นอกจากธรรมชาติ เรื่องราวมหัศจรรย์แล้ว ก็เห็นจะเป็นอาหาร และการกินนี่แหละที่เป็นอีกหนึ่งลายเซ็น และเป็นความน่าหลงใหลพิเศษของการ์ตูนจิบลิ นอกจากเรื่องสปิริตอเวย์ ที่มีการกินเป็นแกนหลักทั้งการข้ามไปมาของสองภพภูมิแล้ว ผลงานของ Studio Ghibli แทบทุกเรื่องต้องมีฉากการกินและปรุงอาหารร่วมกัน
ภาพอาหารที่นอกจากจะชวนให้เรารู้สึกอบอุ่นและเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวแล้ว ยังแทบจะแผ่ไอร้อนๆ แผ่กลิ่น ส่งรสชาติมายังต่อมน้ำลายของเรา แน่นอนว่าอาหารเวรี่สำคัญในงานของ ฮายาโอะ มิยาซากิ (Miyazaki Hayao) ปรากฏอยู่มากมายจนพิพิธภัณฑ์จิบลิที่ญี่ปุ่นจัดนิทรรศเฉพาะว่าด้วยอาหารในผลงาน มีโปสการ์ดสะสมจากทุกเรื่องกันเลย
ถ้าลองนึกถึงนิทาน ตำนาน และพิธีกรรม ทั้งหลาย ก็ล้วนจะมีการกินเป็นองค์ประกอบของเรื่องอยู่ด้วยเสมอ ไม่หิวไป ไปกินของต้องห้าม ไปเจองานเลี้ยง การสาปผ่านอาหาร การกินจึงเป็นอะไรที่ต้องมนตร์ในตนเองอยู่แล้ว
สำหรับครอบครัวเอเชีย อาหารและการปรุงอาหารดูจะเป็นกิจกรรมสำคัญในฐานะ ‘กิจกรรมร่วมกัน’ เพราะการประกอบอาหารและกินอาหารเหล่านั้นโดยพร้อมหน้าถือเป็นพิธีกรรมของครอบครัวที่ทำให้สายสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อาหารย่อมเป็นเสมือนตัวเชื่อมความรู้สึกที่เป็นรูปธรรม บทบาทของอาหาร และภาพอาหารชวนน้ำลายสอในเรื่องนั้น นอกจากจะมีความสำคัญต่อตัวเรื่องแล้ว ยังมีความสำคัญกับสุนทรียศาสตร์ของตัวแอนิเมชั่นอีกด้วย อาหารในเรื่องทำหน้าที่เติมเต็มประสบการณ์ในการเสพภาพยนตร์
การปรากฏขึ้นของไข่ดาวควันฉุย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ค่อยๆ เต็มชาม ภาพอาหารที่แม้จะเป็นภาพจำลองเหล่านั้นกลับทำให้เราสามารถนึกถึงกลิ่นรสของมันได้โดยง่าย อาหารทำให้ผัสสะของการดูหนังครบถ้วนจากภาพและเสียง ไปสู่รสและกลิ่น ในขณะเดียวกัน อาหารที่เป็นองค์ประกอบจากโลกจริงที่เราสัมผัสได้นั้น ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เรื่องเหนือจริงเหล่านั้นดูจริงขึ้น ดึงเราเข้าไปสู่โลกไม่จริงที่สมจริง (realistic unreal)
อาหารและความปรารถนาของสังคมร่วมสมัย
ความอบอุ่นเป็นหัวใจของการ์ตูนจิบลิ และแน่นอนว่า อะไรจะอุ่นทั้งในทางตรงและในทางความหมายได้เท่ากับอาหารอุ่นๆ ที่ปรุงร่วมกันในครอบครัวเล่า อาหารเป็นฉากสำคัญในทุกๆ เรื่อง โดยอาหารและการกินนั้นเป็นส่วนสำคัญในการดำเนอนเรื่อง ในโตโตโระ เราเห็นภาพความอบอุ่นของสมาชิกในครอบครัวผ่านการกินอาหาร และการทำข้าวกล่องให้กัน ใน Castle in the Sky ตัวละครเอกทั้งสองกินอาหารเรียบง่ายด้วยกันเป็นตัวแทนของการทำงานร่วมกัน อาหารใน Princess Momonoke เองก็ช่วยผสานความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร
ในปอนโย อาหารง่ายๆ เช่นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ช่วยทำให้บรรยากาศที่เย็นเยียบและน่าสะพรึงดูอบอุ่นขึ้นในทั้นที ในขณะเดียวกันการกินอาหารในฮาว มูวิ่งแคลเซิลเองก็เช่นกันที่อาหารสะท้อนถึงสถานการณ์ที่ตัวละครกำลังเผชิญ โซเฟียหลังจากถูกสาปก็นั่งกินขนมปังเย็นชืด แต่เมื่อเข้าสู่ปราสาทก็ได้รับการต้อนรับด้วยแฮมและไข่ดาวอันเป็นอาหารของครอบครัวที่ทำเรารับรู้ได้ถึงความเป็นบ้าน ในงานของจิบลินั้นดูเหมือนว่ามิยาซากิน่าจะชอบกินไข่ดาวพอสมควร และแน่นอนว่าเจ้าไข่ดาวนี้ก็เป็นหนึ่งในอาหารที่ใครๆ ก็ชอบ ชวนน้ำลายสอได้อย่างง่ายดาย
