พร้อมกันหรือยัง วันพฤหัสที่จะถึงนี้ (17 พฤศจิกา) ที่เราจะได้กลับไปสู่ดินแดนเวทย์มนตร์ของคุณป้า J.K. Rowling คราวนี้เป็นเรื่องของนักสัตววิเศษวิทยาที่ได้รับหน้าที่เขียนหนังสือคู่มือเกี่ยวกับสัตว์วิเศษ หนังสือเรียนที่ปรากฏในเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ และกลายมาเป็นหนังสือเดี่ยวๆ ไว้อ่านสนุกๆ ได้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์มหัศจรรย์ทั้งหลาย มีข่าวแว่วมาว่าหนังเรื่อง Fantastic Beasts นี่จะมีทั้งหมดตั้ง 5 ภาคด้วยกันแน่ะ แถมกระแสหนังภาคแรกก็มีเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์ที่ไม่เลวเท่าไหร่ อยากดูแล้ว!
แหม่ พอพูดถึงสัตว์มหัศจรรย์ ในจักรวาลของ J.K. ก็อ้างอิงกับตำนานอะไรของโลกตะวันตก มีฮิปโปกริฟ งูบาซิลิส อะไรก็ว่าไป สำหรับบ้านเรา โลกตะวันออกก็มีดินแดนและสัตว์เหนือจริงเหมือนๆ กัน นั่นก็คือ ‘สัตว์หิมพานต์และถิ่นที่อยู่’
ในวาระนี้ The MATTER เลยชวนมารู้จักกับสัตว์หิมพานต์และถิ่นที่อยู่ก่อนที่จะไปเจอกับสัตว์มหัศจรรย์ในโลกพ่อมดในโรงหนังกัน
ป่าหิมพานต์
ป่าหิมพานต์เป็นเหมือนพื้นที่ในตำนานที่อยู่ในความรับรู้ของคนไทยมาตั้งแต่ครั้งโบราณ ในวรรณคดีหลายๆ เรื่องเวลาพูดถึงเรื่องความมหัศจรรย์ต่างๆ ก็มักจะอ้างอิงเข้าไปในป่าหิมพานต์แห่งนี้ แม้แต่ไม่นานมานี้อดีตดาราหนุ่มรองเท้าแดงก็เคยเล่าถึงการพลัดหลงเข้าไปในป่าวิเศษนี้
ป่าหิมพานต์มาจากคติความเชื่อแบบพุทธ ในไทยเราปรากฏอยู่ใน ‘ไตรภูมิพระร่วง’ หรือ ‘เตภูมิกถา’ วรรณกรรมพุทธศาสนาเก่าแก่สมัยสุโขทัย เตภูมิกถาเป็นหนังสือที่พูดถึง ‘จักรวาลวิทยา’ แบบพุทธๆ จักรวาลวิทยามีความสำคัญคือเป็นคำอธิบายเรื่องความเป็นไปของโลก ที่สำคัญคืออธิบายว่าเราอยู่ตรงไหนของโลก และจะไปทางไหน ในไตรภูมิเองพูดถึงภพทั้งสามคือ กามภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ อันเป็นภพภูมิที่เราๆ เวียนว่ายอยู่ นอกจากนี้ยังพูดถึงวงจรกำเนิดไปจนถึงการสิ้นสุดของโลก โดยรวมแล้วก็ประมาณว่าโลกเรามีที่พิเศษและแสนสุขแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ไม่จีรัง นิพพานจึงเป็นปลายทางที่ควรไป นอกจากนี้ยังพูดถึงเรื่องการปกครองด้วย เช่น จักรพรรดิราช ที่อธิบายเรื่องบุญญาบารมีและทศพิธราชธรรม เป็นการอธิบายสภาวะปัจจุบันของเราๆ ท่านๆ ของผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง
