ถ้าพูดถึงรักต้องห้าม ใครๆ ก็คงนึกถึงวรรณกรรมเรื่องดังของวิลเลียม เชคสเปียร์ อย่างโรมิโอ และจูเลียต แต่ไม่ใช่เพียงวรรณกรรมเท่านั้นที่จะมีเรื่องราวความรักที่ถูกขวางกั้น เพราะในโลกจริงของเราเองก็มีเรื่องราวความรักมากมายที่เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และถูกกีดกันด้วยบริบทต่างๆ กันไป
วันนี้ The MATTER ขอรวบรวม 5 เรื่องราวความรักต้องห้ามที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์มาให้ได้อ่านกัน
รักต้องห้ามระหว่าง 2 ชาติ
Mark Anthony กับ Cleopatra (Rome& Egypt, 30-40 ปีก่อนคริสตศักราช)
ถ้าพูดถึงเรื่องราวรักต้องห้ามที่โด่งดั่งในประวัติศาสตร์ คงหนีไม่พ้นเรื่องของพระนางคลีโอพัตรา ราชินีของอียิปต์ และนายพลมาร์ก แอนโทนี่ ของกองทัพโรม
เรื่องราวความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นเมื่อนายพลมาร์ก แอนโทนี่ ส่งสารมาเชิญพระนางคลีโอพัตราเข้าพบ เพื่อขอความช่วยเหลือจากอียิปต์ แต่เมื่อได้พบกันเพียงเท่านั้นแหละ ความรักของทั่งคู่ก็เกิดขึ้น แม้ว่ามาร์ก แอนโทนี่จะต้องแต่งงานกับคนอื่นไป แต่ทั้งคู่ก็ยังแอบสานสัมพันธ์กัน จนเมื่อทางโรมรู้เรื่องเข้า ออคตาเวียจักรพรรดิของโรมจึงได้ประกาศว่าแอนโทนี่เป็นกบฏและมองว่าอียิปต์เป็นภัยใหญ่หลวง ถึงขั้นประกาศศึกจนกลายเป็นสงครามเดือดของ 2 ชาติระหว่างโรมและอียิปต์เลยทีเดียว
เมื่อกองทัพของอียิปต์พ่ายแพ้ ไม่สามารถเอาชนะโรมได้ แอนโทนีจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายในอ้อมแขนพระนางคลีโอพัตรา ส่วนพระนางคลีโอพัตราเองก็ดื่มยาพิษฆ่าตัวตายตามคนรักไป กลายเป็นโศกนาฏกรรมรักต้องห้ามระหว่าง 2 ชนชาติ และจุดเริ่มต้นของอียิปต์ที่ตกเป็นเมืองขึ้นของโรมตั้งแต่นั้นมา
รักต้องห้ามระหว่างชนชั้น
เจ้าชาย Edward ที่ 8 กับ Wallis Simpson (สหราชอาณาจักร, ค.ศ.1930)
เรื่องราวรักต้องห้ามที่สั่นคลอนราชวงศ์อังกฤษ เมื่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ตกหลุมรักหญิงอเมริกันวอลลิส ซิมป์สัน ที่ผ่านการหย่าร้างมาแล้วถึง 2 ครั้ง
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระเจ้าจอร์จที่ 5 บิดาของพระองค์ แต่เหตุการณ์ตกหลุมรักและประสงค์จะแต่งงานกับนางวอลลิส แม่ม่ายชาวอเมริกัน ทำให้เกิดเป็นที่ครหาและซุบซิบนินทาในประเทศอังกฤษอย่างมาก ทั้งองค์กรศาสนา การเมือง กฎหมาย รวมถึงรัฐบาลและราชวงศ์ก็ต่อต้านอย่างหนัก เพราะผิดต่อรัฐธรรมนูญที่กษัตริย์จะแต่งงานกับคนที่มีประวัติการหย่าร้าง
เมื่อไม่สามารถต้านทานเสียงนินทาและห้ามความรักที่มีต่อนางวอลลิสได้ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ทรงยอมสละราชบัลลังก์หลังจากครองราชย์ได้ไม่ถึงปี เพื่อไปแต่งงานกับนางวอลลิส และทั้งสองได้ครองรักจนตราบพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 สิ้นพระชนม์ในปี 1972
รักต้องห้ามระหว่างสีผิว
Mildred and Richard Loving (สหรัฐอเมริกา, ค.ศ. 1950-1960)
ในปี 1958 Mildred กับ Richard เป็นคู่รักปกติทั่วไปที่แต่งงานกันเป็นสามีภรรยา แต่สิ่งที่ทำให้ความรักของทั่งคู่กลายเป็นรักต้องห้ามนั่นก็เพราะ ความแตกต่างทางสีผิวของทั้งคู่ โดย Mildred เป็นสาวผิวสี ในขณะที่ Richard เป็นชายผิวขาว ซึ่งในสมัยนั้นการแต่งงานระหว่างเชื้อชาติและสีผิวเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายในรัฐเวอร์จิเนีย