ถ้าเรามองว่างานของมิยาซากิเป็นงานที่ว่าด้วยอุดมคติ และความปรารถนาบางอย่างที่สังคมร่วมสมัยญี่ปุ่นโหยหา ภาพของบ้านไร่ชายสวนดูจะเป็นความฝันของเมืองที่โดดเดี่ยวเปลี่ยวร้าง ภาพอาหารที่ปนเปไปสู่ความเป็นตะวันตกมากขึ้น การกินที่ล้นเกินในสปิริทอะเวย์นั้นก็มีการวิเคราะห์ว่าอาจเป็นภาพการบริโภคและเหลือทิ้งอย่างล้นเกินในระบบทุนนิยม การยุติความล้นเกินนั้นจึงดูจะไปเกี่ยวของกับจิตวิญญาณดั้งเดิมบางประการของทางญี่ปุ่นเอง หรือภาพการทำและกินอาหารร่วมกันของตัวละครก็อาจสะท้อนความปรารถนาของคนเมืองและสังคมเมืองเหินห่างหัน ไม่มีโอกาสและเวลาในการทำและกินอาหารของกันและกันอย่างที่เคยเป็น
สุนทรียศาสตร์ของความหิว ความสมจริงในโลกเสมือน
ฉากการปรุงอาหารและการกินอาหารดูจะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ปรากฏขึ้นบ่อยๆ โดยเฉพาะในการ์ตูนประเภทต่างๆ อนิเมะของญี่ปุ่นเองหลายเรื่องแทบจะว่าด้วยภาพอาหารน่ากิน ถ้าว่าด้วยศิลปะการถ่ายทำ การถ่ายอาหาร หรือฉากดูอาหารด้วยภาพจริงนั้นก็ดูจะเป็นเรื่องยากพอสมควร ในทางกลับกันเมื่อเป็นศิลปะภาพวาด การวาดอาหารที่ทะลุจินตนาการ และส่งผ่านควันฉุยออกมาก็อาจจะทำได้ชัดเจนกว่าการถ่ายทำที่ต้องลงทุนมากกว่าจะได้ไข่เจียวควันฉุยทรงสวยซักซีนหนึ่ง
ความพิเศษของอาหารในภาพยนตร์นั้น เจมส์ เคลเลอร์ (James Keller) อธิบายไว้ใน ‘Food, Film and Culture’ ว่าหนังอาหาร หรืออาหารในหนังทำหน้าที่กระตุ้นและบงการผู้ชม เป็นการเพิ่มสัมผัสการรับรู้จากที่หนังนั้นสามารถให้ได้แค่การมองเห็นและการฟัง ภาพและเสียงของอาหารทั้งหลายกลับสามารถดึงเอาผัสสะของกลิ่นและรสออกมาจากจินตนาการได้ พลังพิเศษของทั้งภาพ เสียงที่ถูกสร้างขึ้นอย่างถี่ถ้วนนั้นหลายครั้งทำให้เรานึกถึงรสอาหารในจอได้ แม้กระทั่งบางครั้งเราไม่เคยลิ้มรสสิ่งนั้นเลยด้วยซ้ำ
พลังพิเศษของหนังคือ การดึงเราเข้าสู่ตัวเรื่อง ทำให้เรื่องเชื่อในเรื่องที่ไม่มีอยู่จริงได้ ทำให้เราคล้อยตามไปกับเรื่องราวของโรงอาบน้ำของทวยเทพ เชื่อในกิจการส่งสินค้าของแม่มดน้อย เชื่อในเจ้าป่าได้ นอกจากความสมเหตุสมผลของโครงเรื่อง ความกลมมนของตัวละครแล้ว การปรากฏตัวของสิ่งที่ ‘เป็นจริง’ เช่นสารพัดอาหารที่เป็นสิ่งที่เคยจับต้อง เคยกินมาก่อนนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราที่กำลังดำเนินไปกับเรื่องเหนือจริงนั้น สัมผัสถึงความสมจริงสมจังจากเรื่องราวขึ้นมาได้ ถ้าสังเกตดีๆ อาหารทั้งหมดในจิบลิ ไม่ว่าฉากของเรื่องนั้นจะเหนือจริงแค่ไหน อาหารทุกอย่างคืออาหารของโลกใบนี้ทั้งหมด
อาหารเป็นทั้งสุนทรียศาสตร์และเป็นเรื่องของวัฒนธรรม อาหารเป็นตัวแทนของความรัก ความอบอุ่น มิตรภาพ การทำงานร่วมกัน ตัวอาหารเองทำหน้าปลอบประโลม ให้ความหวัง ในขณะเดียวกันก็ทำให้เราเข้าใจเงื่อนไขของตัวละครอย่างเป็นรูปธรรม อาหารเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงทั้งร่างกายและจิตใจ และไม่ว่าจะบังเอิญหรือตั้งใจ อาหารของมิยาซากินั้น สามารถจูงเราให้เข้าไปลิ้มรสเรื่องราวที่อบอุ่นนุ่มนวล เป็นเสมือนตัวเชื่อมสำคัญที่เชื่อมท้องของเรา เข้าไปร่วมโต๊ะกินไข่ดาว เทมปุระ และแพนเค้กฟูนุ่ม อุ่นท้องอุ่นหัวใจไปพร้อมๆ กับเหล่าตัวละครในเรื่อง
อ้างอิงข้อมูลจาก