ในไตรภูมิ ป่าหิมพานต์ไม่เชิงเป็นป่า แต่เป็นภูเขาว่าเรียกเขาพระหิมพานต์ ถ้าเรามองต้นตอที่มาเขาหิมพานต์รากสันสกฤตมาจากหิมาลัย อันแปลว่าสถานที่ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ ในคัมภีร์บอกว่าเขาพระหิมพานต์ตั้งอยู่ในแผ่นดินชมพูทวีป หนึ่งในสี่ทวีปใหญ่ในจักรวาลวิทยาแบบพุทธ บนเขามีสระน้ำใหญ่ 7 สระ สระสำคัญก็เช่น สระฉัททันตะเป็นที่อยู่ของพญาช้าง และสระอโนดาต ที่เป็นยอดเขาของป่าหิมพานต์ ในป่านี้มีสัตว์และพันธ์ุไม้ประหลาดมากมาย เช่น มีต้นหว้าใหญ่ที่เอามือล้วงเข้าไปสุดแขนจึงจะถึงเมล็ด ยางของต้นหว้าเมื่อตกลงในน้ำจะกลายเป็นทองคำ นกที่กินลูกหว้าก็มีขนาดเท่าบ้านเรือน ป่าหิมพานต์จึงเป็นพื้นที่สำคัญที่จิตรกรและกวีจะสร้างสรรค์เรื่องราวน่าอัศจรรย์ รวมไปถึงสัตว์พิเศษพันธุ์ผสมทั้งหลายจากป่าหิมพานต์นี้
อนึ่ง ด้วยความที่ป่าหิมพานต์เป็นเหมือนพื้นที่ที่ไม่สิ้นสุดในการสร้างสรรค์ ข้อมูลเรื่องสัตว์หิมพานต์จึงขออ้างอิงกับคติแบบพุทธในความเชื่อเรื่องไตรภูมิเป็นหลัก
ราชสีห์
ในไตรภูมิมีภูมิหนึ่งชื่อติรัจฉานภูมิ อารมณ์ประมาณอธิบายเรื่อง Animal Kingdom คือพูดถึงสรรพสัตว์อันเป็นภพที่ต่ำกว่ามนุษย์ คือสัตว์ดำรงชีวิตด้วยการกินกันเป็นทอดๆ เป็นลำดับชั้น เป็นสิ่งมีชีวิตที่เอาตัวรอด แต่ไม่ ‘รู้บุญรู้ธรรม’ (คือหายากที่จะรู้บุญรู้ธรรม นอกจากการเอาตัวรอดตามสัญชาตญาณ) คำว่าติรัจฉาน แปลว่า ‘ไปด้วยอก’ หรือการมีร่างกายขนานกับพื้น
ราชสีห์ เป็นหนึ่งในสัตว์หิมพานต์ที่พบได้ป่าหิมพานต์ มีทั้งหมด 4 ประเภท มีเลเวลและพลังอำนาจลดหลั่นกันไป ติณะสิงหะมีตัวเป็นเลื่อมเหมือนปีกนกเขา แต่กินหญ้าเป็นอาหาร (ติณ แปลว่าหญ้า) กาลสีหะตัวสีดำ กินหญ้าเหมือนกัน บัณฑูรสิงหะมีกายสีเหลืองแต่กินเนื้อ
สุดท้ายคือ ไกรสรสีหะ เป็นราชสีห์ที่เทพที่สุด ลักษณะเด่นคือมีริมฝีปากและปลายเท้าเป็นแดงชาด มีรูปลักษณ์สง่างาม และมีแผงคอเหมือนสร้อย ส่วนร่างกายนั้นขาวเหมือนหอยสังข์ ระดับความเทพของสัตว์อัศจรรย์นี้ก็ไม่ธรรมดาเพราะมันมีถ้ำคูหาทอง เงิน หรือแก้วส่วนตัว เลอค่ายิ่งกว่าคอนโดกลางกรุงเทพซะอีก ถึงเวลามันก็ออกจากคูหาขึ้นไปคำรามพร้อมกับสะบัดขนบนแท่นหินส่วนตัวที่เรืองเหมือนทอง เจ้าไกรสรสีหะนี้ในยามกลางคืนที่มืดสนิท เวลามันออกมาเดินเที่ยวเล่นก็จะเจิดจ้าและสง่างามเหมือนกับคนที่มีกำลังถือคบไฟแกว่งไปมา
