ผีกับคนรักกันได้ไหม?
ผีกับคนรักกันได้หรือไม่นั้นไม่มีใครทราบ แต่ผีกับคนสามารถแต่งงานกันได้มีแน่ๆ ในวัฒนธรรมจีนที่เต็มไปด้วยความเชื่อและประเพณีหลากหลายเกี่ยวกับความตาย
‘หมิงฮุน’ หรือประเพณีแต่งงานผี เป็นหนึ่งในความเชื่อเกี่ยวกับการหาคู่ครองในโลกหลังความตายของจีน แม้ฟังดูจะเป็นประเพณีที่แปลกประหลาด ผีจะเข้าพิธีวิวาห์ได้อย่างไรกัน แต่ประเพณีนี้มีอยู่จริงบนโลกของเรา
และในโลกบันเทิงอย่างวงการภาพยนตร์เอง ก็ได้มีการหยิบยืมเอาวัฒนธรรมดังกล่าวมานำเสนอในอีกมุมด้วยเช่นกัน อย่าง Marry My Dead Body (2022) หนังสัญชาติไต้หวัน ว่าด้วยเรื่องราวของชายหนุ่มที่จับพลัดจับผลูหยิบซองแดงปริศนาขึ้นมา จนตัวเขาต้องเข้าพิธีวิวาห์กับคนตาย แถมอีกฝ่ายยังเป็นผู้ชายด้วยกัน สู่การตามสืบเรื่องราวปริศนาเพื่อให้ดวงวิญญาณคนตายได้ไปเกิดใหม่
และตอนนี้ประเทศไทยเราก็ได้นำหนังดังกล่าวมาสร้างใหม่ในชื่อ ซองแดงแต่งผี พร้อมผสานความเป็นไทยลงไปในเนื้อเรื่อง โดยในเวอร์ชั่นนี้ได้ บิวกิ้น—พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล มารับบทเป็น ‘เม่น’ ชายหนุ่มดวงซวย ผู้บังเอิญเจอซองแดง จนต้องแต่งงานกับ ‘ตี่ตี๋’ รับบทโดย พีพี—กฤษฏ์ อำนวยเดชกร วิญญาณเกย์หนุ่มที่ไม่ยอมไปเกิดเพราะยังมีเรื่องค้างคาใจ จนเม่นต้องเข้ามาช่วยสืบคดีอุบัติเหตุที่คร่าชีวิตตี่ตี๋ ส่วนเรื่องราวจะจบลงอย่างไรก็คงต้องไปติดตามชมกันต่อในวันที่ 20 มีนาคม 2568 เป็นต้นไปในโรงภาพยนตร์
The MATTER เลยขอพาทุกคนไปดูถึงตัวประเพณีการแต่งงานกับผี ซึ่งอาจไม่ใช่แค่การหาคู่ให้กับคนตายเพียงเท่านั้น แต่ยังมีแง่มุมเชิงวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ซ่อนอยู่เบื้องหลังการแต่งงานระหว่างคนตายกับคนเป็นด้วยเช่นกัน
เมื่อผีก็สามารถแต่งงานได้
การแต่งงานระหว่างคนเป็นกับผีไม่ใช่เรื่องใหม่แกะกล่องแต่อย่างใด เมื่อธรรมเนียมดังกล่าวมีชื่อเรียกในภาษาจีนว่า หมิงฮุน เป็นประเพณีการสมรสให้แก่ดวงวิญญาณผู้ล่วงลับ ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยก่อนราชวงศ์ฉิน หรือราวๆ กว่า 3,000 ปีแล้ว โดยในบันทึก Danqian yulu ของหยางเซิน นักปราชญ์ในสมัยราชวงศ์หมิง กล่าวว่า “ประเพณีนี้มีมาแต่สมัยโบราณ และยังเป็นประเพณีที่ยังคงปฏิบัติกันในกลุ่มคนหมู่มากมาจนถึงทุกวันนี้”
แรกเริ่มเดิมทีประเพณีหมิงฮุนจะเป็นการจัดงานแต่งงานระหว่างผู้ 2 ล่วงลับ ที่ได้ทำการหมั้นหมายกันไว้แล้วตั้งแต่ตอนยังมีชีวิต แต่อาจมีเหตุที่ทำให้ทั้งคู่ต้องเสียชีวิตไปก่อน โดยนอกจากจะจัดพิธีและฝังร่างทั้ง 2 ไว้เคียงคู่กันแล้ว ครอบครัวของฝ่ายเจ้าสาวจะเรียกร้องค่าสินสอด ตลอดจนสินสอดอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับ หรือคฤหาสน์หลังใหญ่ แต่ไม่ต้องกังวลไปว่าคนตายจะไม่ได้รับของ เพราะสินสอดทั้งหมดอยู่ในรูปแบบของกระดาษบรรณาการ
