ์
แรงบันดาลใจคือ ทำยังไงให้ตัวศาสนธรรมกลายเป็นพลังในการปลดปล่อยผู้คน ให้กล้าทดลองชีวิต กล้าคิด กล้าเป็นตัวของตัวเอง… ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ด้วยการตระหนักว่า ไม่มีประสบการณ์ใดที่เราเผชิญอยู่ ‘ผิด’ หรือ ‘น่าละอาย’ แต่เป็นส่วนหนึ่งของความทุกข์ที่เราต้องกล้าเข้าไปทำความรู้จักและเข้าใจมัน
คุณค่าศาสนธรรมแบบนี้จะมีความสดใหม่และตื่นรู้อยู่กับปัจจุบันอยู่ตลอด ไม่มีใครมีคำตอบสุดท้ายตายตัว ยกตัวอย่างเช่น คุณจะเข้าใจธรรมะของคนที่ผ่านการหย่าร้างมาอย่างไร? คุณจะเข้าใจคนที่เป็นโรคซึมเศร้าอย่างไร? กลุ่มเพศทางเลือกเขาต้องเจอกับความทุกข์อะไรบ้าง? อะไรประมาณนี้ ซึ่งถ้าเราตัดสิน ‘คนพวกนี้’ จากกรอบคิดทางศาสนา มันก็จบเลย แต่ในแง่มุมทางจิตวิญญาณ สถานการณ์เหล่านี้สะท้อนแง่มุมของความเป็นมนุษย์ที่น่าเข้าไปเรียนรู้
The MATTER : อะไรคือข้อดีของการคบ activist
เอาจริงๆ คิดว่าไม่มีข้อดีอะไรเลย (ฮา) นอกจากเวลาส่วนตัวยังน้อย ชีวิตก็ยังต้องแขวนอยู่กับความไม่แน่นอนอยู่ตลอดเวลา อาจจะจน หรือสิ่งที่ฝันอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงอาจไม่บรรลุผลในชีวิตนี้ เผลอๆ ยังต้องเสี่ยงภัยด้วย แต่หากจะให้คิดถึงข้อดีสักอย่าง คิดว่าข้อดีของการคบคนพวกนี้เป็นแฟน คือ ‘บทสนทนา’ เราจะได้เพื่อนคู่คิด เพื่อนร่วมฝัน เพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข อะไรแบบนี้ ซึ่งจะว่าไปมันก็เป็นชีวิตที่มีสีสันสำหรับสาวๆ ที่รักการผจญภัย และไม่กลัวที่จะเจอความทุกข์
5. ไผ่-จตุรภัทร บุญภัทรรักษา

facebook.com/jatupat.boonpattararaksa
The MATTER : สนใจและอยากสื่อสารเรื่องอะไร แล้วอยากให้คนอื่นสนใจเรื่องอะไร
เรื่องการถูกกดขี่เอาเปรียบของชาวบ้าน สิทธิชุมชน ผมจะแบ่งเป็นสองส่วนนะคือ เรื่องนี้กับเรื่องทรัพยากร จริงๆ มันก็เรื่องเดียวกัน แต่แยกเป็นสองประเด็น อย่างชาวบ้านก็จะโดนเรื่องความไม่ยุติธรรมของกฎหมายในการบังคับใช้ เราก็ต่อสู้และสื่อสารเรื่องราวเหล่านี้มาโดยตลอด เรื่องการใช้อำนาจนอกกระบวนการทางกฎหมาย บางเรื่องหลักการมันอาจจะดีแต่ในทางปฏิบัติมันไม่ดีไง มันทำให้เห็นพฤติกรรมที่นายทุนและรัฐทำกับชาวบ้าน อย่างเรื่องเหมือง การระเบิดภูเขา เหล่านี้มันทำให้เกิดผลกระทบต่อชาวบ้าน ทั้งโลหะหนัก และสารเคมีต่างๆ รั่วไหลไปตามน้ำ ทั้งที่แม่น้ำเป็นของประชาชน ภูเขาเป็นของประชาชน ผืนดินเป็นของประชาชน ชีวิตเป็นของประชาชน
อยากให้คนอื่นสนใจเรื่องคนอื่นบ้าง เอาจริงๆ ที่พยายามสื่อสารมาตลอดก็คือเรื่องความเป็นมนุษย์ เราอาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะตอนนี้เรายังไม่โดนกับตัวไงเราเลยนิ่งเฉยไปปล่อยให้เรื่องเหล่านี้มันเกิดขึ้นในสังคมได้ ผมมองว่ามันเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคนที่เห็นอกเห็นใจกัน มันเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกัน เพียงแค่เพิ่มความเป็นมนุษย์ให้มากกว่านี้แล้วเรื่องอื่นๆ จะตามมา
The MATTER : อะไรคือข้อดีของการคบ activist
ผมคิดว่ามันมีแต่ข้อเสียนะ 555 ต้องไปถามสาวๆ น่ะ เพราะเป็นประเภทมนุษย์ผิดมนุษย์ ผู้ชายคนอื่นก็อาจจะพากินข้าว ดูหนัง ของเรานี่พาลงพื้นที่ เวลาก็ไม่มี แถมเสี่ยงคุก คนที่รักเราเค้าก็คงไม่อยากเห็นภาพแบบนี้อยู่แล้ว เวลาเรารักกันเนี่ย เราไม่ได้ตัดขาดจากโลกใบนี้ ชีวิตไม่ได้มีแค่กินข้าว ดูหนัง มันมีอะไรมากกว่านั้น หลากหลายกว่านั้น
คนอย่างพวกเราอาจรักมนุษย์คนอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่แค่รักมนุษย์แฟนอย่างเดียว