ว่ากันว่าไกรสรสีหะนี้เป็นเจ้าแห่งสัตว์ทั้งปวง พลังพิเศษของมันคือการคำรามที่ดังไกลไปถึง 3 โยชน์ สัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในรัศมีพอได้ยินเสียงของมันก็จะพากันตกใจจนสลบไป ส่วนพวกที่ไม่สลบก็พากันหนีหัวซุกหัวซุน แม้แต่พวกช้างก็ยังเกรงกลัวขนาดว่าถูกผูกไว้ด้วยโซ่ก็แทบจะดึงโซ่ขาด กลัวระดับขี้แตกฉี่ราด (ในคัมภีร์บอกยังงี้จริงๆ นะ) สิ่งมีชีวิตที่จะทนเสียงของสิงห์เทพตัวนี้ได้มีแค่ ม้าพลาหกตระกูล และผู้มีบุญระดับพระโพธิสัตว์และพระอรหันต์ รวมถึงไกรสรสิงหะด้วยกันเอง
ช้างแก้ว
ช้างเป็นอีกหนึ่งสัตว์อเมซิ่งในดินแดนหิมพานต์ คัมภีร์กล่าวว่าช้างแก้วนี่ไม่สามารถเอาไปนับรวมกับสัตว์อื่นๆ ได้ ลำพังช้างแก้วเองเกี่ยวข้องกับพระจักรพรรดิราช เป็นสัตว์มงคลของพระจักรพรรดิราช และช้างในป่าหิมพานต์ก็มีซูเปอร์พาวเวอร์คือสามารถเหาะไปได้ในอากาศ แถมมีถ้ำที่อยู่เป็นทองคำ
ช้างในป่าหิมพานต์มีทั้งหมด 10 ตระกูล ตระกูลที่ถูกพูดถึงเป็นพิเศษคืออุโบสถตระกูล กับ ช้างฉัททันต์ ช้างฉัททันต์นี้เป็นช้างพิเศษ เป็นพญาที่เป็นพระโพธิสัตว์ลงมาบำเพ็ญบารมี ช้างทั้งหลายยามว่างก็จะไปเล่นน้ำกันที่ฉัททันตสระสวิมมิ่งพูล เป็นสระที่มีภูเขาใหญ่ 7 เขาล้อมรอบ ในสระนั้นเหมือนสปา มีนางช้างมาช่วยกันขัดถูให้พญาช้างตัวสะอาดสดใสเหมือนหอยสังข์ขัดใหม่ ใกล้ๆ มีต้นมะค่าใหญ่สำหรับช้างทั้งหลายไปแฮงค์เอาท์
ปลาใหญ่
ในสามโลกนี้มีการกล่าวถึงปลาใหญ่ทั้งหมด 7 ตัว เป็นปลายักษ์ มีชื่อและขนาดตัวต่างกันไป เช่นปลาติรปิงคลก็ตัวเล็กหน่อยมีขนาดลำตัวยาว 50 โยชน์ โยชน์นึงก็ประมาณ 16 กิโลเมตร สิริรวมก็ยาวประมาณ 640 กิโลเมตรได้ ส่วนปลาชื่ออานนท์ นิรย อชนาโรหน มหาติ สี่ตัวนี้ขนาดตัว 1,000 โยชน์ ส่วนที่ใหญ่สุดชื่อ มรปิงคล ไซส์ประมาณ 5,000 โยชน์ ตำราระบุว่าปลาตัวยิ่งใหญ่ ยิ่งมีกำลังมหาศาล ตีฟองทีสะเทือนไกลได้อย่างน้อยๆ 700 โยชน์ ปลาใหญ่เหล่านี้จริงๆ อยู่นอกป่าหิมพานต์อาศัยอยู่ในทะเลสีทันดร คือแม่น้ำ 7 สายที่ไหลคั่นภูเขาทั้ง 7 ที่รายล้อมเขาพระสุเมรุศูนย์กลางของจักรวาล
ครุฑ
ครุฑเป็นสัตว์กึ่งเทพที่มีฤทธิ์สูง ที่อาศัยของครุฑจริงๆ อยู่นอกเขตป่าหิมพานต์ มีศักดิ์ใกล้เคียงกับเทพยดาในสวรรค์ อาศัยบริเวณตีนเขาพระสุเมรุ (ยอดเขาพระสุเมรุคือดาวดึงสวรรค์) ที่ตีนเขาถิ่นที่อยู่ของครุฑเป็นวิมานชื่อสิมพลี เป็นป่างิ้วที่ไม่ใช่จะขึ้นรกๆ แต่ขึ้นเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม อาหารของครุฑก็คือนาค