เมื่อเวลาล่วงเลยไป งานแต่งงานแบบหมิงฮุนก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย หากในบ้านมีใครเสียชีวิตไปขณะยังโสด ครอบครัวจะแสวงหาคู่ครองที่เหมาะสม ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตเหมือนกันที่ไม่ได้หมั้นหมายกันมาก่อน และนำมาทำพิธีตามความเชื่อพร้อมฝั่งร่างของทั้งคู่ไว้ด้วยกัน
เพราะประเพณีหมิงฮุนมีพื้นฐานมาจากความเชื่อที่ว่า หากเสียชีวิตไปขณะยังโสด วิญญาณจะรู้สึกโดดเดี่ยวในชีวิตหลังความตาย และเมื่อวิญญาณไม่สามารถค้นพบความสุขได้ เขาหรือเธออาจกลับมาทำร้ายสมาชิกในครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่ได้
ในบางกรณีก็อาจมีการนำคนตายมาแต่งงานกับคนเป็นด้วย โดยอาจใช้รูปถ่ายและเสื้อผ้าของผู้ล่วงลับมาเป็นตัวแทนของฝั่งคนตาย หรือในวัฒนธรรมของไต้หวันจะนำซองแดงที่บรรจุเงินสด ธนบัตร ผม และเล็บ วางเอาไว้ตามสถานที่ต่างๆ พร้อมรอให้ผู้ชายสักคนมาหยิบซองแดงไป โดยคนแรกที่หยิบซองแดงจะได้รับเลือกเป็นเจ้าบ่าว หากใครปฏิเสธก็เชื่อกันว่าจะเกิดเรื่องโชคร้ายกับตัวผู้ที่หยิบซองแดง
บางครอบครัวมีความเชื่อว่า ผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงานจะถูกมองว่าน่าอาย สังคมอาจดูหมิ่นและเหยียดหยามเธอได้ เมื่อผู้หญิงเหล่านี้เสียชีวิต พ่อแม่จึงต้องหาเจ้าบ่าวมาให้เธอแต่งงานด้วย ส่วนหนึ่งก็เพื่อยกระดับสถานะทางสังคมของเธอให้สูงขึ้น แถมไม่ทำให้ครอบครัวที่ยังอยู่ต้องอับอาย
ดังนั้น หมิงฮุนจึงกลายเป็นอีกหนึ่งประเพณีสำคัญที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมความเชื่อเกี่ยวกับโลกหลังความตายของคนจีน ซึ่งมองว่าความสัมพันธ์อาจไม่ได้จบลงด้วยความตาย บางสิ่งบางอย่างก็จำเป็นต้องได้รับการเติมเต็ม แม้ร่างกายจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้วก็ตาม
มองความสำคัญของการมีคู่ครองผ่านหมิงฮุน
นอกจากเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างคนเป็นกับคนตาย หรือความเชื่อเรื่องโลกหลังความตายแล้ว ประเพณีหมิงฮุนยังชวนให้เราเห็นถึงการให้คุณค่าและความสำคัญของการมีคู่ครองด้วยเช่นเดียวกัน
ไม่ว่าจะเพราะกลัวลูกเหงา หรือเพราะไม่อยากอับอาย ความเชื่อทั้งหมดเกี่ยวกับการแต่งงานของคนตายนี้กลับเป็นใบเบิกทาง ซึ่งจะพาเราไปเข้าใจมุมมองเรื่องการมีคู่ครองของคนจีน โดยงานศึกษาจาก University at Albany ได้สำรวจถึงแง่มุมและมุมมองของพ่อแม่ชาวจีนต่อการแต่งงาน พบว่า พ่อแม่จำนวนไม่น้อยที่ร่วมตอบแบบสอบถามกังวลต่อสถานะความโสดของลูก บางครอบครัวถึงขั้นเข้าไปมีบทบาทต่อการช่วยลูกเลือกคู่ครอง หรือวางแผนให้กับลูกเลยก็มี
ซึ่งถ้าจะพูดถึงมุมมองและการให้ความสำคัญต่อการแต่งงานของชาวจีนแล้ว อาจกล่าวได้ว่าเป็นกรอบความคิดที่ถูกปลูกฝังผ่านปรัชญาหรือแนวคิดของนักปราชญ์ อันเป็นรากฐานชุดความคิดของชาวจีนมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ ตัวอย่างเช่น แนวคิดของเมงจื่อที่มองว่าสามีภรรยาคือ ‘บทบาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์’