Mildred ถูกจับเพราะแต่งงานอยู่กินกับคนขาว ศาลตัดสินว่าเธอทำผิดกฎหมายและให้เธอเลือกระหว่างติดคุก หรือย้ายออกจากรัฐเวอร์จิเนียและห้ามกลับเข้ารัฐอีก 25 ปีตราบใดที่ยังเป็นสามีภรรยา ภายหลัง Mildred ฟ้องรัฐเวอร์จิเนียว่าละเมิดสิทธิความเสมอภาคของเธอ เคสนี้ขึ้นถึงศาลสูงสุดของประเทศและสุดท้ายกฎหมายการห้ามแต่งงานระหว่างเชื้อชาติและสีผิวก็ถูกตัดสินให้เป็นสิ่งที่ละเมิดสิทธิรัฐธรรมนูญ และถือเป็นโมฆะกับ 17 รัฐทั่วสหรัฐฯ
วันที่ 12 มิถุนา ซึ่งเป็นวันตัดสินคดีนี้จึงกลายเป็นวัน Loving Day ซึ่งถือเป็นวันฉลองการแต่งงานระหว่างผิว/เชื้อชาติ (mixed-race marriage) ในสหรัฐไปเลยด้วย
รักต้องห้ามในค่ายกักกัน
Franz Wunsch กับ Helena Citronava (โปร์แลน ,สงครามโลกครั้งที่ 2)
Auschwitz ค่ายกักกันมรณะ ค่ายใหญ่ที่สุดที่ใช้สังหารหมู่ชาวยิวในประเทศโปร์แลนด์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่ามกลางสงครามและความโหดร้ายที่ดำเนินไปในค่ายนั้น กลับเกิดรักต้องห้ามระหว่าง Franz Wunsch ทหาร Schutzstaffel นาซีหน่วยพิเศษ และ Helena Citronava เชลยชาวยิวขึ้น
Wunsch ตกหลุมรัก Helena หลังเธอมาเป็นเชลยที่ช่วยงานในฝ่า และมาร้องเพลงวันเกิดในงานฉลองวันเกิดของเขา เขาสารภาพรักกับเธอและแอบมีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆภายในค่ายนาซี ในความเป็นจริงแล้ว Helena กับพี่สาวถูกส่งตัวไปเพื่อถูกรมควันแก็สในระหว่างอยู่ที่ค่ายกักกันนี้แล้ว แต่ด้วยความช่วยเหลือของ Wunsch ทำให้เธอและพี่สาวรอดชีวิตมาได้จนจบสงคราม
Wunsch ได้พูดถึง Helena ไว้ว่า การที่เธอเข้ามาในชีวิตเขานั้นทำให้ชีวิตและมุมมองของเค้าได้เปลี่ยนไป ส่วน Helena เองก็ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ในห้วงแห่งความรัก บางทีเธอก็ลืมไปเลยว่า Wunsch เป็นทหารนาซี และตัวเธอเป็นเชลยชาวยิว
ภายหลังสงครามจบลง Wunsch ถูกจับและถูกตัดสินโทษในเวียนนาในฐานะอาชญากรสงครามที่ใช้ความรุนแรงกับนักโทษ ถึงแม้ว่าท้ายที่สุด Wunsch จะพ้นผิด แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับไม่ได้ดำเนินต่อไปหลังสงคราม
รักต้องห้ามในครอบครัว
เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ กรมขุนเสนาพิทักษ์ เจ้าฟ้ากุ้ง กับ เจ้าฟ้าสังวาลย์ เจ้าฟ้านิ่ม (ไทย, พ.ศ. 2285)
ในประวัติศาสตร์ไทยเอง ก็มีเรื่องราวรักต้องห้ามเกิดขึ้นเช่นกัน เรื่องราวความรักของ เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ กรมขุนเสนาพิทักษ์ หรือเจ้าฟ้ากุ้ง เจ้าฟ้ารัชทายาทของอยุธยากับเจ้าฟ้าสังวาลย์ หรือเจ้าฟ้านิ่มซึ่งเป็นสนมชายาองค์หนึ่งของสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ ซึ่งคือบิดาของเจ้าฟ้ากุ้งเอง
ด้วยความเป็นนักกวีนิพนธ์ของเจ้าฟ้ากุ้ง พระองค์ได้ทรงแต่งกาพย์กลอนเรื่องกากี ที่มาจากเรื่องจริงจากการคบชู้ของพระองค์เองกับเจ้าฟ้านิ่มด้วย ทั้งสองพระองค์ทรงลอบมีความสัมพันธ์กันยาวนานจนถึงกับมีบุตรและธิดาหลายพระองค์
ภายหลังเมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมโกศผู้เป็นบิดาทราบเรื่องการเป็นชู้ของทั้งสองพระองค์ก็ทรงพิโรธมาก เพราะผิดหวังในตัวรัชทายาทและสนมเอก ได้สำเร็จโทษโดยการถอดยศจากเจ้าให้เป็นไพร่ และสั่งเฆี่ยนโบยตีกว่าหลายยก หลังการถูกเฆี่ยนตีเป็นเวลา 3 วัน เจ้าฟ้านิ่มก็สิ้นพระชนม์ และหลังจากนั้นไม่นาน เจ้าฟ้ากุ้งก็ทรงสิ้นพระชนม์ตามไปเช่นกัน
หลังทั้งสองพระองค์สิ้นพระชนม์ สมเด็จสมเด็จพระเจ้าบรมโกศจึงโปรดให้เอาพระศพเจ้าฟ้ากุ้ง กับเจ้าฟ้านิ่มไปฝังไว้ด้วยกัน ณ วัดไชยวัฒนาราม ในจังหวัดอยุธยา ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีเจดีย์ที่รำลึกเป็นสุสานของทั้งสองพระองค์อยู่
ที่มา
Illustration by Namsai Supavong