แต่ก็ใช่ว่าจะจับกินตามอำเภอใจได้ เลเวลของครุฑและนาควัดกันด้วยการกำเนิด คือจับได้แค่พวกที่มีกำเนิดต่ำกว่า คือการเกิดด้วยชลาพุชโยนิและอัณฑชโยนิ (คลอดออกมาเป็นตัวหรือเป็นไข่) จะมีเลเวลต่ำว่าพวกที่เกิดแบบมหัศจรรย์ คือ สังเสชโยนิและอุปปาติกโยนิ (คือผุดออกมาจากไคล หรือแบบหลังคือเกิดพรึ่บเป็นตัวเป็นตนเลย มีความมิราเคิลกว่า)
นาค
นาคเป็นศัตรูของครุฑ ถิ่นที่อยู่ของนาคอาศัยอยู่บริเวณบาดาลใต้เขาหิมพานต์ นาคพิภพมีความวิจิตรเป็นวิมาน ปราสาทเงิน ปราสาททอง มีดอกบัวสวยงามตระการตา นาคและดินแดนนาคนี้ก็ไม่ใช่กระจอก แต่เป็นเลเวลใกล้ๆ กับพวกเทวดา ฤทธิ์พิเศษของนาคคือสามารถแปลงตน จำแลงกายได้ นาคมีสองประเภทย่อย เป็นสองประเภทที่จะมากำหนดพลังในการแปลงกาย ถลชะ คือเกิดบนบก และ ชลชะ คือเกิดในน้ำ นาคที่เกิดบนบกจะแปลงกายได้แต่ตอนที่อยู่บนบก ส่วนนาคที่เกิดในน้ำจะแปลงกายได้แต่ในน้ำ
นกกรวิก
นกกรวิกเป็นนกที่มีแหล่งอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ พลังพิเศษของนกตัวนี้คือเสียงที่ไพเราะระดับเหนือโลก คือไพเราะระดับทำให้ไม่ว่าสัตว์หรือมนุษย์ที่ได้ยินก็พากันตะลึงงัน กล่าวว่าขนาดเสือกำลังไล่เนื้อ หรือเด็กที่ถูกไล่ตี พอได้ยินเสียงกรวิกก็จะตกอยู่ในภาวะหยุดนิ่ง เสียงของนกกรวิกมีผลถึงทั้งในน้ำจนในอากาศ ปลา นก หรือสัตว์ทั้งหลายที่ได้ต่างก็ต้องตกอยู่ในภาวะงงงวย ตะลึงงัน
กินรี
กินรีหรือกินนร ร่างท่อนบนเป็นมนุษย์ ท่อนล่างเป็นนก ในไตรภูมิพูดถึงกินรี แต่ไม่ได้อธิบายว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ถิ่นที่อยู่ของกินรีอยู่ที่ภูเขาไกลาศ (สะกดตามต้นฉบับ) เป็นบริวารของพระอิศวร เขาไกลาศนี้เป็นหนึ่งในภูเขา 5 ลูกที่ล้อมสระอโนดาตไว้ สระอโนดาตนี่เรียกได้ว่าดังที่สุดในพื้นที่หิมพานต์ ภูเขาห้าลูกที่ล้อมสระก็ไม่ธรรมดาคือโน้มเข้าหากัน น้ำในสระเลยไม่ต้องแสงพระอาทิตย์หรือพระจันทร์โดยตรง สระนี้จึงเย็นอยู่เสมอ โดยสระอโนดาตนี้ยังเป็นต้นกำเนิดของปัญจมหานที คือ คงคา ยมุนา อจิรวดี มหิและสรภู
นารีผล
ต้นไม้ประหลาดในป่าหิมพานต์ ในป่าหิมพานต์มีโซนหนึ่งเรียกว่าป่าไม้นารีผล มีลักษณะเป็นต้นไม้ที่ออกผลหน้าตาเหมือนหญิงสาววัยแรกแย้มอายุ 16 ปี พวกชายหนุ่มวัยกลัดมันทั้งหลายก็รักชอบในผลไม้พิศวาสนี้ ว่ากันว่าพวกฤาษี วิทยาธรที่มีตบะแก่กล้า พอเจอก็มักจะตบะแตก แย่งชิงเอานารีผลไปเสพสังวาส…
ก็นับว่าเป็นของเล่นผู้ใหญ่ที่มาก่อนกาลเนอะ