หรือกระทั่งแนวคิดเรื่องหยิน-หยาง ซึ่งเดิมทีไม่ได้ผูกโยงกับเรื่องเพศ แต่เมื่อนักคิดชาวจีนเริ่มเปรียบเทียบหยิน-หยางกับชาย-หญิง ก็ได้นำไปสู่การเชื่อมโยงกับความเป็นสามีและภรรยาด้วยเช่นเดียวกันว่า บทบาทของสามีและภรรยาควรเป็นส่วนเสริมซึ่งกันและกัน ตัวอย่างเช่น การแบ่งงานนอกบ้านและในบ้าน หรือแม้แต่ความรับผิดชอบในการเลี้ยงบุตร ซึ่งต่างฝ่ายต่างต้องใช้จุดแข็งของตนในการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ด้วยรากฐานความคิดเกี่ยวกับคุณค่าของการแต่งงานที่มีมานมนาน ชาวจีนจึงยกให้การแต่งงานหรือการมีคู่ครองเป็นอีกหนึ่งบทบาทและหน้าที่หนึ่งของชีวิต กระทั่งแม้จะไม่มีชีวิตแล้ว แต่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว เหล่าคนเป็นจึงต้องหาทางช่วยเติมเต็มในจุดนี้
แล้วหมิงฮุนยังมีอยู่ในปัจจุบันไหม?
มาถึงตรงนี้หลายคนก็อาจคิดว่า หมิงฮุนเป็นประเพณีของคนโบราณ คนปัจจุบันก็คงไม่มีธรรมเนียมแบบนี้ปรากฏอยู่ แต่แท้จริงแล้วประเพณีนี้ยังคงมีหลงเหลืออยู่ไม่ได้เลือนหายไปไหน เมื่อบางครอบครัวก็ยังคงจัดงานสมรสให้แก่บุตรหลานที่ล่วงลับไปแล้วเหมือนเมื่อครั้งอดีต
ย้อนกลับปี 2009 ในมณฑลเหอหนานของจีน ก็ยังมีรายงานการแต่งงานระหว่างฝ่ายเจ้าบ่าวที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเมื่อปี 2008 กับเจ้าสาวผู้เป็นคนจากหมู่บ้านเดียวกันที่เพิ่งเสียชีวิตด้วยโรคไตวาย ซึ่งการแต่งงานในครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญต่อครอบครัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้อาวุโสในครอบครัวประกาศชัดเจนว่า ถ้ายังไม่ได้แต่งงานก็จะไม่สามารถฝังรวมกับคนในตระกูลได้ ในขณะเดียวกันทางฝ่ายหญิงเอง ก็จะไม่ได้รับการทำพิธีอย่างเป็นทางการด้วยเช่นกัน ถ้าเจ้าตัวยังคงโสดอยู่
และอีกหนึ่งตัวอย่างของงานแต่งงานระหว่างคนเป็นกับคนตาย เกิดขึ้นที่เมืองไถจง ประเทศไต้หวัน เมื่อฝ่ายแฟนสาวได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน ทำให้ฝ่ายชายเลือกจัดงานแต่งงานกับฝ่ายหญิงตามธรรมเนียมแบบหมิงฮุน มีการสวมชุดแต่งงานให้กับอัฐิของเจ้าสาว พร้อมกับปฏิญาณตนเพื่อขออยู่เคียงข้างเธอไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต
ดังนั้นแล้ว ประเพณีหมิงฮุนจึงไม่ใช่แค่เรื่องการแต่งงานกันระหว่างผี หรือการจับคนเป็นมาแต่งงานกับคนตายเท่านั้น แต่ประเพณีและความเชื่อดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่า และการให้ความสำคัญเกี่ยวกับการมีคู่ครองในวัฒนธรรมจีน ตลอดจนมุมมองเชิงวัฒนธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับความตาย ซึ่งถูกแฝงมาควบคู่กับการมีอยู่ของประเพณีดังกล่าวด้วย
บางครั้งการแต่งงานกับคนตายอาจไม่ใช่เรื่องความลี้ลับ หรือความน่ากลัวเสมอไป ในอีกแง่หนึ่ง เราอาจมองได้ว่า มันคือร่องรอยของความอาลัยและความเศร้าโศกจากการสูญเสีย ที่ยังไม่จางหายไปไหนได้เช่นเดียวกัน
อ้างอิงจาก